เผย ผอ.อคส. เตรียมเข้าให้ปากคำ ป.ป.ช. 3 พ.ย.นี้ หลังรับไต่สวนคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 1.125 แสนล้านบาท และสั่งอายัดเงิน 2 พันล้านบาทที่จ่ายเป็นค่ามัดจำให้ “การ์เดียน โกลฟส์” จ่อแฉโครงข่ายผู้กระทำผิด ทั้งคนใน คนนอก ยันมีหลักฐานโยง
วานนี้ (29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก องค์การคลังสินค้า (อคส.) ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกรณีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท และกรณี อคส.ได้โอนเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง ที่เป็นคู่สัญญาว่า ในวันที่ 3 พ.ย.2563 นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. จะเดินทางไปให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องนี้ไว้ไต่สวน และสั่งอายัดเงิน 2,000 ล้านบาทแล้ว เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ อคส. ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 5-7 ปาก และได้สรุปส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อแล้ว
ทั้งนี้ ในการเดินทางไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช.นั้น ผอ.อคส. ได้เตรียมคำให้การและพยานหลักฐานทั้งหมดไว้พร้อมแล้ว รวมถึงโครงข่ายของผู้กระทำความผิดทั้งหมด ตั้งแต่ตัวการ ตัวการร่วม และผู้สนับสนุนให้ความผิดสำเร็จ รวมๆ แล้วประมาณ 10 ราย มีทั้งคนใน อคส. และคนนอก โดยในจำนวนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ อคส. ที่เกี่ยวข้อง 3-5 ราย และยังมีเอกสารหลักฐานโยงใยไปถึงตัวผู้บงการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ที่เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง 112,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังมีหลักฐานที่ระบุว่ามีผู้สนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่ อคส. อีก 2 ราย ที่ทราบว่า จะมีการโอนเงิน 2,000 ล้านบาท ไปให้ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 แต่ไม่สามารถขัดขวางได้ ทั้งๆ ที่เงินจำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเงินสวัสดิการของพนักงาน ที่หากจะนำไปใช้ ต้องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อน จึงทำได้เพียงลาหยุดงานในวันดังกล่าว และทั้ง 2 รายได้รับผลประโยชน์เป็นการตอบแทนในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (สร.) อคส. ได้ยื่นหนังสือต่อ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส. เพื่อติดตามความคืบหน้าการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง และขอทราบแนวทางการติดตามนำเงินของ อคส. แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับคำตอบจากฝ่ายบริหาร
ทางด้านแหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว และมีมติให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวก เนื่องจากในการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบความผิดปกติอย่างมาก จึงต้องเร่งดำเนินการอายัดเงินในบัญชีและไต่สวนโดยเร็ว
สำหรับการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เมื่อเดือน ส.ค.2563 โดยได้ทำสัญญากับ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. เพื่อไปขายต่ออีก 7 ราย และได้นำเงินของ อคส. จำนวน 2,000 ล้านบาท จ่ายให้ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด อคส. ถือว่าผิดกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำโดยมิชอบ ส่งผลให้บอร์ด อคส. มีมติให้ผู้อำนวยการ อคส. ทำหนังสือถึง ดีเอสไอ, ป.ป.ช. พิจารณาความผิด และส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงิน 2,000 ล้านบาท รวมถึงให้ระงับการดำเนินการตามสัญญาทั้งหมด
วานนี้ (29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก องค์การคลังสินค้า (อคส.) ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกรณีการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท และกรณี อคส.ได้โอนเงินค่ามัดจำสินค้า 2,000 ล้านบาทให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยาง ที่เป็นคู่สัญญาว่า ในวันที่ 3 พ.ย.2563 นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. จะเดินทางไปให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องนี้ไว้ไต่สวน และสั่งอายัดเงิน 2,000 ล้านบาทแล้ว เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของ อคส. ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 5-7 ปาก และได้สรุปส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อแล้ว
ทั้งนี้ ในการเดินทางไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช.นั้น ผอ.อคส. ได้เตรียมคำให้การและพยานหลักฐานทั้งหมดไว้พร้อมแล้ว รวมถึงโครงข่ายของผู้กระทำความผิดทั้งหมด ตั้งแต่ตัวการ ตัวการร่วม และผู้สนับสนุนให้ความผิดสำเร็จ รวมๆ แล้วประมาณ 10 ราย มีทั้งคนใน อคส. และคนนอก โดยในจำนวนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ อคส. ที่เกี่ยวข้อง 3-5 ราย และยังมีเอกสารหลักฐานโยงใยไปถึงตัวผู้บงการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ที่เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง 112,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังมีหลักฐานที่ระบุว่ามีผู้สนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่ อคส. อีก 2 ราย ที่ทราบว่า จะมีการโอนเงิน 2,000 ล้านบาท ไปให้ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 แต่ไม่สามารถขัดขวางได้ ทั้งๆ ที่เงินจำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเงินสวัสดิการของพนักงาน ที่หากจะนำไปใช้ ต้องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อน จึงทำได้เพียงลาหยุดงานในวันดังกล่าว และทั้ง 2 รายได้รับผลประโยชน์เป็นการตอบแทนในภายหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (สร.) อคส. ได้ยื่นหนังสือต่อ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส. เพื่อติดตามความคืบหน้าการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง และขอทราบแนวทางการติดตามนำเงินของ อคส. แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับคำตอบจากฝ่ายบริหาร
ทางด้านแหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว และมีมติให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ กับพวก เนื่องจากในการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว พบความผิดปกติอย่างมาก จึงต้องเร่งดำเนินการอายัดเงินในบัญชีและไต่สวนโดยเร็ว
สำหรับการทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เมื่อเดือน ส.ค.2563 โดยได้ทำสัญญากับ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. เพื่อไปขายต่ออีก 7 ราย และได้นำเงินของ อคส. จำนวน 2,000 ล้านบาท จ่ายให้ บจ.การ์เดียนโกลฟส์ โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด อคส. ถือว่าผิดกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นการกระทำโดยมิชอบ ส่งผลให้บอร์ด อคส. มีมติให้ผู้อำนวยการ อคส. ทำหนังสือถึง ดีเอสไอ, ป.ป.ช. พิจารณาความผิด และส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงิน 2,000 ล้านบาท รวมถึงให้ระงับการดำเนินการตามสัญญาทั้งหมด