ผู้จัดการรายวัน 360 - "เทวัญ" สั่งสำนักพุทธฯ ส่งข้อมูลให้กรมศิลป์ดำเนินคดี "ช่องส่องผี" บิดเบือนประวัติศาสตร์ กสทช. เรียกแจกแจงปมบิดเบือน-รับบริจาค "วิษณุ" รับกรมศิลป์เอาผิด 'ช่องส่องผี' ไม่ได้ แต่ชี้แจงข้อมูลให้ถูกต้อง ขณะที่ กสทช.มีอำนาจแค่ตักเตือน ด้าน "บ๊วย เชษฐวุฒิ" รับผิดประกาศถอดรายการ ช่องส่องผี ออกจากช่อง 8 แล้ว
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พศ.รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้กรมศิลปากร เพื่อดำเนินคดีพิธีกรรายการ ช่องส่องผี ที่มีการบิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายกรณี โดยเฉพาะการกล่าวถึงข้อมูลของท้าวสุรนารี จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกไม่พอใจ
ทั้งนี้ ไม่เคยดูรายการดังกล่าว แต่เมื่อมีข้อร้องเรียนมา ต้องมีการตรวจสอบ ว่ามีการกล่าวบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้กำชับไปยัง พศ. ให้แจ้งไปยังวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ให้มีการตรวจสอบให้เข้มงวด ก่อนที่จะพิจารณาอนุญาตให้กองถ่ายต่างๆ เข้าไปใช้สถานที่ในการถ่ายทำ พร้อมขอให้ประชาชนที่ชื่นชอบรายการประเภทนี้ ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารด้วย
พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า กสทช.ได้ทำหนังสือไปถึงช่องรายการส่องผี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ทางรายการเข้าพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหา เนื่องจากมีการนำเสนอเนื้อหาที่เกินจริงและกระทบต่อประวัติศาสตร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อความรู้สึก และความเคารพศรัทธาของประชาชนในท้องถิ่นโดยที่ประชุมได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมรับฟังและพิจารณาเพื่อตัดสินความผิดในวันที่ 16 กรกฏาคม 2563
โดยเบื้องต้น คณะอนุฯจะพิจารณาตามข้อกฏหมายของกสทช. หากช่องรายการดังกล่าวฯ มีการนำเสนอเนื้อหารายการเข้าข่ายผิดมาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2551 หากเป็นเรื่องปกติที่ไม่รุนแรง ความผิดเบื้องต้น เตือน ปรับ และพักการออกอากาศเพื่อปรับปรุงเนื้อหา และนำไปสู่การพักออกอากาศ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นของช่องส่งผี มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2หน่วย คือ กสทช.และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่คอยควบคุมข้อมูลที่ส่งผ่านในไลน์และเฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่ารายการดังกล่าวบิดเบือนอย่างไร เพราะไม่เคยดู แต่ในแง่ของเนื้อหาสาระ หรือถ้ามีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องผี จะเป็นหน้าที่ของกองประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่จะไม่ใช่ในรูปแบบการดำเนินคดี
สำหรับประเด็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์มีโทษหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า การบิดเบือนไม่มีโทษ แต่ต้องดูว่าเข้าองค์ประกอบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ เหมือนการบิดเบือนหนึ่งบรรทัดก็ผิดได้ หากบิดเบือนทั้งเรื่องก็ถือว่ามีความผิด
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงดีอีเอสเข้าไปตรวจสอบพบการกระทำทำให้เกิดความเข้าใจผิด สามารถดำเนินการเอาผิดได้ ทั้งนี้ หากเข้าองค์ประกอบความผิดอย่างอื่นก็แปลว่าในกฎหมายฉบับอื่น แต่เราไม่มีกฎหมายที่เอาผิดเฉพาะเจาะจงในเรื่องของการบิดเบือนประวัติศาสตร์ รวมทั้งไม่สามารถใช้อำนาจสั่งให้ปรับเนื้อหาของรายการได้ แต่สามารถเรียกมาตักเตือนได้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่หน้าที่ควบคุมการใช้คลื่น
ล่าสุด บ๊วย เชษฐวุฒิ พิธีกรรายการ ช่องส่องผี ได้เปิดเผยว่า “ทางรายการจะขอแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยได้ปรึกษากับทางช่อง และทางช่อง 8 เข้าใจ และเห็นใจ จึงอนุญาตให้นำรายการออกจากผังรายการของช่อง 8 ต่อไปนี้จะไม่มีรายการนี้ในทีวีแล้ว โดยจะนำรายการไปเผยแพร่ทางช่องยูทูบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พศ.รวบรวมข้อมูลและส่งต่อให้กรมศิลปากร เพื่อดำเนินคดีพิธีกรรายการ ช่องส่องผี ที่มีการบิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายกรณี โดยเฉพาะการกล่าวถึงข้อมูลของท้าวสุรนารี จนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกไม่พอใจ
ทั้งนี้ ไม่เคยดูรายการดังกล่าว แต่เมื่อมีข้อร้องเรียนมา ต้องมีการตรวจสอบ ว่ามีการกล่าวบิดเบือนข้อมูลหรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้กำชับไปยัง พศ. ให้แจ้งไปยังวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ให้มีการตรวจสอบให้เข้มงวด ก่อนที่จะพิจารณาอนุญาตให้กองถ่ายต่างๆ เข้าไปใช้สถานที่ในการถ่ายทำ พร้อมขอให้ประชาชนที่ชื่นชอบรายการประเภทนี้ ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารด้วย
พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า กสทช.ได้ทำหนังสือไปถึงช่องรายการส่องผี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ทางรายการเข้าพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหา เนื่องจากมีการนำเสนอเนื้อหาที่เกินจริงและกระทบต่อประวัติศาสตร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อความรู้สึก และความเคารพศรัทธาของประชาชนในท้องถิ่นโดยที่ประชุมได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมรับฟังและพิจารณาเพื่อตัดสินความผิดในวันที่ 16 กรกฏาคม 2563
โดยเบื้องต้น คณะอนุฯจะพิจารณาตามข้อกฏหมายของกสทช. หากช่องรายการดังกล่าวฯ มีการนำเสนอเนื้อหารายการเข้าข่ายผิดมาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2551 หากเป็นเรื่องปกติที่ไม่รุนแรง ความผิดเบื้องต้น เตือน ปรับ และพักการออกอากาศเพื่อปรับปรุงเนื้อหา และนำไปสู่การพักออกอากาศ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นของช่องส่งผี มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2หน่วย คือ กสทช.และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ที่มี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่คอยควบคุมข้อมูลที่ส่งผ่านในไลน์และเฟซบุ๊ก อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่ารายการดังกล่าวบิดเบือนอย่างไร เพราะไม่เคยดู แต่ในแง่ของเนื้อหาสาระ หรือถ้ามีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องผี จะเป็นหน้าที่ของกองประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่จะไม่ใช่ในรูปแบบการดำเนินคดี
สำหรับประเด็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์มีโทษหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า การบิดเบือนไม่มีโทษ แต่ต้องดูว่าเข้าองค์ประกอบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ เหมือนการบิดเบือนหนึ่งบรรทัดก็ผิดได้ หากบิดเบือนทั้งเรื่องก็ถือว่ามีความผิด
อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงดีอีเอสเข้าไปตรวจสอบพบการกระทำทำให้เกิดความเข้าใจผิด สามารถดำเนินการเอาผิดได้ ทั้งนี้ หากเข้าองค์ประกอบความผิดอย่างอื่นก็แปลว่าในกฎหมายฉบับอื่น แต่เราไม่มีกฎหมายที่เอาผิดเฉพาะเจาะจงในเรื่องของการบิดเบือนประวัติศาสตร์ รวมทั้งไม่สามารถใช้อำนาจสั่งให้ปรับเนื้อหาของรายการได้ แต่สามารถเรียกมาตักเตือนได้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่หน้าที่ควบคุมการใช้คลื่น
ล่าสุด บ๊วย เชษฐวุฒิ พิธีกรรายการ ช่องส่องผี ได้เปิดเผยว่า “ทางรายการจะขอแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยได้ปรึกษากับทางช่อง และทางช่อง 8 เข้าใจ และเห็นใจ จึงอนุญาตให้นำรายการออกจากผังรายการของช่อง 8 ต่อไปนี้จะไม่มีรายการนี้ในทีวีแล้ว โดยจะนำรายการไปเผยแพร่ทางช่องยูทูบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”