ตำรวจ “ภาค 7-เพชรบุรี” รวบยกแก๊ง 4 หนุ่มใช้แก๊สเจาะตู้เอทีเอ็มแบงก์ดัง หน้าที่ทำการเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง วงจรปิดจับภาพหลักฐานมัด ผู้ต้องหารับสารภาพ อ้างเหตุร้อนเงิน
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.63 พล.ต.ต.เทียนชัย คามะปะโส ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.เพชรบุรี, พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ และ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี, พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผู้กำกับการ กองกับการสืบสวน (ผกก.กก.สส.) 3 ภาค 7, พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี, พ.ต.อ.วันชาติ ม่วงศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) ท่ายาง พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รองผู้ว่าราชการ จ.เพชรบุรี ร่วมกันแถลงจับกุมนายภานุเดช สาดพุ่ม อายุ 26 ปี นายวีรวัฒน์ จูเอี่ยม อายุ 23 ปี นายธันวา คุโณ อายุ 22 ปี และนายภาราดร ปิยวรไพบูลย์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันใช้แก๊สเจาะตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย บริเวณหน้าที่ทำการโครงการชลประทานเขื่อนเพชร ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ต.เทียนชัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ร่วมกันก่อเหตุใช้แก๊สเจาะตู้เอเทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ด้านหน้าที่ทำการโครงการชลประทานเขื่อนเพชร ซึ่งภายหลังเกิดเหตุทางตำรวจ สภ.ท่ายาง ร่วมกับตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7), พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.สส.ภ.7 ได้ลงพื้นที่แกะรอยติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุจนทราบแน่ชัดว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ร่วมกันวางแผนลงมือก่อเหตุดังกล่าว โดยใช้รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 7 กฉ 4930 กรุงเทพมหานคร ขับมาดูลาดเลา จากนั้นได้ซื้อถังแก๊สในพื้นที่ อ.ชะอำ แล้วใช้รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน 2 กฬ 7402 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน ษจ 7790 กรุงเทพมหานคร ในการก่อเหตุและหลบหนี
พล.ต.ต.เทียนชัย กล่าวต่อว่า ในระหว่างที่คนร้ายลงมือก่อเหตุอยู่นั้น ได้มีชาวบ้านพบเห็นเหตุการณ์ ทำให้คนร้ายได้รีบแยกย้ายกันหลบหนี แต่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ รวมทั้งรถยนต์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พร้อมของกลาง รถยนต์และอุปกรณ์ถังแก๊สที่ใช้ก่อเหตุ
สอบสวนนายภานุเดช รับสารภาพว่า มีปัญหาด้านการเงิน ก่อนวางแผนก่อเหตุ ได้มาเช่าบ้านพักในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นได้พาพวกขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ไปดูลาดเลา แล้วไปซื้อถังแก๊ส และอุปกรณ์ที่ร้านค้าที่ อ.ชะอำ นำใส่ท้ายรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แล้วลงมือเจาะตู้เอทีเอ็ม แต่ขณะนั้นได้มีชาวบ้านมาเห็นเสียก่อน จึงรีบหลบหนีกลับที่พักใน อ.หัวหิน กระทั่งมาถูกจับกุมตัวในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำ โดยคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ดีภายหลังสำรวจของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย รถยนต์มิตซูบิซิปาเจโร สีขาว หมายเลขทะเบียน 2กฬ 7402 กทม., รถยนต์อีซูซุดีแม๊กสีบอนเทา หมายเลขทะเบียน 7กฉ7790 กทม., รถยนต์เก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน ษจ 7790 กทม., อาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนขนาด 6.35 มม.จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 29 นัด ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 เพิ่มเติมว่า มีและพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.
