“การโกงและโกหก” คือแนวทางการดำรงชีวิตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลานสาว แมรี แอล ทรัมป์ ได้ย้ำว่า “เป็นบุคคลอันตรายที่สุดในโลก” เป็นคำพูดตอกย้ำความเห็น ความเชื่อของคนที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมของทรัมป์
“ทรัมป์เป็นทั้งคนลวงโลก และลวงตัวเอง เป็นคนเนรคุณต่อพ่อ ทั้งเหยียดหยาม ไม่ดูแล ใส่ใจในยามป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ช่วงบั้นปลายของชีวิต” ดูแล้วน่าจะเลวสุดๆ
ทำไม โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไม่อยากให้หนังสือที่เขียนโดยหลานสาว Mary L. Trump ออกจำหน่าย เพราะเปิดโปงตัวตนของคนในตระกูลทรัมป์อย่างน่าตกใจว่า “คนอย่างนี้ก็มีด้วย” และเป็นคนที่ประชาชนอเมริกันเลือกให้เป็นผู้นำประเทศได้อย่างไร
ชื่อหนังสือที่จะออกวางตลาดวันที่ 14 เดือนนี้ “Too Much and Never Enough : How My Family Created the World’s Most Dangerous Man” “มากเกิน ไม่รู้จักพอ : ตระกูลของฉันได้สร้างมนุษย์อันตรายที่สุดในโลกอย่างไร” แค่ไตเติลก็ทำให้ซี้ดปากดังๆ
ข้อมูลวงในสุดๆ เพราะเขียนโดยคนในตระกูล ได้เห็นพฤติกรรมของทรัมป์ ผู้เป็นลุง ตั้งแต่เล็กจนโต รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ภายในตระกูลทรัมป์ ซึ่งอยู่ในระดับมหาเศรษฐี เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในมหานครนิวยอร์ก มีอาคารสูงๆ หลายแห่ง
หลังจากมีเนื้อหาถูกเปิดมาเป็นระยะๆ ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวปฏิเสธว่าไม่จริง แต่ทรัมป์ก็เป็นคนไม่ยอมรับความจริงโดยตลอด ถ้าเป็นเรื่องเสียหายของตัวเอง
เพียงแค่บางประเด็นเกี่ยวกับนิสัย ตัวตนของทรัมป์ น่าจะทำให้ทรัมป์ลำบากในการจะเอาชนะการเลือกตั้ง เพราะเปิดโปงทรัมป์แบบโล่งโจ้ง ถลกหนังให้เห็นธาตุแท้
แมรี เป็นลูกของน้องชายทรัมป์ เป็นนักจิตวิทยาคลินิก จึงวิเคราะห์ตัวตนของทรัมป์ สภาพจิต บุคลิก นิสัยใจคอ ความคิดแบบกะเทาะเปลือกให้เห็นตัวตนของทรัมป์ พฤติกรรมด้านเลวร้ายในรูปแบบคนอเมริกันและคนทั้งโลกยังไม่ได้รับรู้
ทั้งในด้านความเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ไม่เคยลำบากอดอยาก เกิดในครอบครัวที่กดดันด้านบุคลิก พ่ออยากให้ทรัมป์ได้ดี ได้เป็นในสิ่งที่ทรัมป์ไม่สามารถจะเป็นได้ ต่างจากความเก่งฉกาจ พรรณนาคุณภาพของทรัมป์ในหนังสือ The Art of the Deal ที่ขายดี
เมื่อถูกกดดัน ทรัมป์จึงเป็นเหมือนคนไม่เต็มคน อารมณ์ขาดๆ หายๆ ขาดเมตตา กรุณา ไม่เห็นอกเห็นใจคนที่ลำบาก ทั้งเหยียดหยามคนด้อยกว่า หลงอยู่ในโลกและภาพลวงว่าตัวเองเป็นคนเก่ง ระดับอัจฉริยะ ที่ป่าวร้องให้คนอเมริกันรู้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
“I am a genius” ที่เคยประกาศ อวดอ้างตัวเอง แมรียังบอกอีกว่าความที่ทรัมป์รูปหล่อสมัยหนุ่มๆ ก็ยังมีเรื่องการหมกมุ่นอยู่กับการย้อมสีคิ้วให้เป็นสีส้มเหมือนสีผม แม้กระทั่งสีผิวหน้าก็ยังเป็นสีส้มๆ มีช่องขาวเป็นวงรอบดวงตาเท่านั้น ดูประหลาดๆ
เธอสรุปได้ว่าทรัมป์อยู่รอดมาได้จนถึงวันนี้เพราะ “โกงและโกหก” ปกปิดความด้อยความสามารถและความล้มเหลวของตัวเอง ในทางธุรกิจ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คุย สื่อและคนอเมริกันได้รับรู้คือ ทรัมป์เป็นคนหน้าด้าน โกหกหน้าตาเฉย
แมรีเปิดโปงว่า ในการทำธุรกิจนั้น ตระกูลทรัมป์พยายามหาเงินสนับสนุนจากรัฐ และเลี่ยงการจ่ายภาษี โกงได้ก็โกง เอารัดเอาเปรียบลูกค้า และหุ้นส่วน ทุกวันนี้ทรัมป์ยังพยายามไม่ให้มีการเปิดโปงตัวเลขการเสียภาษีเงินได้ กลัวสุดๆ ฟ้องคดีในหลายศาล
ที่น่าตกใจ คือช่วงการสอบวัดผล Scholastic Assessment Test (SAT) เข้ามหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย (วาร์ตัน) ทรัมป์ให้คนอื่นไปนั่งสอบแทน นี่เป็นยิ่งกว่าการโกงข้อสอบ รู้ข้อสอบล่วงหน้า และการเข้าไปเรียนต้องยัดเงินกว่าจะได้เข้าไป
ทรัมป์ไม่ได้ฉลาด แต่หลอกตัวเองว่าเป็น “มนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล” เพราะพ่อช่วยสร้างตัวตนและอีโก้ให้ ทำให้อยู่แต่ในโลกของความจอมปลอมที่อยู่ระดับเวอร์ จนหลงตัวเอง แต่เป็นคนเจ้าเล่ห์ หน้าด้านนั้น คนแวดล้อมทรัมป์ที่เคยโดนเล่นงาน รู้ซึ้งใจ
พ่อของทรัมป์ นายเฟรด เป็นคนอพยพมาจากเยอรมนี มาสร้างตัวในนิวยอร์กในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่โดนัลด์ได้พยายามวัดรอยเท้า แต่ล้มเหลว แม้ช่วงการลงทุนในธุรกิจด้วยตัวเอง มีปัญหาตลอด ต้องให้พ่อต้องคอยตามอุ้มช่วยให้รอดซ้ำซาก
เมื่อทรัมป์เปิดกาสิโนในแอตแลนติกซิตี้ ชื่อ “ทรัมป์ ทัชมาฮาล” และสถานะรายได้ร่อแร่ พ่อยังสั่งให้คนขับรถเอาเงิน 3 ล้านดอลลาร์มาซื้อชิป สุดท้ายก็ยังเจ๊ง
ทรัมป์จัดได้ว่าเป็น “เสือผู้หญิง” ตัวฉกาจ มีประวัติพฤติกรรมคุกคามทางเพศ การข่มขืน มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน อาศัยเงิน อิทธิพล การโกหก เอาตัวรอดมาได้
แมรีเล่าว่า วันหนึ่งเธอไปว่ายน้ำในสระที่รีสอร์ตมาร์ อา ลาโก ของทรัมป์ที่ฟลอริดา เธอสวมชุดว่ายน้ำ ทรัมป์โผล่ออกมาเห็น จ้องเป๋งดูรูปร่างเธอแล้วอุทาน “แมรี หนูหุ่นอึ๋มจัง” จัดได้ว่าทรัมป์เป็นนักหื่นไม่ธรรมดา มีเรื่องฉาวกับดาวหนังโป๊ แต่เรื่องเงียบ
พ่อของ Mary ชื่อ เฟรด II ลำบาก เพราะติดเหล้าและมีปัญหาสุขภาพ ตระกูลทรัมป์เป็นเจ้าของโรงพยาบาล แต่ไม่สนใจดูแล ช่วงที่พ่อของเธอป่วยหนัก รถพยาบาลไปโรงพยาบาล ทรัมป์และป้าเธอไปนั่งดูหนัง สะท้อนให้เห็นความเลือดเย็นของทั้งคู่
สุดท้ายพ่อของเธอเสียชีวิตในวัย 40 ต้นๆ หลังจากพ่อเธอตาย ปู่ของเธอก็ไม่ยอมให้นำเถ้ากระดูกของพ่อไปลอยอังคารเพราะความรักทะเลและการตกปลา ตามคำสั่งเสีย แต่ปู่เอาเถ้ากระดูกไปฝังในสุสานของตระกูล ทั้งปู่และทรัมป์ ก็ไม่รู้สึกเสียใจอะไร
ทั้งปู่และทรัมป์ผู้เป็นลุงแท้ๆ ก็ยังคงคุยกันอย่างสนุกเรื่องการเมือง วิจารณ์ผู้หญิงว่าสวยอย่างนั้น น่าเกลียดอย่างนี้ เป็นเหมือนกันทั้งพ่อลูก สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมครอบครัว จิตใจอำมหิตเลือดเย็นของคนในตระกูล ไร้จิตใจด้านการทำคุณงามความดี
นี่เป็นบางส่วนที่ซีเอ็นเอ็นเอามาให้อ่าน ถ้ายังรอด ทรัมป์น่าจะร่อแร่สาหัส!