ผู้จัดการรายวัน360 - ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ฟัน "ยิ่งลักษณ์" พร้อม 2 นักการเมืองดัง “นิวัฒน์ธำรง-สุรนันทน์” คดีฮั้วประมูล จัดอีเวนต์โปรโมตโครงการสร้างอนาคตไทย สูญงบ 240 ล้าน ขณะที่ “มติชน-สยามสปอร์ต”ผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ส่วน "เจ๊เป้า" เมียสมศักดิ์ โดนแจ้งข้อกล่าวหา คดีฝายแม้ว 770 ล้านบาท
วานนี้ (22ก.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกป.ป.ช. แถลงข่าวชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก อนุมัติและดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบ
ทั้งนี้ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7 เสียง ชี้มูลความผิด นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิด และมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 เสียง ชี้มูลความผิด นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนบริษัทสื่อมวลชน 2 แห่ง และผู้มีอำนาจกระทำการแทนนั้น ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 เสียง ชี้มูลความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว เตรียมส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดีต่อไป ขณะที่กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำหรับคดีนี้มีผู้ที่ถูกกล่าวหามีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน 17 ราย โดยแบ่งเป็น กลุ่มนักการเมือง 3 ราย ประกอบด้วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 9 ราย ที่เกี่ยวข้องการจัดทำราคากลาง และจัดซื้อจัดจ้าง และ กลุ่มเอกชน 5 ราย จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจ ส่วนสื่อมวลชน แบ่งเป็น ถูกกล่าวหาในนามนิติบุคคล 2 แห่ง ถูกกล่าวหาในนามผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท 2 ราย และผู้บริหารบริษัท 1 ราย
ทั้งนี้ กรณีการจัดงาน จัดอีเวนต์ดังกล่าว บริษัทสื่อมวลชน 2 แห่ง ปรากฏรายชื่อเป็นผู้รับว่าจ้างโดยรายแรกได้รับงาน 140 ล้านบาท ,รายที่สอง ได้ 100 ล้านบาท ซึ่งในขั้นตอน การดำเนินงาน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ได้ทำหนังสือถึง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เพื่อขอให้ทบทวนการจ่ายเงินว่าจ้างจัดงานประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้กับบริษัทเอกชน ทั้งสองราย ให้เหตุผลว่า เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... หรือ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ฯ 2 ล้านล้าน ที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานประชาสัมพันธ์ดังกล่าวนั้น
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า กรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เมื่อปี 2555 กรณีกล่าวหา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์ ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบ ภาวะวิกฤตโลกร้อน (ฝายแม้ว) วงเงินงบประมาณปี 2551 จำนวน 770 ล้านบาท กรณีการก่อสร้างฝายต้นน้ำ แบบผสมผสานและการเพาะชำ/ปลูกหญ้าแฝก โดยมิชอบ และหักเงินโครงการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ สำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
ล่าสุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ รวบรวมข้อมูลหลักฐาน เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา และมีมติแจ้งข้อกล่าวหานางอนงค์วรรณ เพื่อให้มีหนังสือรับทราบ และให้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
วานนี้ (22ก.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกป.ป.ช. แถลงข่าวชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก อนุมัติและดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบ
ทั้งนี้ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7 เสียง ชี้มูลความผิด นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิด และมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 1 เสียง ชี้มูลความผิด นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนบริษัทสื่อมวลชน 2 แห่ง และผู้มีอำนาจกระทำการแทนนั้น ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 3 เสียง ชี้มูลความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว เตรียมส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินคดีต่อไป ขณะที่กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ป.ป.ช. มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำหรับคดีนี้มีผู้ที่ถูกกล่าวหามีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน 17 ราย โดยแบ่งเป็น กลุ่มนักการเมือง 3 ราย ประกอบด้วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 9 ราย ที่เกี่ยวข้องการจัดทำราคากลาง และจัดซื้อจัดจ้าง และ กลุ่มเอกชน 5 ราย จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจ ส่วนสื่อมวลชน แบ่งเป็น ถูกกล่าวหาในนามนิติบุคคล 2 แห่ง ถูกกล่าวหาในนามผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท 2 ราย และผู้บริหารบริษัท 1 ราย
ทั้งนี้ กรณีการจัดงาน จัดอีเวนต์ดังกล่าว บริษัทสื่อมวลชน 2 แห่ง ปรากฏรายชื่อเป็นผู้รับว่าจ้างโดยรายแรกได้รับงาน 140 ล้านบาท ,รายที่สอง ได้ 100 ล้านบาท ซึ่งในขั้นตอน การดำเนินงาน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) ได้ทำหนังสือถึง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เพื่อขอให้ทบทวนการจ่ายเงินว่าจ้างจัดงานประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้กับบริษัทเอกชน ทั้งสองราย ให้เหตุผลว่า เนื่องจาก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... หรือ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ฯ 2 ล้านล้าน ที่รัฐบาลนำมาใช้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานประชาสัมพันธ์ดังกล่าวนั้น
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า กรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เมื่อปี 2555 กรณีกล่าวหา นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับพวก กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิด ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์ ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบ ภาวะวิกฤตโลกร้อน (ฝายแม้ว) วงเงินงบประมาณปี 2551 จำนวน 770 ล้านบาท กรณีการก่อสร้างฝายต้นน้ำ แบบผสมผสานและการเพาะชำ/ปลูกหญ้าแฝก โดยมิชอบ และหักเงินโครงการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ สำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
ล่าสุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ รวบรวมข้อมูลหลักฐาน เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา และมีมติแจ้งข้อกล่าวหานางอนงค์วรรณ เพื่อให้มีหนังสือรับทราบ และให้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด