xs
xsm
sm
md
lg

เป้าหมายในการ“ออกอาวุธ”ของอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



ด้วยเหตุเพราะความเป็นไปของโลก...ยังแทบไม่มีอะไร “เบาๆ-สบายๆ” ออกไปทางหนักหนา-สาหัส ตามแบบฉบับ “มันเป็นเช่นนั้นเอง-มันเป็นพรรค์นั้นแหละ” ปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องว่ากันไปตามกระแสข่าว โดยเฉพาะประเภท “ข่าวล่า-มาเรือ” ทั้งหลาย แต่สำหรับข่าวคราวที่ทำให้ใครต่อใครในบ้านเรา ออกจะฮือๆ ฮาๆ อยู่ไม่น้อย นั่นคือเรื่องรัฐบาลอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” ออกมาประกาศปิดกงสุลจีนในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัสนั้น อันที่จริง...คงไม่น่าไปหยิบเอามาวิเคราะห์เจาะลึกอะไรกันมากมาย เพราะมันน่าจะหนักไปทาง “บ้า...ก็...บ้าวะ” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่น่าจะมีอะไรมากมายเกินไปกว่านี้...

คือสำหรับใครก็ตาม...ที่ให้ความสนใจในเรื่องความเป็นไปของโลก เรื่องข่าวคราวความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ จนอาจต้องสมัครเป็นสมาชิก “แฟนคลับ” ของ “Thanong Fanclub” ที่ต้องถือเป็น “เฟซบุ๊ก” ซึ่งเกาะติดความเคลื่อนไหว ความเป็นไปของโลกค่อนข้างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ก็คงไม่น่าจะถึงกับแปลกใจ หรือตื่นเต้น ตกใจ อะไรกันมากมาย กับการหันมาเล่นงานจีนของคุณพ่ออเมริกาเที่ยวนี้ เพราะเท่าที่ “เฟซบุ๊ก” ของ “Thanong Fanclub” เขาไปหยิบเอาประเด็นต่างๆ ที่ “ทรัมป์บ้า” เคยงัดเอา “ลูกบ้า” มาไล่ทุบ ไล่ถีบคุณพี่จีน ต้องเรียกว่า...ยาวอีเหลนเป๋น ระดับเป็น “บัญชีหางว่าว” มีถึง 20-30 หัวข้อ โดยที่การปิดสถานกงสุลจีนคราวนี้ ก็เป็นแค่ 1 ใน 20-30 หัวข้อเท่านั้น ใครที่สนใจรายละเอียด คงต้องลองไป “คลิก” อ่านเอาเองก็แล้วกัน...

พูดง่ายๆ ว่า...ยิ่งใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ การออกมือ ออกตีน ลงมือ ลงตีนของ “ทรัมป์บ้า” ต่อมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน ต้องถือเป็น “วิชามาร” ทางการเมืองอีกชนิดหนึ่ง ที่ออกจะได้ผลเอามากๆ สำหรับบรรดาอเมริกันชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งทั้งหลาย ที่ถูกปลูก ถูกฝัง ให้เกลียดจีน กลัวจีน ไปจนถึงขั้นอาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ไปแล้วก็เป็นได้ แต่จะถึงขั้น “เปิดหน้าชน” กันแบบจะจะจังๆ ถึงขั้นคิดแปรสภาพ “สงครามเย็น” (ยุคใหม่) ให้กลายเป็น “สงครามร้อน” ขึ้นมาในวันหนึ่ง วันใด โดย “ศักยภาพแห่งความเป็นชาติ” ของประเทศอเมริกาทุกวันนี้ น่าจะลำบากเอามากๆ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารสูงสุดในโลก ชนิดแทบไม่มีใครตามทันก็เถอะ...

เรียกว่า...แค่เจอกับไวรัสเมืองจีน ไวรัส “Kung Flu” ตามที่ตัวเองเรียกๆ เจอกับการประท้วงแพร่ระบาดไปทั่วทั้ง 50 รัฐ เจอกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ตก ฯลฯ เพียงเท่านี้มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา ก็คงเป็นได้แค่ “จ้าวโรค” ไม่มีสิทธิคิดเป็น “จ้าวโลก” อีกต่อไปโดยเด็ดขาด อีกทั้งโดย “วาสนา” หรือโดยอุปนิสัยและ “สันดาน” ของคุณพ่ออเมริกาเท่าที่ผ่านมานั้น เวลาท่านคิดจะกระทืบ คิดจะลงมือ ลงตีนแบบจริงๆ จังๆ กับใครก็ตาม ส่วนใหญ่แล้ว...ท่านมักเลือกเอาประเภทที่ตีนเล็ก มือเล็ก หรือประเภทไม่มีเรี่ยว มีแรง พอที่จะสร้างความเจ็บ ความปวดให้กับตัวเอง อย่างเช่น การลงมือ ลงตีน กับประเทศเล็กๆ จนๆ อย่างเช่น “อัฟกานิสถาน” ที่แม้ว่าพวก “นักรบตาลีบัน” นั้น จะได้ชื่อว่าใจถึง ใจเด็ด เพียงใดก็ตาม แต่อย่างมากก็มีแค่ “รถกระบะ” ติดปืนกล ปืนไรเฟิลเอาไว้ปัดป่าย เปะๆ ปะๆ ไม่อาจต้านทานลูกระเบิดอเมริกา โดยเฉพาะประเภทที่เรียกๆ กันว่า “อภิมารดาแห่งระเบิดทั้งปวง” (Mother of all Bomb) ได้เลย...

หรือประเภท “อิรัก” ในยุคที่ “ซัดดัม ฮุสเซน” กำลังอยู่ในช่วง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรฯ” เพราะถูกแซงชั่นต่อเนื่องนับเป็นทศวรรษๆ ถูกโดดเดี่ยวจนเหลือแต่หัวเดียวกระเทียมลีบ อันนั้นนั่นแหละ...เหมาะที่จะบุกเข้าไปกระทืบ หรือ “เปิดหน้าชน” กันแบบจริงๆ จังๆ เพราะแม้กระทั่ง “อิหร่าน” ที่เคยสู้กับ “ซัดดัม ฮุสเซน” แบบงัดกันไม่ลงมาเป็นสิบๆ ปี แต่มาถึงบัดนี้...คุณพ่ออเมริกาก็ยังไม่คิดจะบุก ด้วยเหตุเพราะโอกาสที่จะ “เจ็บ...กับ...เจ็บ” หรืออย่างน้อยก็ต้องปวดรวดร้าวทรมานมิใช่น้อย อันเนื่องมาจากการยกระดับพัฒนาแสนยานุภาพตัวเองอย่างเร่งรีบ การดำเนินวิเทโศบายต่างประเทศแยบยลและประณีต จนไม่เพียงทำให้ตัวเองไม่ถึงกับ “โดดเดี่ยว” ยังขยายขอบเขตความเป็น “พันธมิตร” เชื่อมโยงกับอภิมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกา ไม่ว่าจีนและรัสเซีย อย่างแน่นเหนียว หนึบหนับเอามากๆ เลยทำให้คุณพ่ออเมริกามีแต่ต้อง “ง้างแล้ว...ง้างอีก” มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ หรือได้แค่หันไป “ก่อการร้าย” หันไป “ลอบสังหาร” ผู้นำทางทหารอิหร่าน เป็นรายบุคคลเท่านั้นเอง...

ดังนั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง การคิด “เปิดหน้าชน” กับอภิมหาอำนาจอย่างคุณพี่จีนแบบซึ่งๆ หน้า เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงๆ นั้น ค่อนข้างน้อยเอามากๆ โดยเฉพาะเมื่อ 2 อภิมหาอำนาจ ที่จับมือเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” กันในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี อย่างจีนและรัสเซียนั้น เขาได้ออกแบบ ดีไซน์ ยุทธศาสตร์ในการรับมือ “มหาอำนาจขั้วเดียว” อย่างอเมริกา เอาไว้ในลักษณะ “หมากล้อม” ไม่ใช่ “หมากรุก” อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้ว คืออาศัยแนวทาง “สันติภาพ” เป็นตัวระงับ ยับยั้ง ไม่ให้ประเทศที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรสงคราม” อย่างอเมริกา มีโอกาสจุดชนวนสงคราม หรือมีโอกาสออกอาวุธได้เลย จนกว่า “จักรวรรดินิยม” จะล่มสลายไปเอง หรือแตกกระสานซ่านเซ็นไปแบบ “จักรวรรดิสังคมนิยมโซเวียต” ในอดีตนั่นเอง...

อย่างไรก็ตาม...ในฐานะประเทศที่มักต้องอาศัย “สงคราม” เป็นทางออก ทางรอด ตามแบบฉบับ “ลัทธิเคนเนเชียนทางทหาร” (Military Keynesianism) มาโดยตลอด การหาจังหวะออกอาวุธ หรือการเปิดฉาก “สงคราม” ของอเมริกา ขึ้นมา ณ ที่ใดที่หนึ่งแห่งใดแห่งหนึ่ง เมื่อไหร่ หรือตอนไหน ถ้าดูจาก “ข่าวล่า-มาเรือ” คราวล่าสุด “หวย” มันน่าจะไปออกแถวๆ อเมริกาใต้ หรือละตินอเมริกาซะมากกว่า เพราะว่ากันว่า...เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง ขณะที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ไปปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนที่รัฐฟลอริดา จะเพื่อหาเสียง หาคะแนนนิยม หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่ง...ที่ผู้หวังจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบสองรายนี้ ได้เอ่ยคำพูดที่ไม่ถึงกับเป็นปริศนาจนเกินไป กับบรรดาชาวฟลอริดาที่ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพมาจากประเทศในละตินอเมริกา ด้วยประโยคที่ว่า “กำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ประเทศเวเนซุเอลาในอีกไม่นานนับจากนี้ ผมบอกกับพวกคุณทั้งหมดได้เพียงเท่านี้แหละ” เลยกลายเป็นคำพูดที่ผู้สื่อข่าวและคอลัมนิสต์ สำนักข่าว “MintPress News” ผู้มีนามกรว่า “Alan MacLoeod” ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเมืองในอเมริกาใต้อย่างเป็นพิเศษ เคยเขียนหนังสือเรื่อง “Bad News from Venezuela : Twenty Years of Fake News and Misreporting and Propaganda in the Information Age” ออกมาเป็นเล่มๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาค่อนข้างเชื่อว่า นี่แหละคือ “เป้าหมาย” ในการออกอาวุธของอเมริกาในเร็วๆ นี้...

โดยเฉพาะเมื่อ “กองบัญชาการภาคใต้” ของทัพเรืออเมริกัน ยังคงป้วนๆ เปี้ยนๆ อยู่กับปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในย่านนี้พร้อมกับ “ข้อกล่าวหา” รัฐบาลเวเนซุเอลา ของประธานาธิบดี “นิโคลัส มาดูโร” ว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด หรือ “รัฐยาเสพติด” (narco state) ชนิดถึงกับ “ตั้งค่าหัว” ผู้นำรัฐบาลเวเนซุเอลาไว้ถึง 15 ล้านดอลลาร์ โดยหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ ยิ่งเมื่อประเทศที่ตีนเล็ก มือเล็ก ประเทศนี้ เพิ่งร่วมมือกับอิหร่านด้วยการยกฝ่าตีนลูบหน้ามหาอำนาจสูงสุดในโลกอย่างอเมริกาหรือเพิ่งหันไปค้าขายกันเอง ระหว่างประเทศที่ถูกอเมริกา “แซงชั่น” ไปด้วยกันทั้งคู่ การอาศัย “สงคราม” เป็นทางออก หรือเป็นเครื่องมือในการหาเสียง หาคะแนนนิยม เพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง จึงน่าจะไปอุบัติขึ้นแถวๆ อเมริกาใต้ มากกว่าแถวๆ ทะเลจีนใต้ หรือมากกว่าคุณพี่จีน ที่มือโต ตีนโต ชนิดสามารถเหยียบ “เรือบรรทุกเครื่องบิน” อเมริกัน ให้จมธรณีหรือจมพระคงคา เมื่อไหร่ก็ย่อมได้...


กำลังโหลดความคิดเห็น