ยิ่งใกล้วันชุมนุมใหญ่ของม็อบเยาวชนปลดแอก นำโดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ วันที่ 19 กันยายนนี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นักลงทุนในตลาดหุ้นยิ่งหวาดผวา เพราะไม่อาจคาดได้ว่า จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนในอดีตหรือไม่
บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่ง เริ่มให้น้ำหนักความสำคัญกับความเคลื่อนไหวของม็อบโดยประเมินว่า สถานการณ์การเมืองช่วงใกล้วันชุมนุมใหญ่ของนักเรียน นักศึกษา จะกดดันตลาดหุ้นจนเกิดภาวะชะลอตัว และเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงมากขึ้น
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองว่า หากการชุมนุมไม่เกิดความรุนแรง ดัชนีหุ้นจะเคลื่อนไหวระหว่าง 1,300-1,350 จุด แต่ถ้าเกิดความรุนแรงระหว่างการชุมนุม ดัชนีหุ้นอาจปรับฐานลงสู่ระดับ 1,270-1,300 จุด
แต่โบรกเกอร์บางแห่งมีมุมมองที่แตกต่าง โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งสมมติฐานการชุมนุมของม็อบปลดแอกไว้ 3 ระดับ คือ หากการชุมนุมไม่ยืดเยื้อ และมีการเจรจาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดัชนีหุ้นอาจปรับตัวขึ้นในระดับ 1,350-1,380 จุด
กรณีที่การชุมนุมยืดเยื้อ โดยไม่เกิดความรุนแรง ดัชนีจะเคลื่อนไหวในระดับ1,250-1,270 จุด
และกรณีที่เลวร้าย โดยเกิดความรุนแรงจากการชุมนุม ดัชนีหุ้นอาจปรับตัวสู่ระดับ 1,160-1,230 จุด
ไม่มีใครทำนายได้ว่า การเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชนปลดแอกจะจบอย่างไร การนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่
แต่ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจมีเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำรอยอดีต เพราะมีการจัดตั้งม็อบเผชิญหน้าม็อบปลดแอก มีการปลุกระดมมวลชนโจมตีต่อต้านการชุมนุมใหญ่ของนักเรียน นักศึกษา ในลักษณะเดียวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคมทมิฬปี 2519
ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุขึ้น โดยดัชนีหุ้นซึมลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่คึกคัก ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งทะยานใกล้แตะจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 29,300 จุด ก่อนเกิดวิกฤต “โควิด”
และสวนทางกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชียที่ฟื้นตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความพยายามในการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ยังประสบความล้มเหลว โดยการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสปี 2020 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคมที่ผ่านมา
นำ 53 บริษัทจดทะเบียน เสนอข้อมูลการลงทุนให้นักลงทุนสถาบันทั้งโลก 193 แห่ง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวกจากนักลงทุนต่างชาติแต่อย่างใด โดยต่างชาติยังขายหุ้นทิ้งอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส ต่างชาติขายหุ้นหนัก และหลังจบงาน ต่างชาติยังขายหุ้นหนักขึ้นไปอีก โดยวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมเทขายหุ้น 6,407.80 ล้านบาท วันที่ 1 กันยายนเทขายหุ้นอีก 1,490.50 ล้านบาท
ยอดรวมการขายหุ้นของต่างชาตินับจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 1 กันยายนมีจำนวนทั้งสิ้น 255,975.19 ล้านบาท
ตลาดหุ้นเจอผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มา 8 เดือนแล้ว และกำลังจะถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์การเมือง จากการเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชนที่ไม่อาจประเมินได้ว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดตามมา
นักลงทุนจึงแต่เฝ้าลุ้นระทึกว่า ตลาดหุ้นจะรับผลกระทบหนักเพียงใด และจะร่วงไปถึง 1,160 จุด ตามที่บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้าฯ ทำนายไว้หรือไม่
ไม่เพียงแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้นที่สั่นไหวไปกับความเคลื่อนไหวของม็อบเยาวชนปลดแอก แม้แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นก็อดผวากับสถานการณ์การเมืองไม่ได้ ช่วงนี้ ตลาดหุ้นจึงไม่ตอบรับข่าวดีเท่าไหร่นัก
มีข่าวดีหุ้นไม่ยอมขึ้น เพราะถูกกดดันจากความกังวลเรื่องม็อบ แต่หากมีข่าวร้าย หุ้นพร้อมปักหัวทันที
แนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้น ก่อนวันชุมนุมใหญ่ม็อบปลดแอก 19 กันยายนนี้ คงมีลักษณะซึมลง
อีกเพียง 2 สัปดาห์เศษ จะถึงวันชุมนุมใหญ่ของม็อบปลดแอกแล้ว และไม่รู้ว่า นักเรียน นักศึกษาจะกดดันพล.อ.ประยุทธ์ได้เพียงใด
แต่สำหรับตลาดหุ้น ถูกกระแสม็อบถล่ม จนซึมลงหลายวันแล้ว และไม่มีสัญญาณการฟืนตัวกลับ
ยิ่งนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีคลังคนใหม่ที่รับตำแหน่งไม่ทันครบ 1 เดือน ประกาศลาออก ยิ่งเป็นข่าวร้ายซ้ำเติมตลาดหุ้นอีกระลอก
ดัชนีหุ้นระดับ 1,300 จุด คงยืนไม่อยู่แล้ว แต่จะดิ่งลงไปลึกขนาดไหน ต้องรอประเมินสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของนักเรียน นักศึกษาวันที่ 19 กันยายนนี้
เพราะอาจเป็นชนวนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามมา