ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดย ดร.วัชรพจน์
ทรัพย์สงวนบุญ หัวหน้าศูนย์STECOได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ในกิจกรรม STECO Online Forumครั้งที่ 11 หัวข้อ “5Gกับโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ”
คุณวสิษฐ์ได้อธิบายว่า 5G นั้นถูกพูดถึงอย่างมากในระยะเวลา 2 ปีที่ผานมา วิวัฒนาการมาจากโทรคมนาคม ตั้งแต่1Gจนถึง5G ที่ผ่านมา คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นและในทุกๆ G มีความสามารถใน G นั้นมาด้วย เช่น 1G เป็นการรับสายเข้า-โทรออกได้อย่างเดียว 2G เริ่มส่งข้อความสั้นๆ ได้และโทรออกต่างประเทศได้ 3G มีกล้องถ่ายรูปและเป็นจุดเริ่มต้นของ Social Network
สำหรับ5Gที่นอกจากจะเร็วขึ้นกว่า 4G แล้วยังทำให้เกิดบริการใหม่ๆ คือ 1.เร็วขึ้น 2.ความหน่วง คือ สั่งงานแล้วตอบสนองกลับมาเร็ว3.ด้านIOT (Internet of Things)คือ อุปกรณ์กับอุปกรณ์สามารถสื่อสารกันได้ 5Gไม่ใช่แค่ใช้ได้กับโทรศัพท์ แต่เป็นเครือข่ายที่สามารถทำงานกับอุตสาหกรรมได้ด้วยมีการนำไปประยุกต์ใช้แบบ Vertical industry คือ ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมในกลุ่มรถยนต์ ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาทางอุตสาหกรรมรถยนต์จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง ต้องการคุณสมบัติอะไรทำงานร่วมกันบ้าง เพราะฉะนั้น ทางฝั่งผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ต้องให้รายละเอียดมาว่าต้องมีมาตรฐาน 5G ในอุตสาหกรรมเขาอย่างไร เพื่อที่จะได้ออกแบบให้สอดรับกับอุตสาหกรรมนั้นๆ เพื่อให้เป็น Smart industry เพราะฉะนั้น Digital Infrastructure ของประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เป็น Technology follower และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเราไม่แพ้ชาติใดในโลก
ตอนที่เรามี Digital disruption เหตุจากมีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาในเรื่องของอินเตอร์เน็ต ผู้ประกอบการธุรกิจบางรายไม่ได้ตระหนักว่ามันจะมีผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ แต่พอมีผู้ประกอบการบางส่วนของโลกในต่างประเทศคิดนวัตกรรมใหม่ขึ้น จึงทำให้เกิด New Business Model เช่น การสั่งซื้อของทางออนไลน์, New feed, VDO streamingเป็นต้น สิ่งเหล่านี้หากเราปรับตัวไม่ทันก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจแน่นอนประเทศไทยเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ให้บริการ 5G ซึ่งโอกาสนี้ผู้ประกอบการควรศึกษาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นว่าจะสามารถปรับให้เป็น New Business Modelอะไรได้บ้าง รู้ก่อน ทำก่อน ได้เปรียบ ตอนประกาศปิดเมืองช่วงโควิด-19 เรื่องดิจิทัลสำคัญมาก เพราะคนต้องอยู่แต่บ้าน เริ่มสั่งของออนไลน์ สั่ง Food Delivery และ มีการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2563 มีการประมูลคลื่น 5G เกิดขึ้น AIS เป็นเจ้าแรกที่ประมูลได้ ทันทีที่ได้มาเราประกาศเลยว่า 5G ของประเทศไทยพร้อมแล้ว เปิดให้บริการครบแล้ว 77 จังหวัด และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของโลกของที่มี 5G ปัจจุบันในพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก)ครอบคลุมแล้ว 100% นั่นหมายความว่า หากตอนนี้ท่านซื้อโทรศัพท์มือถือก็สามารถใช้5Gได้แล้ว สำหรับผู้ประกอบการเนื่องจาก 5G เป็นเพียง Digital Infrastructure อยากให้เข้าใจว่า 5G นั้นไม่เพียงแค่สัญญาณโทรคมนาคมใช้กับโทรศัพท์เพื่อสื่อสารให้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ให้คิดไปถึงขั้นที่ว่าสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ง่ายขึ้นและประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง 5G จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เขานำ 5G มาเป็น Digital Infrastructure ในธุรกิจเพื่อไปเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในประเทศไทยเรานำDigital Infrastructureมาประยุกต์กับอุตสาหกรรม เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง เรานำ Digital Infrastructure มาพัฒนาให้เป็น Smart Pot จากเดิมเรือ 1 ลำมาเทียบท่า มีเครนมายก พอเขายกเครนต้องมีเจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปบนเครนที่สูงประมาณ 50 เมตร 1 คนควบคุมต่อ 1 เครน ซึ่งโดยปกติ คือ การก้มทำงานเพื่อควบคุมเครนต้องมีความสามารถในการทำงาน 3 ชั่วโมงต่อวัน 60 เครน ใน 1 port ใช้ 60 คน แต่พอ 5G มา สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ย้ายคนที่ต้องปีนไปอยู่บนเครนไปที่ห้องควบคุมแทน 60 เครนจึงสามารถใช้คนเพียง 7 คนในการควบคุมเท่านั้น และทำงานได้คราวละ12ชั่วโมง สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดว่า Digital Infrastructure เข้ามาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในด้านผู้ใช้บริการทั่วไป ผู้ประกอบการทั้งหลายควรคิดแล้วว่าจะใช้กับธุรกิจตัวเองอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว คือ AR (Augmented Reality)และ VR (Virtual Reality) 2 สิ่งนี้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการนำมาประกอบธุรกิจ เช่น ในวงการธุรกิจบันเทิงจะใช้ได้เยอะเพราะมีความสมจริง ไม่ต้องไปสถานที่จริงก็ได้ เช่น การท่องเที่ยว โปรโมทผ่าน AR และ VR ซึ่งตอนนี้มีบางที่เริ่มใช้แล้ว การเรียนออนไลน์ นำ AR และ VR มาใช้จะทำให้การเรียนมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5G จะเปรียบเสมือนสึนามิด้าน Digital disruption ลูกใหม่ เพราะนอกเหนือจาก 5G ที่เกิดขึ้นนั้นยังมีสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย คือ AI, Machine learning และ Internet of Things (IOT) สิ่งที่ผู้ประกอบการในหลายๆ ธุรกิจอาจจะยังไม่เคยทำ คือ การนำ Big Data จาก IOT มาคำนวณและประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากตรงนั้น การมี 5G จะช่วยเป็นตัวที่ทำให้ประมวลผลได้เร็วเพราะอินเตอร์เน็ตมีความเร็วแรงจะช่วยในการประมวล 3 เรื่องนี้จะมีผลกระทบกับวงการธุรกิจผลสมควร ผู้ประกอบการต้องเริ่มปรับตัวโดยการนำ3เรื่องนี้มาใช้จะเป็นโอกาสดีในการคิด New Business Model ได้ 5G เป็นเพียงส่วนที่จะช่วยส่งเสริมในการปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้นในเรื่องที่เราต้องการปรับปรุง เช่น ด้านโลจิสติกส์ ด้านการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน หรือแม้กระมั่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการสามารถทยอยปรับปรุงเป็นเรื่องๆ ไม่จำเป็นต้องปรับทีเดียวหมด เพียงแค่ลองหันมาสนใจกระบวนการทำงานในธุรกิจของตัวเองให้มากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จาก 5G เป็นตัวช่วย
การนำ 5G มาใช้ในการแพทย์ เช่นTelemedicineเป็นการคุยกับแพทย์ทางไกลโดยแพทย์จะมองผู้ป่วยผ่านกล้องที่มีความละเอียด 4K เพื่อวินิจฉัยอาการเบื้องต้น การส่งข้อมูล X-ray โดยเครื่อง CT Scan ที่อยู่ในจังหวัดน่านเมื่อทำการ X-ray แล้วต้องการส่งไฟล์ แต่ด้วยไฟล์ X-ray เป็นไฟล์ที่ใหญ่กว่าจะส่งข้อมูลมาถึงแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะใช้เวลานาน เมื่อนำ 5G มาช่วยในด้านนี้ก็จะส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น และนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ผลเบื้องต้น แล้วจึงส่งให้แพทย์วิเคราะห์ต่อ เราสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นเพื่อลดความเลื่อมล้ำทางการแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ต่อมาคือ รถ Mobile Stroke Unit ที่ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชและคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รถ Mobile Stroke จะรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองที่มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาในระยะเวลาที่กำหนด ในรถนั้นจะมีเครื่อง CT Scan แล้วส่งข้อมูลเบื้องต้นไปที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยทันที มีกล้องที่มีความชัดสูงเพื่อที่จะสามารถ VDO กับแพทย์เพื่อสื่อสารกับให้คนภายในรถ Mobile Stroke ให้ฉีดยาหรือรักษาในเบื้องต้นก่อนได้และสามารถเห็นผู้ป่วยได้ด้วย
ตั้งแต่ 1G เปลี่ยนเป็น 2G ใช้เวลา 15 ปี 2G เปลี่ยนเป็น 3G ใช้เวลาน้อยไปกว่านั้นอีก และ 3G เปลี่ยนเป็นมาจนถึง 4G ใช้เวลาไม่ถึง10ปี ในอนาคตหากจะเปลี่ยนจาก 5G เป็น 6G นั้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าแน่นอน แต่ในทุกการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เปลี่ยนแค่ความเร็วของสัญญาณเครือข่าย แต่เปลี่ยนพฤติกรรมคนไปด้วย ซึ่งโอกาสมาถึงแล้ว ผู้ประกอบการควรคิดและสร้าง New Business Model เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในการยกระดับความสามารถทางการแข่งขัน
สำหรับกิจกรรม STECO Online Forum ครั้งที่ 12 หัวข้อ "การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยนวัตกรรม"โดย คุณเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด(มหาชน) ในวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00
- 15.00 น.ผ่าน FB Live : STECOKMUTTลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/WAcZ7fNqmHoutJtW9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-099-0328 คุณฉันทิสา หรือ โทร. 090-416-0789 คุณปภาดา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดย ดร.วัชรพจน์
ทรัพย์สงวนบุญ หัวหน้าศูนย์STECOได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) ในกิจกรรม STECO Online Forumครั้งที่ 11 หัวข้อ “5Gกับโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ”
คุณวสิษฐ์ได้อธิบายว่า 5G นั้นถูกพูดถึงอย่างมากในระยะเวลา 2 ปีที่ผานมา วิวัฒนาการมาจากโทรคมนาคม ตั้งแต่1Gจนถึง5G ที่ผ่านมา คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้นและในทุกๆ G มีความสามารถใน G นั้นมาด้วย เช่น 1G เป็นการรับสายเข้า-โทรออกได้อย่างเดียว 2G เริ่มส่งข้อความสั้นๆ ได้และโทรออกต่างประเทศได้ 3G มีกล้องถ่ายรูปและเป็นจุดเริ่มต้นของ Social Network
สำหรับ5Gที่นอกจากจะเร็วขึ้นกว่า 4G แล้วยังทำให้เกิดบริการใหม่ๆ คือ 1.เร็วขึ้น 2.ความหน่วง คือ สั่งงานแล้วตอบสนองกลับมาเร็ว3.ด้านIOT (Internet of Things)คือ อุปกรณ์กับอุปกรณ์สามารถสื่อสารกันได้ 5Gไม่ใช่แค่ใช้ได้กับโทรศัพท์ แต่เป็นเครือข่ายที่สามารถทำงานกับอุตสาหกรรมได้ด้วยมีการนำไปประยุกต์ใช้แบบ Vertical industry คือ ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมในกลุ่มรถยนต์ ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาทางอุตสาหกรรมรถยนต์จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง ต้องการคุณสมบัติอะไรทำงานร่วมกันบ้าง เพราะฉะนั้น ทางฝั่งผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ต้องให้รายละเอียดมาว่าต้องมีมาตรฐาน 5G ในอุตสาหกรรมเขาอย่างไร เพื่อที่จะได้ออกแบบให้สอดรับกับอุตสาหกรรมนั้นๆ เพื่อให้เป็น Smart industry เพราะฉะนั้น Digital Infrastructure ของประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้เป็น Technology follower และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของเราไม่แพ้ชาติใดในโลก
ตอนที่เรามี Digital disruption เหตุจากมีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาในเรื่องของอินเตอร์เน็ต ผู้ประกอบการธุรกิจบางรายไม่ได้ตระหนักว่ามันจะมีผลกระทบอะไรต่อธุรกิจ แต่พอมีผู้ประกอบการบางส่วนของโลกในต่างประเทศคิดนวัตกรรมใหม่ขึ้น จึงทำให้เกิด New Business Model เช่น การสั่งซื้อของทางออนไลน์, New feed, VDO streamingเป็นต้น สิ่งเหล่านี้หากเราปรับตัวไม่ทันก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจแน่นอนประเทศไทยเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ให้บริการ 5G ซึ่งโอกาสนี้ผู้ประกอบการควรศึกษาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นว่าจะสามารถปรับให้เป็น New Business Modelอะไรได้บ้าง รู้ก่อน ทำก่อน ได้เปรียบ ตอนประกาศปิดเมืองช่วงโควิด-19 เรื่องดิจิทัลสำคัญมาก เพราะคนต้องอยู่แต่บ้าน เริ่มสั่งของออนไลน์ สั่ง Food Delivery และ มีการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2563 มีการประมูลคลื่น 5G เกิดขึ้น AIS เป็นเจ้าแรกที่ประมูลได้ ทันทีที่ได้มาเราประกาศเลยว่า 5G ของประเทศไทยพร้อมแล้ว เปิดให้บริการครบแล้ว 77 จังหวัด และเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของโลกของที่มี 5G ปัจจุบันในพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก)ครอบคลุมแล้ว 100% นั่นหมายความว่า หากตอนนี้ท่านซื้อโทรศัพท์มือถือก็สามารถใช้5Gได้แล้ว สำหรับผู้ประกอบการเนื่องจาก 5G เป็นเพียง Digital Infrastructure อยากให้เข้าใจว่า 5G นั้นไม่เพียงแค่สัญญาณโทรคมนาคมใช้กับโทรศัพท์เพื่อสื่อสารให้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ให้คิดไปถึงขั้นที่ว่าสามารถใช้กับอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ง่ายขึ้นและประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง 5G จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เขานำ 5G มาเป็น Digital Infrastructure ในธุรกิจเพื่อไปเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในประเทศไทยเรานำDigital Infrastructureมาประยุกต์กับอุตสาหกรรม เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง เรานำ Digital Infrastructure มาพัฒนาให้เป็น Smart Pot จากเดิมเรือ 1 ลำมาเทียบท่า มีเครนมายก พอเขายกเครนต้องมีเจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปบนเครนที่สูงประมาณ 50 เมตร 1 คนควบคุมต่อ 1 เครน ซึ่งโดยปกติ คือ การก้มทำงานเพื่อควบคุมเครนต้องมีความสามารถในการทำงาน 3 ชั่วโมงต่อวัน 60 เครน ใน 1 port ใช้ 60 คน แต่พอ 5G มา สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ย้ายคนที่ต้องปีนไปอยู่บนเครนไปที่ห้องควบคุมแทน 60 เครนจึงสามารถใช้คนเพียง 7 คนในการควบคุมเท่านั้น และทำงานได้คราวละ12ชั่วโมง สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดว่า Digital Infrastructure เข้ามาปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในด้านผู้ใช้บริการทั่วไป ผู้ประกอบการทั้งหลายควรคิดแล้วว่าจะใช้กับธุรกิจตัวเองอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว คือ AR (Augmented Reality)และ VR (Virtual Reality) 2 สิ่งนี้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการนำมาประกอบธุรกิจ เช่น ในวงการธุรกิจบันเทิงจะใช้ได้เยอะเพราะมีความสมจริง ไม่ต้องไปสถานที่จริงก็ได้ เช่น การท่องเที่ยว โปรโมทผ่าน AR และ VR ซึ่งตอนนี้มีบางที่เริ่มใช้แล้ว การเรียนออนไลน์ นำ AR และ VR มาใช้จะทำให้การเรียนมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5G จะเปรียบเสมือนสึนามิด้าน Digital disruption ลูกใหม่ เพราะนอกเหนือจาก 5G ที่เกิดขึ้นนั้นยังมีสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย คือ AI, Machine learning และ Internet of Things (IOT) สิ่งที่ผู้ประกอบการในหลายๆ ธุรกิจอาจจะยังไม่เคยทำ คือ การนำ Big Data จาก IOT มาคำนวณและประมวลผลเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากตรงนั้น การมี 5G จะช่วยเป็นตัวที่ทำให้ประมวลผลได้เร็วเพราะอินเตอร์เน็ตมีความเร็วแรงจะช่วยในการประมวล 3 เรื่องนี้จะมีผลกระทบกับวงการธุรกิจผลสมควร ผู้ประกอบการต้องเริ่มปรับตัวโดยการนำ3เรื่องนี้มาใช้จะเป็นโอกาสดีในการคิด New Business Model ได้ 5G เป็นเพียงส่วนที่จะช่วยส่งเสริมในการปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้นในเรื่องที่เราต้องการปรับปรุง เช่น ด้านโลจิสติกส์ ด้านการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน หรือแม้กระมั่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการสามารถทยอยปรับปรุงเป็นเรื่องๆ ไม่จำเป็นต้องปรับทีเดียวหมด เพียงแค่ลองหันมาสนใจกระบวนการทำงานในธุรกิจของตัวเองให้มากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จาก 5G เป็นตัวช่วย
การนำ 5G มาใช้ในการแพทย์ เช่นTelemedicineเป็นการคุยกับแพทย์ทางไกลโดยแพทย์จะมองผู้ป่วยผ่านกล้องที่มีความละเอียด 4K เพื่อวินิจฉัยอาการเบื้องต้น การส่งข้อมูล X-ray โดยเครื่อง CT Scan ที่อยู่ในจังหวัดน่านเมื่อทำการ X-ray แล้วต้องการส่งไฟล์ แต่ด้วยไฟล์ X-ray เป็นไฟล์ที่ใหญ่กว่าจะส่งข้อมูลมาถึงแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์จะใช้เวลานาน เมื่อนำ 5G มาช่วยในด้านนี้ก็จะส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น และนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ผลเบื้องต้น แล้วจึงส่งให้แพทย์วิเคราะห์ต่อ เราสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นเพื่อลดความเลื่อมล้ำทางการแพทย์ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ต่อมาคือ รถ Mobile Stroke Unit ที่ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราชและคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รถ Mobile Stroke จะรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองที่มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาในระยะเวลาที่กำหนด ในรถนั้นจะมีเครื่อง CT Scan แล้วส่งข้อมูลเบื้องต้นไปที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยทันที มีกล้องที่มีความชัดสูงเพื่อที่จะสามารถ VDO กับแพทย์เพื่อสื่อสารกับให้คนภายในรถ Mobile Stroke ให้ฉีดยาหรือรักษาในเบื้องต้นก่อนได้และสามารถเห็นผู้ป่วยได้ด้วย
ตั้งแต่ 1G เปลี่ยนเป็น 2G ใช้เวลา 15 ปี 2G เปลี่ยนเป็น 3G ใช้เวลาน้อยไปกว่านั้นอีก และ 3G เปลี่ยนเป็นมาจนถึง 4G ใช้เวลาไม่ถึง10ปี ในอนาคตหากจะเปลี่ยนจาก 5G เป็น 6G นั้นจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าแน่นอน แต่ในทุกการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เปลี่ยนแค่ความเร็วของสัญญาณเครือข่าย แต่เปลี่ยนพฤติกรรมคนไปด้วย ซึ่งโอกาสมาถึงแล้ว ผู้ประกอบการควรคิดและสร้าง New Business Model เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในการยกระดับความสามารถทางการแข่งขัน
สำหรับกิจกรรม STECO Online Forum ครั้งที่ 12 หัวข้อ "การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยนวัตกรรม"โดย คุณเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด(มหาชน) ในวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00
- 15.00 น.ผ่าน FB Live : STECOKMUTTลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/WAcZ7fNqmHoutJtW9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-099-0328 คุณฉันทิสา หรือ โทร. 090-416-0789 คุณปภาดา