xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กตู่ยอมโละอำนาจส.ว.โหวตนายกฯ-ให้ส.พระปกเกล้าเจ้าภาพสมานฉันท์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" ย้ำจำเป็นต้องพาประเทศพ้นวิกฤตทุกเรื่อง อยากให้หันหน้ามาเจรจา เชื่อมีทางออก ย้ำหนุนแก้รธน.ไม่ขัดถ้าจะตัดอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ เผยครม.ถกตั้งคกก.สมานฉันท์ ให้สภาดำเนินการ ชี้นายกฯอยู่หรือไป ว่ากันตามกลไก 'ชวน'ประสานสถาบันพระปกเกล้า ออกแบบคณะทำงานปรองดอง "เพื่อไทย"บอกแค่ซื้อเวลา ยัน"บิ๊กตู่"ต้องลาออกเท่านั้น "ธนาธร"จวกรัฐใส่ร้ายผู้ชุมนุม บังคับให้ประชาชนเลือกข้าง "ปิยบุตร"ซัดอภิปรายไร้ประโยชน์ ขู่ม็อบลงถนนอีก “สิระ”เตรียมยืน ป.ป.ช.ถอดถอน “วิสาร” กรีดเลือดกลางสภา พร้อมยื่นสอบจริยธรรม ด้าน"อุบลศักดิ์" ยันไม่ได้ทำผิด แค่แสดงออกที่เห็นไม่ตรงกัน

วานนี้ (28ต.ค.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังประชุมครม. กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกประเทศ ว่าได้พูดยืนยันไปหลายครั้งแล้วว่า ตนจำเป็นจะต้องนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามรธน. ปัญหาการเมืองที่เกิดในครั้งนี้ ทุกคนต้องร่วมมือ หันหน้ามาเจรจาพูดคุยกันในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน อย่างประนีประนอม อย่างสันติวิธีนี้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

"ผมไม่ได้เกลียดชังใครทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะว่าร้ายอะไรผมก็ตาม ผมก็ฟังได้ และต้องอดทน เพราะเป็นนายกฯ โมโหอะไรมากไม่ได้ เพราะเป็นนายกฯต้องอดทน ต้องไม่โมโห ไม่โกรธง่าย พูดจากให้ไพเราะ และวันนี้ผมก็พูดเพราะกว่าหลายๆ คนที่ได้ยินมาในขณะนี้ ทางออกมีอยู่แล้ว และขอให้เจอทางออกที่ว่านั้น ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจว่า เราจะต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้กับประเทศของเรา ไม่ใช่ผมคนเดียว ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่ตนสรุปได้จากการประชุม 2 วัน มีหลายอย่างที่เห็นด้วย โดยเรื่องสำคัญตนสนับสนุนเรื่องการแก้ไขรธน. ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศไปแล้ว โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐสภา แต่หลายอย่างต้องผ่านหลายกระบวนการ ก็ต้องทำตามรธน.ฉบับปัจจุบันไปด้วย เพราะยังมีผลบังคับใช้อยู่ จนกว่าจะมีรธน. ฉบับใหม่ ฉะนั้นอยู่ดีๆ จะไปตั้งกฎกติกาใหม่ทันที ตามระยะเวลาเท่าโน้น เท่านี้ ตามต้องการมันเป็นไปไม่ได้

"ผมเห็นด้วยในการสนับสนุนแก้ไขรธน. ส่วนที่ว่าจะให้ ส.ว.เลือกนายกฯ หรือไม่เลือกนายกฯ ก็แล้วแต่ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ ถ้าจะไม่ให้เลือกผมก็ได้ ไม่ได้ขัดข้องอะไร ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหารือในรัฐสภา"

ส่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาศึกษาหาทางออก จากแนวทางที่ได้หารือกันในรัฐสภา ซึ่งตนได้หารือในที่ประชุมครม.แล้ว น่าจะเป็นทางสภาตั้งขึ้นมาจากหลายฝ่ายด้วยกัน ทั้งในส่วนของรัฐสภา ส.ส. ส.ว. และกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กลุ่มชุมนุม กลุ่มอะไรต่างๆ ก็ขอให้หารือกันโดยสงบ หาข้อเท็จจริงออกมาให้ได้ ในลักษณะที่ต้องดูทั้งบริบทการเมืองของเราที่ประกอบด้วยหลายส่วน หลายฝ่าย

เมื่อถามว่า คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้น จะมีอิสระการทำงานหรือไม่ เพราะเมื่อรัฐบาลตั้งเอง อาจถูกมองว่าครอบงำได้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพูดอย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้เกียรติสภา เพราะเป็นความเห็น ส.ส. และส.ว. ที่เสนอขึ้นมา ต้องเคารพซึ่งกันและกัน ถ้าตั้งธงไว้ ก็ไม่ชอบ ไม่เชื่อใจกันหมด ลองเชื่อใจกันสักครั้ง ถ้าไม่เชื่อใจเลย มันก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด

เมื่อถามว่า นายกฯ จะอยู่ครบวาระ 4 ปี แสดงว่าจะไม่รับข้อเสนอของผู้ชุมนุม ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำไมตนต้องตอบสิ่งนี้ก็ไม่รู้ ตนเข้ามาด้วยอะไร ก็ว่ากันไป จะออกด้วยอะไร ก็ว่ากันมา ไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต รัฐบาลไม่ได้หยุดแค่รัฐบาลนี้ กระบวนการเลือกตั้ง กระบวนการรัฐธรรมนูญต่างๆ มีอยู่แล้ว

ช่วงท้ายผู้สื่อถามว่า สบายใจหรือยัง ที่ได้ฟังความเห็นรัฐสภามา 2 วัน พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแต่หันมา แต่ไม่ได้ตอบ แต่ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายกฯ เดินออกจากห้องแถลงข่าวไปแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่ทีมงานรัฐมนตรี ได้ถามนายกฯว่า สบายใจขึ้นหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า รู้สึกสบายใจ แต่ไม่สบายกาย เพราะเจ็บหู

ให้ส.พระปกเกล้าออกแบบคณะก.ก.

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายทั่วไปหาทางออกประเทศ 2 วันที่ผ่านมาว่า เห็นตรงกันให้สภาฯ เป็นเจ้าภาพตั้งคณะทำงานศึกษาสร้างความปรองดองเพื่อหาทางออกร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม จึงได้ประสานไปยังสถาบันพระปกเกล้า เพื่อให้ศึกษารูปแบบหาทางออกร่วมกัน และออกแบบโครงสร้างของคณะทำงาน ว่าควรจะเป็นอย่างไร เนื่องจากข้อเสนอจากรัฐสภา ยังไม่มีความชัดเจนว่าต้องการรูปแบบใด

"ดังนั้น ต้องหาว่าจุดประสงค์ในการตั้งคณะทำงานคืออะไร สามารถทำได้ และมีผลมากน้อยเพียงใด หากจะใช้รูปแบบคณะกรรมการ จะประกอบไปด้วยใครบ้าง และจะเชิญตัวแทนผู้ร่วมชุมนุมเข้าร่วมด้วยหรือไม่ จึงจำเป็นต้องให้สถาบันพระปกเกล้าช่วยคิด" นายชวน กล่าว

พท.ชี้ตั้งคณะกก.แค่ซื้อเวลา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายใน 2 วันที่ผ่านมา มีข้อเสนอชัดเจน และเหตุผลสนับสนุนที่หนักแน่น ประชาชนทั้งประเทศรับรู้ และเข้าใจ จึงไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อหาทางออกให้กับประเทศตามข้อเสนอของฝ่ายรัฐบาล เพื่อซื้อเวลา ขณะนี้จึงเหลือแค่การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่จะเป็นทางออกให้กับประเทศ

พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการทันที คือ 1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก 2. ปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังโดยไม่มีเงื่อนไข 3. ทุกฝ่ายต้องแสดงความจริงใจในการแก้ไขรธน.ให้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยเร็ว

"การที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลาออก อ้างไม่อยากตัดช่องน้อยแต่พอตัว เป็นการหวงอำนาจอย่างยิ่ง และเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติ ซึ่งชัดเจนว่า รัฐบาลไม่สนใจที่จะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง" เลขาฯพรรคเพื่อไท ยกล่าว

วงเจรจาไม่มีเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวหลังการประชุม ครม.ถึงเรื่องตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่ฝ่ายค้านมองว่าเป็นการยื้อเวลาว่า คนเราอย่าไปคิดอะไรที่เป็นการเดาโจทย์ เดาคำตอบกันเอง ต้องยึดหลักความเป็นจริง ต้องดูที่ความตั้งใจมากกว่า นายกฯ ก็พูดตลอดว่าท่านตั้งใจ และการเปิดโต๊ะเจรจาก็เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกเขาทำกัน เมื่อมีความขัดแย้ง ก็ต้องเปิดโต๊ะเจรจา

สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุม ก็ขออย่าปิดกั้นโอกาสของตัวเอง ต้องมองว่าเมื่อมีเวทีที่มีโอกาสเจรจา ทุกฝ่ายก็ควรใช้ความจริงใจในการเข้าร่วม พูดด้วยตรรกะ ความเป็นจริง ประเทศชาติจึงจะเดินหน้าไปได้

เมื่อถามว่า จะนำข้อเสนอเรื่องปฏิรูปสถาบันฯมาไว้ในวงเจรจา หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายและรธน. เราคุยได้หมด เรื่องไหนที่ผิดรธน. มันคุยไม่ได้ เรื่องปฏิรูปสถาบันฯ แค่คิด ก็ไม่ถูกต้องแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ เป็นเรื่องสุดโต่ง

เมื่อถามว่า สบายใจหรือไม่ ที่นายกฯ ประกาศว่า ไม่ลาออก นายสุชาติ กล่าวว่า ภารกิจประเทศชาติใหญ่หลวงมากหลายเรื่อง นายกฯ พูดแล้วว่าหากออกไป สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะไปต่ออย่างไร ถือเป็นดุลยพินิจของท่าน

อภิปรายไม่เกิดผล ลงถนนดีกว่า

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึง ภาพรวมของการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ตลอด2 วันที่ผ่านมาว่ารัฐบาลได้กำหนดแนวทางในการอภิปราย 2 เรื่อง คือ1. พยายามเชื่อมโยงและทำให้การชุมนุมของเยาวชนถูกด้อยค่า 2. พยายามอธิบายข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมว่าทำไม่ได้ หรือบางข้อต้องใช้เวลา แต่สำหรับตนเองนั้นการจะแก้ไขปัญหาทางการเมือง จะต้องอาศัยเจตจำนงเป็นหลัก หากมีเจตจำนงจริงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น

"ถ้าท่านอยากจะทำจริงๆ เช่น การแก้ไขรธน.แบบ 3 วาระรวด เพื่อเอาส.ว.ออกไป ก็สามารถทำได้ หรือหากจะลาออกก็ทำได้ เพราะแคนดิเดตนายกฯ มีอยู่แล้ว หรือการบอกว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยกร่างรธน. เหมือนเป็นการพูดแบบคิดว่าคนไทยกินแกลบหรืออย่างไร ดังนั้น การอภิปรายทั้ง 2 วันที่ผ่านมา จึงเป็นการพิสูจน์ว่าไม่ได้แก้ปัญหาอะไรโดยเฉพาะการอภิปรายตอนท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์"

ส่วนการจะตั้งคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วยบุคคลหลายฝ่ายนั้น หากไม่เอาข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง 3 ข้อเข้าไปด้วย การตั้งคณะกรรมการฯ ก็ไม่เป็นประโยชน์ แบบนี้ประชาชนอาจสิ้นหวังกระบวนการทางสภา และทำให้ลงถนนอีกครั้ง ที่ผ่านมาใช้กลไกต่างๆ เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น เพราะหากเรื่องใดอยากทำจริงๆก็สามารถทำได้ทันที

ฉะรัฐใส่ร้ายม็อบ บีบปชช.เลือกข้าง

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ข้อกล่าวหาว่าพวกเราอยู่เบื้องหลัง และมีต่างชาติอยู่เบื้องหลังการชุมนุมนั้น การชุมนุมของเยาวชนถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้เรียกร้องให้มีการล้มล้างการปกครอง แต่เป็นการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปเท่านั้น ถ้าเราไม่ยอมรับถึงปัญหา แล้วจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างไร เรากังวลว่าแทนที่จะยอมรับปัญหาและแสวงหาทางออกอย่างสันติ แต่รัฐบาลกลับกำลังโหมกระพือใส่ร้ายผู้ชุมนุม เป็นการบังคับให้ประชาชนเลือกข้าง ซึ่งอันตรายมาก

"การชุมนุมที่ผ่านมาเส้นแบ่งของการเลือกข้างมันเบลอ แต่ครั้งนี้มีเส้นแบ่งชัดเจน ซึ่งอันตราย และไม่สมควรกระทำ เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกรัฐบาลหว่านไว้กำลังเติบโตอย่างน่ากลัว เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อยุธยาและมหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือไม่ สองวันที่ผ่านมาในสภา โดยเฉพาะ ส.ว.อภิปรายด้วยความเกลียดชัง ผมคิดว่าเราควรสร้างสังคมแห่งความเข้าใจกัน แต่กลับไม่มีการฟังเสียงของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย หรือฟังอย่างมีวุฒิภาวะ หากไม่หยุดความเกลียดชังนี้ จะทำให้ความรุนแรงต่อผู้มีความเห็นต่างมีความชอบธรรม บ้านเมืองเรายังพอมีทางออก อย่าปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังให้กับคนรุ่นต่อไป" นายธนาธรกล่าว

“สิระ”เตรียมยืน ป.ป.ช.ถอดถอน “วิสาร”

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากกรณีนายยวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่กรีดแขนตัวเองในห้องประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่า ได้ให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าเข้าข้อกฎหมายอะไรบ้าง ผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งกำลังร่าง เสนอ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภ า เพื่อพิจารณาแล้วส่งให้คณะกรรมกการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อถอดถอน นายวิสาร ออกจากการเป็น ส.ส. และในวันที่ 29 ต.ค. ตนอาจจะยื่นให้สภาฯ สอบจริยธรรมด้วย เพราะถือว่าทำให้เสื่อมเสียรัฐสภา รอยแผลเป็นของนายวิสาร จะเป็นตราบาปของสภาฯ หรือเขาอยากดังหรือไม่ก็ต้องไปพิจรณาดู ทำเป็นกระแส เพราะมีมีการเลือกตั้งนายกฯ อบจ. ซึ่งลูกสาวนายวิสาร จะลงสมัครนายฯอบจ. เป็นการหวังผลประะโยชน์ตรงนี้หรือไม่

"ผมยังข้องใจที่ท่านประธานชวน หลีกภัย ไม่ทำหน้าที่ ที่จะดำเนินการอะไร หรือไม่ เหตุใดไม่มีการตรวจอาวุธก่อนเข้าห้องประชุม บอกแต่ว่า อย่าใช้อารมณ์ให้ใจเย็นๆ เรื่องนี้ไม่ต้องมาวิเคาะห์ว่าเป็นเรื่องอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของวุฒิภาวะ ผมมีความรู้สึกเช่นเดียวกับ ส.ส.คนอื่นว่าการที่ ส.ส.เข้าห้องประชุมสภาควรตรวจสบอาวุธหรือไม่ เผื่ออารมณ์ปรวนแปร ไปทำกับตัวเองก็เจ็บ แต่ถ้าไปทำกับเพื่อนสมาชิกที่นั่งข้างๆ ถ้านายวิสาร ไปทำกับบุคคลอื่น ถือว่าได้รับอันตรายอย่างร้ายแรง ท่านเตรียมการมาหรือไม่ และการทำอย่างนี้ ก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร นอกจากรอยแผลเป็น และทำความเสื่อมเสียให้กับตัวท่าน และสภาฯ ท่านสมควรจะเป็น ส.ส.ต่อไปหรือไม่ ก็ขอให้นายวิสาร พิจารณาก่อนที่จะโดนถอดถอน" นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวว่า ทางสิทธิมนุษยชนเรียกร้องไม่ให้มีความรุนแรง แล้วเห็นหรือยังว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้ใช้ความรุนแรงเป็นแบบอย่างให้เยาวชน และผู้ชุมนุม ดังนั้น ขอให้ออกมาปกป้องผู้ชุมนุมบ้างว่า อย่าเอาอย่าง หรืออย่าเลียนแบบ ส.ส.อาวุโสท่านนี้ ทั้งที่ทุกคนก็เรียกร้องว่าอย่าใช้ความรุนแรง ตนเสียใจต่อการกระทำของนายวิสาร ถึงต้องบอกว่า สมน้ำหน้า เจ็บตัวฟรี โดนสังคมประณาม ไม่มีวุฒิภาวะ ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา เหมือนเด็กที่เห็นเพื่อนทำ และการเรียกร้องความสนใจ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร แผลนี้น่าจะจารึกในหัวใจของท่านว่าได้สร้างความเสื่อมเสียให้ท่าน จึงไม่สมควรที่จะเป็น ส.ส.อีกต่อไป

พท.ชี้ไม่เข้าข่ายถูกถอดถอน

นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส. ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เชื่อว่านายวิสาร ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า และไม่ได้พกพาอาวุธเข้ามาในสภา แต่เป็นมีดที่ได้ขอยืมจากแม่บ้านที่ปอกผลไม้อยู่ โดยนายวิสาร เล่าว่า ตอนไปยืมมีดก็บอกให้แม่บ้านลับให้คมๆ หน่อย ซึ่งนายวิสาร มีอาการเครียด และจริงใจที่จะแก้ปัญหา

"ยืนยันว่า ผมไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนว่า นายวิสาร จะกรีดเลือด แต่ที่ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า นายวิสาร จะทำตั้งแต่ วันที่ 26 ต.ค. นั้นเพราะนายวิสาร ปรารภและอุทานระหว่างทำแผลหลังกรีดไปแล้ว เท่านั้น หากทราบล่วงหน้าผมจะห้ามปรามไม่ให้ทำอย่างแน่นอน"

ส่วนที่นายสิระ จะยื่นถอดถอนนายวิสาร ออกจากตำแหน่งส.ส.นั้น ไม่น่าจะทำได้ เพราะไม่ได้ทำผิดจริยธรรมร้ายแรง มีพฤติกรรมที่เป็นการประท้วงนายกฯ ไม่ได้ทำให้รัฐสภาเสื่อมเสีย เพราะสภาเป็นที่แสดงความเห็นของทุกฝ่าย เมื่อความเห็นไม่ตรงกันก็แล้วแต่การกระทำของแต่ละคน จะแสดงออก

"บางคนให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ตายซะก็ดี เจ็บดี เป็นการเสือกไสไล่ส่งให้คนไปอยู่ตรงข้าม สิ่งใดที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ต้องคุยกันเพื่อแก้ปัญหาจะถอดถอนข้อหาอะไร ผิดตรงไหน มีสมองคิดบ้าง มีแต่อีโก้ ทีทำผิดบ้าๆ บอๆ ตอกบัตรแทนกัน ทำไมไม่ทำ ก็พวกเดียวกันทั้งนั้น เป็นผู้แทนต้องตั้งสติ" นายอุบลศักดิ์ กล่าว

เสื้อเหลืองรวมพลังป้องสถาบันฯวงเวียนใหญ่

รายงานข่าวแจ้งว่า ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ประชาชนสวมใส่เสื้อสีเหลือง เดินทางมารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง โดยบางส่วนมีการเตรียมภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และ 10 พร้อมด้วยภาพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี มายืนชูไว้เหนือหัว พร้อมโบกสะบัดธงชาติ และธงสีเหลือง ตลอดการร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ มีมวลชนจากเขตธนบุรี บางซื่อ มีนบุรี และ จ.นนทบุรี เจ้าร่วมด้วย

โดยระหว่างการชุมนุมและมีการปราศรัยนั้น ได้เกิดการชุลมุนแล็กน้อย โดยมีชายรายหนึ่งเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม ชู 3 นิ้ว พร้อมกล่าวว่า จะมาร่วมร้องเพลงชาติด้วย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ไล่ให้ออกไป ก่อนจะร่วมกันร้องเพลงชาติดังสนั่น เพลงพระราชนิพนธ์เราสู้ ก่อนจะร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี ด้วยความภาคภูมิใจ แยกย้ายกลับบ้านในเวลา 18.20 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น