ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลจังหวัดนครราชสีมาตัดสินจำคุก “ประจักษ์และพวก” คดีล่อซื้อกระทงลิขสิทธิ์รีดทรัพย์ เด็กหญิง15 ปี ชาวโคราช เผยเป็นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยใน 3 ข้อหา สั่งจำคุก“ประจักษ์” 2 ปี 6 เดือน และ “นัน กิ่งเพชร” 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา และยกฟ้องภรรยานันจำเลยที่ 3
วานนี้ (28 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายรายงานความคืบหน้าคดีกรณีเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ชาว จ.นครราชสีมา อายุ 15 ปี หารายได้เสริมด้วยการรับทำกระทงขายทางออนไลน์ กระทั่งมีคนโทรศัพท์มาสั่งกระทงลายการ์ตูน ยอดรวม 510 บาท พร้อมวางเงินมัดจำ 200 บาท และนัดรับสินค้าในตัวเมืองนครราชสีมา ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดรับสินค้าได้มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็กสาววัย 15 ปี เนื่องจากกระทงมีลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ โดยได้เสนอเรียกรับเงิน 50,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวไม่ต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายผู้ปกครองเจราจายอมจ่ายเงินให้ 5,000 บาท
ต่อมาเด็กหญิงอายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายประจักษ์ โพธิผล, นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือ นัน กิ่งเพชร และ น.ส.วนิสา ภรรยาของนายนัน 3 ผู้ต้องหา ขบวนการรีดทรัพย์เหยื่อล่อซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อ้างเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ ในฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จและกักขังหน่วงเหนี่ยว จนเป็นคดีโด่งดังเมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย. 2562 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด นายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ทางสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาได้เป็นทนายร่วมช่วยเหลือผู้เสียหาย คือ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) เป็นคดีแรก และได้มีการสืบพยานในชั้นศาลมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวันนี้ ศาลจังหวัดนคราชสีมาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยใน 3 ข้อหา คือ ใช้เอกสารปลอมในเรื่องของหนังสือมอบอำนาจ, แจ้งความเท็จ และกรรโชกทรัพย์ โดยสั่งให้จำคุกจำเลยที่ 1 คือ นายประจักษ์ โพธิผล เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือ นัน กิ่งเพชร จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 คือ น.ส.วนิสา ภรรยาของนายนัน ศาลได้ยกฟ้องเนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
ส่วนกรณีที่ศาลตัดสินลงโทษจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่เท่ากัน นั้น ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์การทำความผิดเป็นหลัก จึงใช้ดุลพินิจในคำตัดสินพิพากษาไม่เท่ากัน
โดยหลังจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ทางจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเบื้องต้นศาลชั้นต้นได้ให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 3 คน ด้วยหลักทรัพย์คนละ 80,000 บาท ส่วนชั้นอุทธรณ์ยังไม่ทราบว่าจะมีดุลพินิจเรียกประกันตัวด้วยหลักทรัพย์จำนวนเท่าใด และเมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ทางสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา จะเข้าไปช่วยเหลือ เด็กหญิงเอ ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
วานนี้ (28 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายรายงานความคืบหน้าคดีกรณีเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ชาว จ.นครราชสีมา อายุ 15 ปี หารายได้เสริมด้วยการรับทำกระทงขายทางออนไลน์ กระทั่งมีคนโทรศัพท์มาสั่งกระทงลายการ์ตูน ยอดรวม 510 บาท พร้อมวางเงินมัดจำ 200 บาท และนัดรับสินค้าในตัวเมืองนครราชสีมา ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดรับสินค้าได้มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเด็กสาววัย 15 ปี เนื่องจากกระทงมีลายการ์ตูนลิขสิทธิ์ โดยได้เสนอเรียกรับเงิน 50,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวไม่ต้องถูกดำเนินคดี สุดท้ายผู้ปกครองเจราจายอมจ่ายเงินให้ 5,000 บาท
ต่อมาเด็กหญิงอายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายประจักษ์ โพธิผล, นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือ นัน กิ่งเพชร และ น.ส.วนิสา ภรรยาของนายนัน 3 ผู้ต้องหา ขบวนการรีดทรัพย์เหยื่อล่อซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อ้างเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์ ในฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จและกักขังหน่วงเหนี่ยว จนเป็นคดีโด่งดังเมื่อช่วงปลายเดือนพ.ย. 2562 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด นายพรเทพ เจริญพงศ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ทางสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาได้เป็นทนายร่วมช่วยเหลือผู้เสียหาย คือ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) เป็นคดีแรก และได้มีการสืบพยานในชั้นศาลมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเช้าวันนี้ ศาลจังหวัดนคราชสีมาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยใน 3 ข้อหา คือ ใช้เอกสารปลอมในเรื่องของหนังสือมอบอำนาจ, แจ้งความเท็จ และกรรโชกทรัพย์ โดยสั่งให้จำคุกจำเลยที่ 1 คือ นายประจักษ์ โพธิผล เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน และจำเลยที่ 2 นายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือ นัน กิ่งเพชร จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 3 คือ น.ส.วนิสา ภรรยาของนายนัน ศาลได้ยกฟ้องเนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
ส่วนกรณีที่ศาลตัดสินลงโทษจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่เท่ากัน นั้น ศาลจะพิจารณาจากพฤติการณ์การทำความผิดเป็นหลัก จึงใช้ดุลพินิจในคำตัดสินพิพากษาไม่เท่ากัน
โดยหลังจากศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา ทางจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเบื้องต้นศาลชั้นต้นได้ให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 3 คน ด้วยหลักทรัพย์คนละ 80,000 บาท ส่วนชั้นอุทธรณ์ยังไม่ทราบว่าจะมีดุลพินิจเรียกประกันตัวด้วยหลักทรัพย์จำนวนเท่าใด และเมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ทางสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา จะเข้าไปช่วยเหลือ เด็กหญิงเอ ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป