xs
xsm
sm
md
lg

มนุษย์คุณภาพ “ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ”! (ตอนสิบสอง) ตายแน่..ใครบอกเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”


รัฐบาลรัฐประหารไม่ปฏิรูปชาติ กับ รัฐบาลเลือกตั้งโกงชาติ ไม่มีวันจะแก้ต้นเหตุปัญหาชาติได้แน่นอน!

รัฐบาลรัฐประหารแล้วไม่ปฏิรูปชาติ มักกระสันอยากสืบทอดอำนาจ ด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งสกปรก มีทั้งการซื้อเสียงและโกงอุตลุดเสมอ

รัฐบาลเลือกตั้งมักจะโกงชาติ โดยไม่เคยเข็ดหลาบกับการถูกรัฐประหาร! ต้องบอกตรงๆ ว่า ตราบใดที่การเลือกตั้งยังไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ย่อมทำให้ “นักการเมือง” พรรคต่างๆ ต้องแข่งกันอย่างหนัก ทั้งซื้อเสียงกับโกงเลือกตั้ง โดยไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน ด้วยพรรคใดได้ สส. เข้าสภาฯ เยอะที่สุด ก็จะได้ตั้ง “นายกรัฐมนตรี” และ ครม. ซึ่งตำแหน่ง รมต.ล้วนเป็นยอดปรารถนาของ ส.ส.ทุกคน

“นักการเมือง” จึงใช้สูตร “กีฬาแพ้ชนะได้” แต่ “นักการเมือง” แพ้เลือกตั้งไม่ได้เด็ดขาด!

“เงินคือพระเจ้า” ! เอ๊ะ..ถ้างั้น “นายทุนก็คือพระเจ้าตัวจริง” น่ะสิ? ในห้วงมีการเลือกตั้ง แทบทุกพรรคต้องพึ่งเจ้าสัวใหญ่ๆให้การสนับสนุนเงิน โดยเจ้าสัวใหญ่ๆทั้งหลาย จะมีทีมงานสำรวจตรวจสถานการณ์เลือกตั้งอย่างใกล้ชิดว่า พรรคฯ ใดจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และพรรคไหนจะได้เข้าร่วมรัฐบาล อ้อ!..และพรรคไหนจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน

จำนวนเงินที่จะให้ มากหรือน้อย เจ้าสัวใหญ่ๆ จะประเมินอย่างชาญฉลาดว่า พรรคที่จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลจะได้เงินเยอะที่สุด! พรรคที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาลจะได้เงินน้อยลงหน่อย! ส่วนพรรคที่มีโอกาศจะเป็นฝ่ายค้าน จะได้เงินแค่น้อยนิดหรือไม่ได้เลย เพราะเลขาฯเจ้าสัวใหญ่ๆ มักอ้างว่า “ท่านไปต่างประเทศ..ไม่รู้จะกลับไทยเมื่อไหร่(ว่ะ)”

สำหรับพรรคชาติพัฒนา นำโดย “น้าชาติ” นั้น ทั้งผู้สมัคร สส.และเจ้าสัวใหญ่ๆทั้งหลาย เชื่อมั่นกันว่าจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล หรืออย่างน้อยต้องได้เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน ดังนั้น จึงมีผู้สมัคร สส.ทั้งเก่าใหม่มาเข้าพรรคมากมาย และมีเจ้าสัวใหญ่ๆสนับสนุนกันพรึบพรับ

“จารย์โต้ง-ผม” กับทีมงาน ได้ร่วมประชุมกับแกนนำพรรคกับ “น้าชาติ” จนได้ข้อสรุปตรงกันว่า ต้องหาเสียงด้วยจุดแข็งของ “น้าชาติ” ในห้วงเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเศรษฐกิจไทยฟูเฟื่อง ชนิดที่ประชาชนรู้เห็นสัมผัสได้จากการกินดีอยู่ดี
หลายคำขวัญที่ผู้คนเสนอมาให้ สุดท้าย “น้าชาติ” กับแกนนำ เห็นด้วยกับ “หันหน้าเข้าหากัน เร่งสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทย” ให้เป็นคำขวัญหลักของพรรค ใช้ในการรณรงค์หาเสียงครั้งนั้น เพราะนโยบายของ “น้าชาติ” ชัดเจนว่า พรรคจะไม่ทะเลาะกับใครอีกแล้ว..

นายกฯทุกคน รัฐมนตรีทุกคน รัฐบาลทุกคณะ ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทุกคน มักจะประกาศอย่างแข็งขันเหมือนกันว่า “จะเป็นกลาง จะทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย” แถมชอบพูดอีกว่า “ถ้าพบการซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง จะถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที”

อืม..การพูดจาสร้างภาพจอมปลอม ว่าเป็น “รัฐบาลซื่อสัตย์สุจริต” เช่นนั้น บรรดา “คอการเมือง” กับ “ประชาชน” ซึ่งอยู่ในโลกแห่งความจริง ได้ “ฮาขี้แตกขี้แตนกันเลยล่ะ” เพราะมันเป็นคำโกหกหลอกลวง ที่ต้องบอกว่า “อุแม่เจ้า..ช่างกล้าโกหกดื้อๆ ไม่กลัวตกนรกกันเลยนะเนี่ย”

เพราะนายกฯคนนั้น? รัฐมนตรีคนนั้น? รัฐบาลนั้น? ข้าราชการเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง?พูดในสิ่งที่ทำไม่ได้และเป็นไปไม่ได้ไงล่ะ

และประชาชนก็มักได้ยิน หัวหน้าพรรคคนไหน? ผู้สมัครเลือกตั้ง สส.คนไหน? โฆษกฯพรรคไหน? ออกมาพูดกับสื่อด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “พรรคเราไม่ซื้อเสียง ไม่โกงเลือกตั้ง” “พรรคเราขอให้รัฐบาลและ กกต. ไปตรวจสอบผู้สมัครพรรคนั้นกับพรรคโน้น เพราะเรารู้มาว่า..มีการซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งกันแล้ว” ฯลฯ

นี่ถ้า “คำสาบานศักดิ์สิทธิ์”! พวกผู้สมัคร ส.ส. ที่ชอบพร่ำพูดว่า “ตนไม่เคยซื้อเสียง ไม่เคยโกงเลือกตั้งเลย..สาบานที่ไหนก็ได้” เชื่อเถอะว่า พวกผู้สมัคร ส.ส. ต้องตายกันเป็นเบือแน่ๆ..

ยุคนั้นตลาดการ “ซื้อขายคน” ที่เป็น “นักการเมือง” มิได้ต่างจากซื้อขายหมูหมาเป็ดไก่เลย เพราะผู้สมัคร ส.ส. รู้กันเป็นอย่างดีว่า การซื้อตัวอดีต สส.เกรดเอบวกบางคน พรรคต้องจ่ายเงินให้หาเสียงตั้งแต่ 30-50 ล้านบาท อดีต ส.ส.เกรดเอจ่ายกัน 20-30 ล้านบาท อดีต สส.เกรดบีบวกจ่าย 10-20 ล้านบาท อดีต ส.ส.เกรดบีจ่าย 5 ล้านบาท

ส่วนผู้สมัครที่ไม่เคยเป็น ส.ส. ต้องตกลงกันเป็นรายบุคคล เช่นผู้สมัครบางคนควักเงินของตัวเอง โดยขอลงสมัครในนามพรรคของ“น้าชาติ” แต่มีการเจรจาตกลงเป็นการภายในว่า ถ้าได้เป็น ส.ส.ก็ขอพรรคจ่ายเงินให้ 20-30 ล้านบาท ฯลฯ
ผู้สมัครอีกประเภทหนึ่ง มากันเป็นก๊วน อย่างอดีตรัฐมนตรีบางคน หรือก๊วนอดีต สส.ที่มีเงินถุงเงินถัง มักมีสัญญาไม่เป็นทางการกับพรรคว่า พรรคไม่ต้องจ่ายเงินให้พวกเขาเลย และเขาจะลงทุนเอา สส. เข้ามาให้พรรค 5-6 คน ถ้าทำได้สำเร็จ พรรคต้องให้เขาเป็นรัฐมนตรี
วันนี้..เมื่อไร้การปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะไม่ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง จึงทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมดังที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาติได้นักการเมืองด้อยคุณภาพไร้คุณธรรม ทำให้การเมืองต้อง “ถอยหลังลงคลองน้ำเน่า” มาตลอด

ที่สำคัญ.. ทำให้ชาติต้องวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ รัฐบาลเลือกตั้งโกงชาติ ถูกสื่อฯเปิดโปงและประชาชนชุมนุมขับไล่ สุดท้ายถ้าไม่ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ก็มักโดน “คณะทหาร” ทำรัฐประหารโค่นล้มลง เป็น “วงจรอุบาทว์ทางการเมือง” สลับกันบริหารชาติ แบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” ซ้ำซากน่าขยะแขยง..
เรียกว่า..ชาติกับประชาชนไทย ต้องเจอะเจอแต่รัฐบาลเลือกตั้งโกงชาติ กับรัฐบาลรัฐประหารไม่ปฏิรูปชาติ แถมบางครา..“รัฐบาลทั้งสองรูปแบบ” ยังโกงชาติอย่างมโหฬารอีกด้วย..เฮ้อ..เหนื่อยใจว่ะ..
เพราะที่ผ่านมา..“รัฐบาลทั้งสองรูปแบบ” ไม่ลดความเหลื่อมล้ำให้ชาติ ไม่ปราบคนโกงชาติ แถมยังมีพฤติกรรมโกงชาติมาตลอดด้วย เท่ากับว่า “นักการเมืองทั้งสองรูปแบบ” นั่นแหละ ที่เป็นตัวการทำร้ายชาติ-ศาสน์-กษัตริย์-ประชาชน ตลอดมานานกว่า 80 ปีแล้วนั่นเอง..จริงไหม?
เอาล่ะ..เมื่อปี่กลองการเลือกตั้งดังกระหึ่มขึ้น “น้าชาติ” เป็นหัวหน้าทีม และมีนักธุรกิจน้อยใหญ่ทั้งๆ ที่เปิดและปิดมาร่วมทีม เช่น “พงศ์ สารสิน” และ “สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์” ส่วนเจ้าสัวใหญ่ๆอีกหลายคนที่สนิทกับ “น้าชาติ” ก็ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างแข็งขัน
ผมมีโอกาสได้ทำงานกับ “น้าชาติ” และแกนนำพรรคอย่าง “พี่สุรัตน์” ผู้ใหญ่ใจดีและใจนิ่ง ที่เป็นหนึ่งในพลังของการขับเคลื่อน ให้พรรคเดินตามยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่วางไว้ อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันการณ์มาตลอด

บ่อยครั้งที่ “จารย์โต้ง” กับผมและทีมงาน ต้องตาม“ น้าชาติ” ไปหาเสียงในหลายจังหวัด รวมทั้งร่วมประชุมกับผู้สมัครสส.ของพรรค ซึ่ง “น้าชาติ” กับแกนนำจะไปแก้ปัญหาต่างๆ อีกทั้ง “น้าชาติ” ยังต้องขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัคร สส.ของพรรคด้วย

การเดินทางไปปราศรัยในบางครั้ง ถึงกับต้องใช้เครื่องบินส่วนตัว เดินทางให้ทันกำหนดเวลาปราศรัย ตามที่ผู้สมัคร สส. ในแต่ละจังหวัดได้ประกาศไว้แล้ว เพราะประชาชนจะมาฟัง “น้าชาติ” และแกนนำนักปราศรัยของพรรค

ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น แกนนำและหัวหน้าพรรคอย่าง “น้าชาติ” ต้องมีความอดทนต่อการเดินทางไปโน่นไปนี่ตลอดเวลา เหนื่อยล้าชนิดสายตัวแทบขาด ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงจริง มีโอกาสจะเจ็บป่วยได้เลยนะ..สิบอกให่..

13 กันยายน 2535 วันลงคะแนนเลือกตั้งมาถึงแล้ว..!

ทุกพรรคการเมืองสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้สมัครรับเลือกตั้งสาดโคลนใส่กันอุตลุด แต่พอระฆังยุติการต่อสู้แข่งขันดังขึ้น.. ทุกคนในพรรคการเมืองต่างๆ ล้วนไปนั่งจดจ่ออยู่หน้าจอทีวี เพื่อฟังผลการนับคะแนนเลือกตั้ง..

..โปรดติดตามตอนต่อไปสัปดาห์หน้า..

กำลังโหลดความคิดเห็น