ผู้จัดการรายวัน360-“บิ๊กตู่”เผยตำรวจเตรียมประสานตำรวจสากลออกหมายแดงจับ “บอส อยู่วิทยา” เพื่อส่งตัวมาดำเนินคดีในไทย ขีดเส้นให้รายงานผลภายใน 1 สัปดาห์ ด้าน ป.ป.ท. แจ้งผลการติดตามคดี เผยทุกหน่วยงานมีความคืบหน้า “ดีเอสไอ” ชงเป็นคดีพิเศษ สภาทนายความสอบจริยธรรมทนาย ตำรวจสรุปฟ้อง 2 ข้อหาและออกหมายจับ ตั้งกรรมการสอบวินัยตำรวจที่เกี่ยวข้อง ด้านอัยการรับลูกสั่งฟ้องแล้ว แถมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ฟันวินัย นัดประชุม 22 ก.ย.นี้ ส่วน ป.ป.ช. กำลังหาข้อเท็จจริง รวบรวมหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 21 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุถึงคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบสั่งฟ้อง “บอส” นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพโคเคนดังที่ทราบแล้วนั้น ผมขอขอบคุณสำหรับการดำเนินการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ คดีกำลังดำเนินไปสู่ขั้นตอนต่อไป คือ สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งหนังสือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้นำตัวผู้ต้องหามาสั่งฟ้อง แต่เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจสากล เพื่อออกประกาศหมายแดง ให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกรับทราบและช่วยกันระบุแหล่งที่อยู่ปัจจุบันของบอส เพื่อสามารถดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทย เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี
ผมขอให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง เต็มกำลังความสามารถ โดยไม่ล่าช้า
ทั้งนี้ ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการขั้นตอนต่างๆ โดยทันทีที่ได้รับเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด และขอให้รายงานความคืบหน้าในเรื่องการประสานกับตำรวจสากลเพื่อออกหมายแดง ให้ผมรับทราบภายในหนึ่งสัปดาห์
วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สภาทนายความ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานแล้ว หลังจากที่ป.ป.ท.ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานในการแจ้งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ในกรณีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้แจ้งว่า ได้มีการพิจารณาเรื่องแล้ว เห็นควรรับเรื่องไว้ดำเนินการ โดยได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคณะที่ 4 ดำเนินการตามข้อ 11 แห่งประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการร้องขอ และเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษ พ.ศ.2561
ส่วนสภาทนายความ ได้ส่งเรื่องให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับจริยธรรมมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 และพ.ร.บ.สภาทนายความ พ.ศ.2528
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องและออกหมายจับนายวรยุทธ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการใน 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) แล้ว และยังได้ยกร่างระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ... ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศใช้ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการอัยการ เพื่อดำเนินการทางวินัย โดยคณะกรรมการ ก.อ. จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ในวันนี้ (22 ก.ย.)
ทางด้าน ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
“การติดตามตรวจสอบในกรณีดังกล่าว หากมีข้อมูลรายละเอียดหรือกระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จ เพิ่มเติมอย่างใด สำนักงาน ป.ป.ท.จะนำเสนอผลการดำเนินการให้แก่สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องทุกระยะต่อไป”พ.ต.ท.วันนพกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 21 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุถึงคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบสั่งฟ้อง “บอส” นายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพโคเคนดังที่ทราบแล้วนั้น ผมขอขอบคุณสำหรับการดำเนินการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ คดีกำลังดำเนินไปสู่ขั้นตอนต่อไป คือ สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งหนังสือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้นำตัวผู้ต้องหามาสั่งฟ้อง แต่เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจสากล เพื่อออกประกาศหมายแดง ให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกรับทราบและช่วยกันระบุแหล่งที่อยู่ปัจจุบันของบอส เพื่อสามารถดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทย เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี
ผมขอให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง เต็มกำลังความสามารถ โดยไม่ล่าช้า
ทั้งนี้ ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการขั้นตอนต่างๆ โดยทันทีที่ได้รับเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด และขอให้รายงานความคืบหน้าในเรื่องการประสานกับตำรวจสากลเพื่อออกหมายแดง ให้ผมรับทราบภายในหนึ่งสัปดาห์
วันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สภาทนายความ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานแล้ว หลังจากที่ป.ป.ท.ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานในการแจ้งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ในกรณีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้แจ้งว่า ได้มีการพิจารณาเรื่องแล้ว เห็นควรรับเรื่องไว้ดำเนินการ โดยได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคณะที่ 4 ดำเนินการตามข้อ 11 แห่งประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการร้องขอ และเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษ พ.ศ.2561
ส่วนสภาทนายความ ได้ส่งเรื่องให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับจริยธรรมมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 และพ.ร.บ.สภาทนายความ พ.ศ.2528
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องและออกหมายจับนายวรยุทธ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการใน 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) แล้ว และยังได้ยกร่างระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. ... ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศใช้ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการอัยการ เพื่อดำเนินการทางวินัย โดยคณะกรรมการ ก.อ. จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ในวันนี้ (22 ก.ย.)
ทางด้าน ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
“การติดตามตรวจสอบในกรณีดังกล่าว หากมีข้อมูลรายละเอียดหรือกระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จ เพิ่มเติมอย่างใด สำนักงาน ป.ป.ท.จะนำเสนอผลการดำเนินการให้แก่สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องทุกระยะต่อไป”พ.ต.ท.วันนพกล่าว