ผู้จัดการรายวัน 360 - "ประยุทธ์" การันตีสถานะการเงินการคลังแข็งแกร่ง ลั่นมีเงินสำรองกองไว้เยอะ มั่นใจไม่วิกฤตกระทบจ่ายเงินเดือนขรก. ร่วมถก ศบค.ชุดเล็ก วางกรอบรับมือท่องเที่ยว ก่อนนำเข้าหารือในชุดใหญ่ 28 ก.ย.นี้ พร้อมเรื่องต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ขณะที่ ธปท.ประเมินเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณดีขึ้น ปรับจีดีพีปีนี้ เหลือติดลบ 7.8% จากเดิมติดลบ 8.1% หลังไตรมาส 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนปี 64 โต 3.6% บอร์ด กนง. มติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50%
วานนี้ (23ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึง กรณีกระแสที่รัฐบาลมีปัญหาเรื่องการบริหารงบประมาณ จนถึงขั้นอาจกระทบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันแล้วไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด และได้มีการชี้แจงไปหลายรอบแล้ว สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่งอยู่ เงินสำรองยังมีอยู่ ฉะนั้นไม่มีทางที่จะไปถึงจุดนั้นได้ เงินต่างๆในระบบเราเข้มแข็ง เพียงแต่ว่าเศรษฐกิจการที่จะหาเงินมาเติมใหม่มันยาก แต่เงินที่เรากองไว้เดิมมันมีอยู่เยอะ แต่เราเอามาใช้ไม่ได้ เว้นเมื่อจำเป็น เข้าใจหรือไม่
“ผมคิดว่าข่าวนี้แพร่มาหลายรอบแล้วว่าไม่มีเงินจ่ายโน่นจ่ายนี้ อย่างท้องถิ่นตนก็จัดเงินให้ เติมไปให้เมื่อเขาขาด อันไหนที่จำเป็นเร่งด่วนก็หาเงินเพิ่มให้ งบกลางเราก็พอมีอยู่ ตรงนี้ไม่มีปัญหา เงินสำรองก็เข้มแข็ง กองทุนต่างๆก็ยังเข้มแข็งทั้งหมด ถ้ามันจำเป็นที่จะต้องกู้เราก็กู้ในประเทศ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย สถานการณ์ทางการเงินการคลังของเราก็แข็งแกร่ง ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารรัฐก็แข็งแกร่งหมด ฉะนั้นไม่ต้องวิตกกังวลตรงนี้หรอก สิ่งที่รัฐบาลวิตกคือในวันหน้าเราจะเติมเงินเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าระยะเวลามันทอดยาวไปเรื่อยๆ ใช้เงินเหล่านี้ไปเรื่อยๆมันก็ต้องเร่งหาเงินที่จะกลับเข้ามา อันนี้เป็นสิ่งที่คิดอยู่ตลอดเวลา”นายกฯกล่าว
ชง ศบค.ชุดใหญ่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนจันทร์นี้
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่าในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อสรุปสถานการณ์และการประเมินมาตรการต่างๆ ที่ออกมาในแต่ละช่วง ซึ่งขณะนี้มีการผ่อนคลายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนกรณีเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ นายกฯได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หากมีการเปิดจะทำให้เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร โดยจะมีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดถึงมาตรการป้องกันในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่
นอกจากนี้ จะมีการเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. ให้พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย. ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญที่จะบูรณาการการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างจะหนัก จึงต้องจำเป็นต้องคุมเข้มตามแนวชายแดน ซึ่งหาก ศบค.เห็นชอบ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 29 ก.ย.ทันที
กนง.คงดอกเบี้ย0.5%ขยับจีดีพีเหลือติดลบ7.8%
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน กล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.50 % ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สถานการณ์ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและกลับมาระบาดซ้ำในหลายประเทศทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวในระยะข้างหน้าล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 63 จะหดตัว 7.8% ดีกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย จากเดิมที่คาดไว้ที่ 8.1% โดยผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองน้อยกว่าที่ประเมินไว้ สะท้อนจากข้อมูลจริงในไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด โดยมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและยืดเยื้อจะส่งผลต่ออุปสงค์ต่างประเทศทั้งการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 9 ล้านคนในปี 2564 ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ 3.6 % ลดลงจากการประเมินครั้งก่อน
ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล4แบงก์เอี่ยวฟอกเงิน
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง กรณีมีข่าวสถาบันการเงินของไทย 4 แห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการโอนเงินที่น่าสงสัย โดยใช้ข้อมูลจากรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยที่รั่วไหลจากหน่วยงานเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินแห่งสหรัฐอเมริกา (US Financial Crimes Enforcement Network หรือ FinCEN) ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่สถาบันการเงินภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกามีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อ FinCEN เป็นปกติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอยู่แล้ว และไม่ได้หมายความว่าธุรกรรมที่ถูกรายงานจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเสมอไป แต่เนื่องจากข้อกล่าวหาที่เป็นข่าวอยู่นั้น ไม่ได้มาจาก FinCEN หรือหน่วยงานทางการใดๆ เรื่องนี้จึงขอให้รอการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
วานนี้ (23ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยถึง กรณีกระแสที่รัฐบาลมีปัญหาเรื่องการบริหารงบประมาณ จนถึงขั้นอาจกระทบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันแล้วไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด และได้มีการชี้แจงไปหลายรอบแล้ว สถานะทางการเงินยังแข็งแกร่งอยู่ เงินสำรองยังมีอยู่ ฉะนั้นไม่มีทางที่จะไปถึงจุดนั้นได้ เงินต่างๆในระบบเราเข้มแข็ง เพียงแต่ว่าเศรษฐกิจการที่จะหาเงินมาเติมใหม่มันยาก แต่เงินที่เรากองไว้เดิมมันมีอยู่เยอะ แต่เราเอามาใช้ไม่ได้ เว้นเมื่อจำเป็น เข้าใจหรือไม่
“ผมคิดว่าข่าวนี้แพร่มาหลายรอบแล้วว่าไม่มีเงินจ่ายโน่นจ่ายนี้ อย่างท้องถิ่นตนก็จัดเงินให้ เติมไปให้เมื่อเขาขาด อันไหนที่จำเป็นเร่งด่วนก็หาเงินเพิ่มให้ งบกลางเราก็พอมีอยู่ ตรงนี้ไม่มีปัญหา เงินสำรองก็เข้มแข็ง กองทุนต่างๆก็ยังเข้มแข็งทั้งหมด ถ้ามันจำเป็นที่จะต้องกู้เราก็กู้ในประเทศ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย สถานการณ์ทางการเงินการคลังของเราก็แข็งแกร่ง ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารรัฐก็แข็งแกร่งหมด ฉะนั้นไม่ต้องวิตกกังวลตรงนี้หรอก สิ่งที่รัฐบาลวิตกคือในวันหน้าเราจะเติมเงินเหล่านี้ได้อย่างไร ถ้าระยะเวลามันทอดยาวไปเรื่อยๆ ใช้เงินเหล่านี้ไปเรื่อยๆมันก็ต้องเร่งหาเงินที่จะกลับเข้ามา อันนี้เป็นสิ่งที่คิดอยู่ตลอดเวลา”นายกฯกล่าว
ชง ศบค.ชุดใหญ่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนจันทร์นี้
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่าในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อสรุปสถานการณ์และการประเมินมาตรการต่างๆ ที่ออกมาในแต่ละช่วง ซึ่งขณะนี้มีการผ่อนคลายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนกรณีเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ นายกฯได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หากมีการเปิดจะทำให้เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร โดยจะมีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดถึงมาตรการป้องกันในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่
นอกจากนี้ จะมีการเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. ให้พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย. ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญที่จะบูรณาการการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างจะหนัก จึงต้องจำเป็นต้องคุมเข้มตามแนวชายแดน ซึ่งหาก ศบค.เห็นชอบ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 29 ก.ย.ทันที
กนง.คงดอกเบี้ย0.5%ขยับจีดีพีเหลือติดลบ7.8%
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน กล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.50 % ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สถานการณ์ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและกลับมาระบาดซ้ำในหลายประเทศทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวในระยะข้างหน้าล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว
โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 63 จะหดตัว 7.8% ดีกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย จากเดิมที่คาดไว้ที่ 8.1% โดยผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองน้อยกว่าที่ประเมินไว้ สะท้อนจากข้อมูลจริงในไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด โดยมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจในปีนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและยืดเยื้อจะส่งผลต่ออุปสงค์ต่างประเทศทั้งการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 9 ล้านคนในปี 2564 ดังนั้นเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวที่ 3.6 % ลดลงจากการประเมินครั้งก่อน
ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล4แบงก์เอี่ยวฟอกเงิน
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง กรณีมีข่าวสถาบันการเงินของไทย 4 แห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการโอนเงินที่น่าสงสัย โดยใช้ข้อมูลจากรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยที่รั่วไหลจากหน่วยงานเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินแห่งสหรัฐอเมริกา (US Financial Crimes Enforcement Network หรือ FinCEN) ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่สถาบันการเงินภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกามีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยต่อ FinCEN เป็นปกติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอยู่แล้ว และไม่ได้หมายความว่าธุรกรรมที่ถูกรายงานจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเสมอไป แต่เนื่องจากข้อกล่าวหาที่เป็นข่าวอยู่นั้น ไม่ได้มาจาก FinCEN หรือหน่วยงานทางการใดๆ เรื่องนี้จึงขอให้รอการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน