ผู้จัดการรายวัน360- โฆษก กมธ.รธน. เผยอาจเลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่นออกไปก่อน หากต้องทำประชามติเพื่อขอแก้ไขรธน.ก่อน "วิษณุ" ปัดล็อกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ลำดับสุดท้าย ปลายปี 64 เผย กกต.ขอร้องเว้นช่วงลต.ท้องถิ่นแต่ละประเภทห่าง 60 วัน ยอมรับแก้รธน. อาจมีผลกระทบ เหตุทำประชามติ-เลือกตั้ง ส.ส.ร. "จรุงวิทย์" เผยมีความเป็นไปได้กำหนด 20 ธ.ค. เป็นวันเลือกตั้ง อบจ. "บิ๊กป้อม"เตรียมประชุมกรรมการบริหารพรรค เคลียร์ปัญหาผู้สมัคร อบจ.ที่เป็นเด็กส.ส. "พุทธิพงษ์" มั่นใจไม่มีปัญหา ไม่หวั่นแม้ "ก้าวไกล" ก้าวนำเตรียมประกาศ คิกออฟ 9 ต.ค.นี้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะโฆษกกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ รัฐสภา กล่าวว่า ที่ประชุมกมธ.ได้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรธน. ญัตติของรัฐบาล แต่ทั้งนี้ที่ประชุมอยากนำร่างแก้ไขรธน.ของฝ่ายค้านมาร่วมพิจารณาควบคู่กันไป โดยเฉพาะการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมชี้แจงเพื่อให้กมธ.ได้ซักถาม และทำความเข้าใจร่วมกัน
สำหรับเรื่องการทำประชามติ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเพราะมีความเห็นเป็น 2 ทาง คือ การแก้รธน.ฉบับเดิม ที่สามารถทำได้โดยผ่านกระบวนการมาตรา 256 ส่วนอีกทางคือ หากมีการตั้งส.ส.ร. จะร่างรธน.ใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งยังไม่มั่นใจว่า จะทำได้ตามกลไก มาตรา 256 หรือไม่ จึงต้องทำประชามติสอบถามได้ความเห็นของประชาชน ก่อนดำเนินการแก้ไขทั้งฉบับหรือไม่
ส่วนที่มีการสงสัยว่าการทำประชามติ จะขัดแย้งกับการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือไม่ ถ้าทำประชามติตรงกับเลือกตั้งท้องถิ่น อาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นออกไปก่อน เพราะมองว่าเรื่องการแก้ไขรธน.เป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่หากผู้เกี่ยวข้องเห็นว่า การทำประชามติสามารถทำร่วมกับเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งเรื่องนี้จะได้มีการหารือกันอีกครั้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะถูกจัดขึ้นเป็นลำดับสุดท้ายของการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจะจัดในปลายปี 64 ว่า ไม่จริง ไม่มีการพูดเช่นนั้น เป็นการคาดการณ์เท่านั้นเอง จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ได้ ไม่เคยมีใครพูดว่าจะเอาการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไว้หลังสุด หากคิดว่าเอาไปไว้หลังสุด แล้วไม่เป็นเช่นนั้น เดี๋ยวก็อาจจะเตรียมตัวกันไม่ทัน ก็ให้รอเป็นระยะ เพราะเราจะแจ้งล่วงหน้า ไม่จู่โจมแน่
ทั้งนี้ กกต. ก็ขอมาว่า หากจะเลือกตั้งประเภทอะไรก็ตาม ก็ให้เว้นช่วงเวลาประมาณ 60 วัน เป็นอย่างน้อย แล้วค่อยเลือกประเภทใหม่ ซึ่งก็ต้องระมัดระวัง อย่าไปใกล้เคียงกับช่วงเวลาการแก้ไขรธน. เช่น การลงประชามติ หรือการตั้ง ส.ส.ร. เพราะใช้ กกต.ชุดเดียวกันในการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม กระบวนการแก้ไขรธน. ไม่กระทบการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ว่าต้องระวังว่า การแก้ไขรธน. มีการทำประชามติก็คือการเลือกตั้งชนิดหนึ่ง เพราะต้องมีการสมัคร เข้าคูหากาบัตร จึงต้องอย่าใกล้กับการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะฉะนั้นจะบริหารไม่ถูก
เมื่อถามว่าต้องมีการจัดเลือกตั้งหลายครั้ง ด้านงบประมาณจะมีปัญหาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีปัญหา แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาบ่น และการเว้นระยะจัดการเลือกตั้งแต่ละประเภท ก็ทำให้เราบริหารจัดการได้
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงไทม์ไลน์ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า เรื่องวันเลือกตั้งอบจ. ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกกต. จะเห็นว่าวันใดเหมาะสมระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. หรือ 20 ธ.ค. แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นวันที่ 20 ธ.ค. เนื่องจากวันที่ 13 ธ.ค. เป็นช่วงวันหยุดยาว คาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการประชุมกกต. 12 ต.ค.นี้ โดยกกต. จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร ของนายก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นวันเดียวกัน ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการ และหลังจากที่ กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งก็จะเริ่มนับหนึ่งในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ส่วนนายก และสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีตามกฎหมายกำหนด
พปชร.ถก "กก.บห." เคลียร์ปัญหาผู้สมัคร อบจ.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง ความพร้อมในการเลือกตั้งท้องถิ่น พปชร.จะส่งลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทุกจังหวัดหรือไม่ว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า ทางพรรคจะเลือกใช้วิธีสนับสนุนกลุ่มบุคคลโดยไม่ต้องลงในนามพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ มาเป็นเราสิ จะได้รู้”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.พปชร. ในจังหวัดต่างๆ แย่งชิงกันส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่มีแย่ง เดี๋ยวเอาเข้าคณะกรรมการบริหาร พปชร. ให้ตกลงกัน อย่าไปห่วงเรื่องนี้
สำหรับกระแสข่าวพรรคก้าวไกลมาแรง และเตรียมเปิดตัวผู้สมครวันที่ 9 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มาแรงก็มาแรง จะเปิดตัว เปิดแคมเปญเลือกตั้ง ก็ว่าไป
เมื่อถามว่า ก่อนการเลือกตั้ง ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพื่อป้องกันการตัดคะแนนกันเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่ทราบ คงแล้วแต่พรรคต้องไปคุยกัน และทางท้องถิ่นต้องไปคุยกันเอง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมอยู่แล้ว ส่วนการประชุมจะเป็นสัปดาห์หน้าหรือไม่ ขอรอดูทางหัวหน้าพรรคกำหนดอีกที
เมื่อถามว่า จะทันกับพรรคก้าวไกล หรือไม่ เพราะจะมีการเปิดแคมเปญเลือกตั้ง อบจ. และเปิดตัวผู้สมัคร ในวันศุกร์ที่ 9 ต.ค.นี้แล้ว นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ทันแน่นอน สำหรับผู้สมัครนั้นทางพรรค คงต้องดูในเรื่องของหลักการ หลักคิดก่อน เนื่องจากการเลือกนายกฯ อบจ. หรือ อบจ.จะมีวิธีการเลือกที่ไม่เหมือนกัน
"พรรคจะส่งหรือไม่ส่ง ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหลายพื้นที่อาจจะมีการทับซ้อนกันได้ของคนที่จะลง บางทีเป็นเครือข่ายของ ส.ส.และจังหวัดหนึ่งมี ส.ส.หลายคน ดังนั้นก็ต้องมาดูภาพรวม เราตัดสินใจไม่ได้ว่า จังหวัดไหน เขตไหนเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องให้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคดูให้รอบคอบอีกที และจากนั้นก็คงจะมีความชัดเจนในเรื่องของการจัดทีมไปช่วยผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ ขอให้รอดูว่า จะเป็นรูปแบบไหน เพราะบางพื้นที่ก็มีเงื่อนไขที่ไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์เดียวกันได้ในทุกพื้นที่ เนื่องจากหลายจังหวัด มีส.ส. หลายคน ซึ่งบางคนก็สนับสนุนนายกฯ อบจ.คนละคนกัน ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ เพราะฉะนั้นก็ต้องดูภาพรวมทั้งหมดก่อน" รองหน.พปชร. กล่าว
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะโฆษกกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ รัฐสภา กล่าวว่า ที่ประชุมกมธ.ได้พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรธน. ญัตติของรัฐบาล แต่ทั้งนี้ที่ประชุมอยากนำร่างแก้ไขรธน.ของฝ่ายค้านมาร่วมพิจารณาควบคู่กันไป โดยเฉพาะการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมชี้แจงเพื่อให้กมธ.ได้ซักถาม และทำความเข้าใจร่วมกัน
สำหรับเรื่องการทำประชามติ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเพราะมีความเห็นเป็น 2 ทาง คือ การแก้รธน.ฉบับเดิม ที่สามารถทำได้โดยผ่านกระบวนการมาตรา 256 ส่วนอีกทางคือ หากมีการตั้งส.ส.ร. จะร่างรธน.ใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งยังไม่มั่นใจว่า จะทำได้ตามกลไก มาตรา 256 หรือไม่ จึงต้องทำประชามติสอบถามได้ความเห็นของประชาชน ก่อนดำเนินการแก้ไขทั้งฉบับหรือไม่
ส่วนที่มีการสงสัยว่าการทำประชามติ จะขัดแย้งกับการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือไม่ ถ้าทำประชามติตรงกับเลือกตั้งท้องถิ่น อาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นออกไปก่อน เพราะมองว่าเรื่องการแก้ไขรธน.เป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่หากผู้เกี่ยวข้องเห็นว่า การทำประชามติสามารถทำร่วมกับเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเดียวกันได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งเรื่องนี้จะได้มีการหารือกันอีกครั้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะถูกจัดขึ้นเป็นลำดับสุดท้ายของการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจะจัดในปลายปี 64 ว่า ไม่จริง ไม่มีการพูดเช่นนั้น เป็นการคาดการณ์เท่านั้นเอง จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ได้ ไม่เคยมีใครพูดว่าจะเอาการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไว้หลังสุด หากคิดว่าเอาไปไว้หลังสุด แล้วไม่เป็นเช่นนั้น เดี๋ยวก็อาจจะเตรียมตัวกันไม่ทัน ก็ให้รอเป็นระยะ เพราะเราจะแจ้งล่วงหน้า ไม่จู่โจมแน่
ทั้งนี้ กกต. ก็ขอมาว่า หากจะเลือกตั้งประเภทอะไรก็ตาม ก็ให้เว้นช่วงเวลาประมาณ 60 วัน เป็นอย่างน้อย แล้วค่อยเลือกประเภทใหม่ ซึ่งก็ต้องระมัดระวัง อย่าไปใกล้เคียงกับช่วงเวลาการแก้ไขรธน. เช่น การลงประชามติ หรือการตั้ง ส.ส.ร. เพราะใช้ กกต.ชุดเดียวกันในการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม กระบวนการแก้ไขรธน. ไม่กระทบการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ว่าต้องระวังว่า การแก้ไขรธน. มีการทำประชามติก็คือการเลือกตั้งชนิดหนึ่ง เพราะต้องมีการสมัคร เข้าคูหากาบัตร จึงต้องอย่าใกล้กับการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะฉะนั้นจะบริหารไม่ถูก
เมื่อถามว่าต้องมีการจัดเลือกตั้งหลายครั้ง ด้านงบประมาณจะมีปัญหาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีปัญหา แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาบ่น และการเว้นระยะจัดการเลือกตั้งแต่ละประเภท ก็ทำให้เราบริหารจัดการได้
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงไทม์ไลน์ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ว่า เรื่องวันเลือกตั้งอบจ. ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกกต. จะเห็นว่าวันใดเหมาะสมระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. หรือ 20 ธ.ค. แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นวันที่ 20 ธ.ค. เนื่องจากวันที่ 13 ธ.ค. เป็นช่วงวันหยุดยาว คาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการประชุมกกต. 12 ต.ค.นี้ โดยกกต. จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร ของนายก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นวันเดียวกัน ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการ และหลังจากที่ กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้งก็จะเริ่มนับหนึ่งในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ส่วนนายก และสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีตามกฎหมายกำหนด
พปชร.ถก "กก.บห." เคลียร์ปัญหาผู้สมัคร อบจ.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง ความพร้อมในการเลือกตั้งท้องถิ่น พปชร.จะส่งลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทุกจังหวัดหรือไม่ว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่า ทางพรรคจะเลือกใช้วิธีสนับสนุนกลุ่มบุคคลโดยไม่ต้องลงในนามพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ มาเป็นเราสิ จะได้รู้”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ส.ส.พปชร. ในจังหวัดต่างๆ แย่งชิงกันส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่มีแย่ง เดี๋ยวเอาเข้าคณะกรรมการบริหาร พปชร. ให้ตกลงกัน อย่าไปห่วงเรื่องนี้
สำหรับกระแสข่าวพรรคก้าวไกลมาแรง และเตรียมเปิดตัวผู้สมครวันที่ 9 ต.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มาแรงก็มาแรง จะเปิดตัว เปิดแคมเปญเลือกตั้ง ก็ว่าไป
เมื่อถามว่า ก่อนการเลือกตั้ง ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพื่อป้องกันการตัดคะแนนกันเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่ทราบ คงแล้วแต่พรรคต้องไปคุยกัน และทางท้องถิ่นต้องไปคุยกันเอง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมอยู่แล้ว ส่วนการประชุมจะเป็นสัปดาห์หน้าหรือไม่ ขอรอดูทางหัวหน้าพรรคกำหนดอีกที
เมื่อถามว่า จะทันกับพรรคก้าวไกล หรือไม่ เพราะจะมีการเปิดแคมเปญเลือกตั้ง อบจ. และเปิดตัวผู้สมัคร ในวันศุกร์ที่ 9 ต.ค.นี้แล้ว นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ทันแน่นอน สำหรับผู้สมัครนั้นทางพรรค คงต้องดูในเรื่องของหลักการ หลักคิดก่อน เนื่องจากการเลือกนายกฯ อบจ. หรือ อบจ.จะมีวิธีการเลือกที่ไม่เหมือนกัน
"พรรคจะส่งหรือไม่ส่ง ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหลายพื้นที่อาจจะมีการทับซ้อนกันได้ของคนที่จะลง บางทีเป็นเครือข่ายของ ส.ส.และจังหวัดหนึ่งมี ส.ส.หลายคน ดังนั้นก็ต้องมาดูภาพรวม เราตัดสินใจไม่ได้ว่า จังหวัดไหน เขตไหนเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องให้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคดูให้รอบคอบอีกที และจากนั้นก็คงจะมีความชัดเจนในเรื่องของการจัดทีมไปช่วยผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ ขอให้รอดูว่า จะเป็นรูปแบบไหน เพราะบางพื้นที่ก็มีเงื่อนไขที่ไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์เดียวกันได้ในทุกพื้นที่ เนื่องจากหลายจังหวัด มีส.ส. หลายคน ซึ่งบางคนก็สนับสนุนนายกฯ อบจ.คนละคนกัน ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ เพราะฉะนั้นก็ต้องดูภาพรวมทั้งหมดก่อน" รองหน.พปชร. กล่าว