จุฬาฯ แถลงผลทดสอบวัคซีน “CU-Cov19” ในลิงได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เตรียมทดลองกับคน ต.ค.-ธ.ค.นี้ นายกฯห่วงประชาชน เตือน "การ์ดอย่าตก" ต้องระวังตัว แนะใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ New Normal ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้าการวัจัยวัคซีน โควิด-19 โดย รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNAที่มีชื่อว่า “CU-Cov19”
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงข่าว "จุฬาฯ พัฒนาวัคซีนโควิด-19 หลังพบในลิงได้ผลดี เดินหน้าทดสอบในมนุษย์ (จิตอาสา)”
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ กล่าวว่า ล่าสุดนี้ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่มีชื่อว่า “CU-Cov19”ซึ่งผลการทดสอบวัคซีนในลิงเข็ม ที่สอง ลิงสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง มีสุขภาพดี เตรียมเดินหน้าทดสอบในมนุษย์ตามแผน
ด้านศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีน โควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), สถาบันวัคซีนแห่งชาติ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเงินบริจาคกองทุนวิจัยวัคซีน ซึ่งวัคซีน CU-Cov19 เป็นวัคซีนที่ผลิตจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บางส่วน ซึ่งเมื่อชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมนี้ ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นโปรตีนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดี ที่ช่วยต่อสู้กับไวรัสได้
"ล่าสุด ผลการตรวจเลือดลิงหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน CU-Cov19 กระตุ้นเข็มที่สอง ที่ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเวลาสองสัปดาห์ พบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนทุกตัวมีระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น โดยมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมากในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโดสสูง นอกจากนี้ ยังพบว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน จากผลการทดสอบนี้ ศูนย์วิจัยวัคซีนฯ จะเริ่มสั่งผลิตวัคซีน เพื่อให้พร้อมสำหรับการทดสอบในมนุษย์ตามแผน ประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม นี้ต่อไป" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว
นายกฯเตือน การ์ดอย่าตก
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ฝากเตือนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ "การ์ดอย่าตก" ในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แม้รัฐบาลจะได้ผ่อนปรนมาตรการเฝ้าระวังต่างๆ ไปมากแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ แต่ทุกคนทุกภาคส่วน ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น ขอให้เข้มงวดกับการใช้ชีวิต ตามวิถีใหม่ New Normalเพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
ที่ผ่านมารัฐบาลได้คลายมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาดได้ ก็เพราะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดรวมถึงป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง ดังนั้นแม้วันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายไปพอสมควรแล้ว แต่หลายประเทศสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง รัฐบาลยังจำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกคนยังคงเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2
ส่วนสถานศึกษา โดยเฉพาะในส่วนของโรงเรียน ซึ่งได้เปิดเทอมปีการศึกษา 2563 ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยจากเชื่อไวรัสโควิด-19 จึงขอให้ทุกโรงเรียนเข้มงวดและปฎิบัติอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงได้ขอให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศช่วยเข้มงวดด้วย
นอกจากนี้ การลงทะเบียนเข้า-ออก ผ่านแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าบางส่วนยังละเลย แต่การลงทะเบียนนี้สำคัญในการติดตาม สอบสวนโรค หากเกิดกรณีมีผู้ติดเชื้อใหม่ เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลดลง อาจจจะทำให้ประชาชนบางส่วนปฏิบัติตนไม่เคร่งครัด ดังนั้น นายกฯ จึงขอย้ำว่า "การ์ดอย่าตก" เพราะถ้าหากประชาชนเริ่มที่จะผ่อนคลายตัวเอง ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้ประเทศไทยเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอก 2 ได้แน่นอน
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น อยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ ไม่มีหายป่วย และเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,217 ราย หายป่วยรวม 3,088 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาใน รพ. 71 ราย ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 48
สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 12,842,036 ราย ป่วยใหม่ในวันเดียว 216,881 ราย เสียชีวิต 567,649 ราย เสียชีวิตเพิ่มวันเดียว 4,880 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา 3,355,646 ราย ป่วยเพิ่มวันเดียว 63,860 ราย 2. บราซิล 1,840,812 ราย ป่วยเพิ่มวันเดียว 36,474 ราย เสียชีวิตวันเดียว 968 ราย 3. อินเดีย 850,358 ราย 4. รัสเซีย 720,547 ราย และ 5. เปรู 322,710 ราย ส่วนประเทศไทย ขยับลงมาอันดับที่ 100 ของโลก
วานนี้ (12 ก.ค.) ที่ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้าการวัจัยวัคซีน โควิด-19 โดย รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNAที่มีชื่อว่า “CU-Cov19”
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงข่าว "จุฬาฯ พัฒนาวัคซีนโควิด-19 หลังพบในลิงได้ผลดี เดินหน้าทดสอบในมนุษย์ (จิตอาสา)”
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ กล่าวว่า ล่าสุดนี้ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่มีชื่อว่า “CU-Cov19”ซึ่งผลการทดสอบวัคซีนในลิงเข็ม ที่สอง ลิงสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง มีสุขภาพดี เตรียมเดินหน้าทดสอบในมนุษย์ตามแผน
ด้านศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีน โควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), สถาบันวัคซีนแห่งชาติ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเงินบริจาคกองทุนวิจัยวัคซีน ซึ่งวัคซีน CU-Cov19 เป็นวัคซีนที่ผลิตจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บางส่วน ซึ่งเมื่อชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมนี้ ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นโปรตีนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดี ที่ช่วยต่อสู้กับไวรัสได้
"ล่าสุด ผลการตรวจเลือดลิงหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน CU-Cov19 กระตุ้นเข็มที่สอง ที่ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเวลาสองสัปดาห์ พบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนทุกตัวมีระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น โดยมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมากในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโดสสูง นอกจากนี้ ยังพบว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน จากผลการทดสอบนี้ ศูนย์วิจัยวัคซีนฯ จะเริ่มสั่งผลิตวัคซีน เพื่อให้พร้อมสำหรับการทดสอบในมนุษย์ตามแผน ประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม นี้ต่อไป" ศ.นพ.เกียรติ กล่าว
นายกฯเตือน การ์ดอย่าตก
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ฝากเตือนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ "การ์ดอย่าตก" ในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แม้รัฐบาลจะได้ผ่อนปรนมาตรการเฝ้าระวังต่างๆ ไปมากแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ แต่ทุกคนทุกภาคส่วน ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น ขอให้เข้มงวดกับการใช้ชีวิต ตามวิถีใหม่ New Normalเพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
ที่ผ่านมารัฐบาลได้คลายมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาดได้ ก็เพราะได้รับความร่วมมือจากประชาชน ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดรวมถึงป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง ดังนั้นแม้วันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายไปพอสมควรแล้ว แต่หลายประเทศสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง รัฐบาลยังจำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกคนยังคงเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2
ส่วนสถานศึกษา โดยเฉพาะในส่วนของโรงเรียน ซึ่งได้เปิดเทอมปีการศึกษา 2563 ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยจากเชื่อไวรัสโควิด-19 จึงขอให้ทุกโรงเรียนเข้มงวดและปฎิบัติอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงได้ขอให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศช่วยเข้มงวดด้วย
นอกจากนี้ การลงทะเบียนเข้า-ออก ผ่านแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าบางส่วนยังละเลย แต่การลงทะเบียนนี้สำคัญในการติดตาม สอบสวนโรค หากเกิดกรณีมีผู้ติดเชื้อใหม่ เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ลดลง อาจจจะทำให้ประชาชนบางส่วนปฏิบัติตนไม่เคร่งครัด ดังนั้น นายกฯ จึงขอย้ำว่า "การ์ดอย่าตก" เพราะถ้าหากประชาชนเริ่มที่จะผ่อนคลายตัวเอง ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้ประเทศไทยเจอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอก 2 ได้แน่นอน
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น อยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ ไม่มีหายป่วย และเสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,217 ราย หายป่วยรวม 3,088 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย ยังรักษาใน รพ. 71 ราย ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 48
สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 12,842,036 ราย ป่วยใหม่ในวันเดียว 216,881 ราย เสียชีวิต 567,649 ราย เสียชีวิตเพิ่มวันเดียว 4,880 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา 3,355,646 ราย ป่วยเพิ่มวันเดียว 63,860 ราย 2. บราซิล 1,840,812 ราย ป่วยเพิ่มวันเดียว 36,474 ราย เสียชีวิตวันเดียว 968 ราย 3. อินเดีย 850,358 ราย 4. รัสเซีย 720,547 ราย และ 5. เปรู 322,710 ราย ส่วนประเทศไทย ขยับลงมาอันดับที่ 100 ของโลก