xs
xsm
sm
md
lg

อัยการบี้คดี"เสี่ยเบนซ์"เมาขับ ยื่นอุทธรณ์ขอศาลไม่รออาญา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี ไล่บี้คดี “เสี่ยเบนซ์”เมาชน “รอง ผกก.ตี๋”เสียชีวิต ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษ หลังมีคำพิพากษาก่อนหน้า จำคุก 3 ปีปรับ 1 แสนบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี แม้ชดใช้ครอบครัว-ดูแลบุตรผู้ตายแล้ว 45 ล้าน

จากกรณีศาลจังหวัดตลิ่งชัน มีคำพิพากษาคดีหมาย เลขดำ ที่ 1839/2562 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี 5 ยื่นฟ้อง นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ เป็นจำเลย ฐานขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย, ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหา

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 62 เวลาประมาณ 23.30 น. ตร.สน.ศาลาแดง รับแจ้งว่ามีเหตุรถยนต์ชนกัน ที่ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เบนซ์ ทะเบียน บฮ 789 กทม. แต่ขณะนั้นไม่พบตัวคนขับ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำตัวส่ง รพ.ธนบุรี 2 เพราะได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เกิดเหตุพบพ.ต.ท.จตุพร งามสุชวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สวิฟท์ ทะเบียน 2 กก 3653 และทราบจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯว่ายังมี นางนงนาฏ งามสุวิชชากุล ภรรยา และบุตรสาว อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งโดยสารมาด้วยได้รับบาดเจ็บ ก็ได้นำตัวส่งรพ.แล้ว ต่อมานางนงนาฏ เสียชีวิตที่ รพ.ราชพิพัฒน์

ภายหลังทราบว่า นายสมชายได้ขับรถเบนซ์ มาจากถนนพุทธมณฑล สาย 3 จะไปทางถนนพุทธมณฑล สาย 2 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก ได้ขับรถล้ำเข้าไปในช่องเดินรถของพ.ต.ท.จตุพร ที่วิ่งมาจากถนนพุทธมณฑล สาย 2 กำลังมุ่งหน้าไปถนนพุทธมณฑลสาย 3 จึงได้พุ่งชนกันอย่างแรง เป็นเหตุให้พ.ต.ท.จตุพร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจากการสอบสวนทราบว่า คืนเกิดเหตุ นายสมชายได้ดื่มเบียร์มาจากสนามไดรฟ์กอล์ฟ แขวง-เขตทวีวัฒนา กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.ได้ขับรถเบนซ์คันเกิดเหตุ ออกมาตามถนนทวีวัฒนา- กาญจนาภิเษก จนได้มาชนกับรถของผู้ตาย และเมื่อได้ทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ พบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

จำเลยรับสารภาพ ทั้งในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาของศาล ศาลจึงมีคำสั่งให้มีการสืบเสาะ และพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา โดยให้พนักงานคุมประพฤติรายงานผลการสืบเสาะนั้นให้ศาลทราบภายใน 15 วัน ระหว่างนั้นนายสมชายได้รับการประกันตัว ด้วยวงเงิน 200,000 บาท ขณะมี่นายสมชาย ผู้ก่อเหตุยินยอมเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย 45 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวของนายตำรวจผู้เสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงบุตรสาวคนโต และบุตรสาวคนเล็ก

คดีนี้ศาลพิพากษา เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ประกอบคำรับสารภาพ รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย เกี่ยวกับประวัติการศึกษา อาชีพ ครอบครัวแล้ว มีคำพิพากษาเป็นคดีอาญา หมายเลขแดง ที่ 2284/2562 ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.291, 300 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.43 (2) (4), 67 วรรคหนึ่ง, 152, 157, 160 ตรี วรรคสาม วรรคสี่ อันการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานขับรถในขณะเมาสุราฯ มาตรา 43 (2) ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ม.160 ตรี วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุก 6 ปี และปรับ 200,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี พร้อมปรับ 100,000 บาท

ส่วนโทษจำคุกจำเลยนั้น ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี กับทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 48 ชั่วโมง ภายเวลา 1 ปี ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด

โดยมีรายงานล่าสุดว่า คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี พิจารณาแล้วมีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษนายสมชาย จำเลยต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น