เพชรบุรี - คนร้ายก่อเหตุใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็ม หน้าเขื่อนเพชร รองผู้บังคับการ สั่งระดมกำลังชุดสืบสวนจังหวัด และท่ายาง ติดตามตัวผู้ก่อเหตุด่วน
วันนี้ (19 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และ พ.ต.อ.วันชาติ ม่วงศรี ผกก.สภ.ท่ายาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วยนายสุทิน เดชกำเเหง ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาท่ายาง ตรวจสอบบริเวณตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ที่ถูกคนร้ายใช้ไฟหัวแก๊สตัดบริเวณด้านหน้าตู้ เพื่อต้องการโจรกรรมเงินสดที่อยู่ในตู้เอทีเอ็ม เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 2 เศษ วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยจากการสอบถามยามหน้าโครงการ เผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 2 มีคนขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์สีขาว มาพร้อมกับรถเก๋งสีขาวไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ มาจอดแล้วทำทีมาสอบถามเส้นทางไปอำเภอแก่งกระจาน ตนก็เลยชี้บอกเส้นทาง และก็ไม่ได้สนใจอีก
กระทั่งต่อมา ทราบเรื่องจากแม่ค้ารายหนึ่งซึ่งกำลังนำสินค้ามาวางขายใกล้กับตู้เอทีเอ็ม ที่คนร้ายกำลังก่อเหตุว่า ช่วงเวลาดังกล่าว คนร้ายซึ่งมีด้วยกัน 3 คน ใช้รถทั้ง 2 คันจอดบังสายตาผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา แล้วร่วมกันใช้หัวตัดไฟจากถังแก๊สขนาดเล็ก ก่อเหตุตัดตรงบริเวณด้านหน้าตู้เอทีเอ็มที่มีเงินสดที่อยู่ด้านใน
แต่ขณะกำลังก่อเหตุแม่ค้าเกิดเห็นเหตุการณ์ ทำให้คนร้ายเกรงกลัวความผิด จึงช่วยกันรีบยกอุปกรณ์ขึ้นรถแล้วพากันขับรถหลบหนีไปบนถนนสายเขื่อนเพชร-ชลประทานราษฎร์
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ร่วมกันเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงไว้เพื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนนายสุทิน เดชกำแหง ผจก.ธนาคารกรุงไทย สาขาท่ายาง ในฐานะเจ้าทุกข์ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง แล้วเช่นกัน
พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่ายาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรี ดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุทุกตัว และทุกมุม
พร้อมกับแบ่งกำลังติดตามสืบสวนหาข่าวในและนอกพื้นที่ และเน้นตรวจสอบเฉพาะลักษณะรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ที่มีสภาพใกล้เคียงกับคันก่อเหตุ พร้อมกับติดตามตัวผู้ต้องสงสัยและบุคคลในแฟ้มที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์มาสอบปากคำ
ในเบื้องต้น คาดว่าคดีโจรกรรมในครั้งนี้ แม้คนร้ายจะไม่ได้ทรัพย์สินไป แต่นับว่าเป็นเหตุที่อุกอาจมาก จึงต้องเร่งติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด