ผู้จัดการรายวัน360- ครม.เดินหน้าปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ ขยายวงให้ผู้ป่วย หมอพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย เกษตรกรที่ร่วมกับผู้ได้รับอนุญาตผลิตสมุนไพร สามารถได้รับใบอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือ มีกัญชาไว้ในครอบครองได้ สมาคมรพ.เอกชน เอาด้วย เรียกร้องให้หน่วยงานรัฐผลิตน้ำมัน และยาจากกัญชา ขายให้รพ.เอกชน และให้สิทธิ์แพทย์แผนไทย ปรุงยาตามตำรับที่กฎหมายอนุญาต เพื่อรักษาผู้ป่วย
วานนี้ (4ส.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เสนอ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายฉบับเดิม ที่ใช้เมื่อปี 2562 ฉบับใหม่ที่แก้ไขนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอชาวบ้าน ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรม และเกษตรกร ที่ดำเนินการผลิตภายใต้ความร่วมมือกับผู้รับอนุญาตผลิตซึ่งยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร และบุคคลอื่นตามที่รมว.สาธารณสุขโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกำหนด สามารถได้รับใบอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 หรือ กัญชาได้
กฎหมายฉบับนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชน ที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค และปัญหาการพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดกัญชาทางการแพทย์
ทั้งนี้กฎหมายเดิม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการปลดล็อกกัญชานั้น กำหนดให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ขออนุญาต ที่ต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น จึงจะสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกได้ ส่งผลให้การพัฒนาองค์ความรู้ และการต่อยอดกัญชาทางการแพทย์อยู่ในวงจำกัด
ขณะเดียวกันในกฎหมายฉบับนี้ ยังกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเก็บรักษา และทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง โดยกำหนดให้กรณีที่มีการยึด หรือริบยาเสพติดให้โทษ เมื่อได้มีการตรวจชนิดและปริมาณแล้วว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ ให้กระทรวงสาธารณสุข หรือผู้ที่กระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย สามารถทำลาย หรือนำยาเสพติดดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ หลังจากครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
สมาคมรพ.เอกชน ขานรับ
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องไปที่กมธ.การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สมาคมรพ.เอกชนเล็งเห็นความสำคัญในนโยบายของรัฐบาล ที่นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยในปัจจุบันได้มีการศึกษา วิจัย รวมทั้งการใช้กัญชา เพื่อรักษาผู้ป่วยซึ่งมีประชาชนที่สนใจ แต่เนื่องจากสถานพยาบาล ที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยโดยใช้กัญชานั้นมีอยู่อย่างจำกัด และมีเพียงสถานพยาบาลของรัฐเท่านั้น ส่งผลให้การรักษาผู้ป่วยไม่ครอบคลุมประชาชน
ทั้งนี้สมาคมรพ.เอกชน เสนอแนะเพื่อให้กมธ.สาธารณสุข พิจารณาให้รพ.เอกชน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับการกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ครอบคลุมประชาชน ที่ป่วยและมีความประสงค์จะเข้ารับบริการการรักษาพยาบาล โดยมีประเด็นที่ควรพิจารณาดังนี้
ประการแรก การอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐ ที่ผลิตน้ำมันกัญชา หรือยาประเภทอื่นจากกัญชา สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้แก่รพ.เอกชนทุกแห่ง เพื่อให้แพทย์ที่ตรวจวินิจฉัยโรคสั่งจ่ายให้แก่ผู้ป่วยได้
ประการที่สอง อนุญาตให้ รพ.เอกชน ที่มีการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ สามารถดำเนินการปลูกกัญชา เพื่อนำมาปรุงยาตามตำรับที่กฎหมายอนุญาต เพื่อรักษาผู้ป่วย
วานนี้ (4ส.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เสนอ ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายฉบับเดิม ที่ใช้เมื่อปี 2562 ฉบับใหม่ที่แก้ไขนี้ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอชาวบ้าน ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตด้านเกษตรกรรม และเกษตรกร ที่ดำเนินการผลิตภายใต้ความร่วมมือกับผู้รับอนุญาตผลิตซึ่งยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร และบุคคลอื่นตามที่รมว.สาธารณสุขโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษกำหนด สามารถได้รับใบอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 หรือ กัญชาได้
กฎหมายฉบับนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชน ที่ต้องการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค และปัญหาการพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอดกัญชาทางการแพทย์
ทั้งนี้กฎหมายเดิม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการปลดล็อกกัญชานั้น กำหนดให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ หรือผู้ขออนุญาต ที่ต้องดำเนินการร่วมกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น จึงจะสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือส่งออกได้ ส่งผลให้การพัฒนาองค์ความรู้ และการต่อยอดกัญชาทางการแพทย์อยู่ในวงจำกัด
ขณะเดียวกันในกฎหมายฉบับนี้ ยังกำหนดเกี่ยวกับกระบวนการเก็บรักษา และทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง โดยกำหนดให้กรณีที่มีการยึด หรือริบยาเสพติดให้โทษ เมื่อได้มีการตรวจชนิดและปริมาณแล้วว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ ให้กระทรวงสาธารณสุข หรือผู้ที่กระทรวงสาธารณสุขมอบหมาย สามารถทำลาย หรือนำยาเสพติดดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ หลังจากครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
สมาคมรพ.เอกชน ขานรับ
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องไปที่กมธ.การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สมาคมรพ.เอกชนเล็งเห็นความสำคัญในนโยบายของรัฐบาล ที่นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยในปัจจุบันได้มีการศึกษา วิจัย รวมทั้งการใช้กัญชา เพื่อรักษาผู้ป่วยซึ่งมีประชาชนที่สนใจ แต่เนื่องจากสถานพยาบาล ที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยโดยใช้กัญชานั้นมีอยู่อย่างจำกัด และมีเพียงสถานพยาบาลของรัฐเท่านั้น ส่งผลให้การรักษาผู้ป่วยไม่ครอบคลุมประชาชน
ทั้งนี้สมาคมรพ.เอกชน เสนอแนะเพื่อให้กมธ.สาธารณสุข พิจารณาให้รพ.เอกชน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับการกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ครอบคลุมประชาชน ที่ป่วยและมีความประสงค์จะเข้ารับบริการการรักษาพยาบาล โดยมีประเด็นที่ควรพิจารณาดังนี้
ประการแรก การอนุญาตให้หน่วยงานของรัฐ ที่ผลิตน้ำมันกัญชา หรือยาประเภทอื่นจากกัญชา สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้แก่รพ.เอกชนทุกแห่ง เพื่อให้แพทย์ที่ตรวจวินิจฉัยโรคสั่งจ่ายให้แก่ผู้ป่วยได้
ประการที่สอง อนุญาตให้ รพ.เอกชน ที่มีการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ สามารถดำเนินการปลูกกัญชา เพื่อนำมาปรุงยาตามตำรับที่กฎหมายอนุญาต เพื่อรักษาผู้ป่วย