"โสภณ องค์การณ์"
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค ไม่ออกแนวห้าวเป้งเหมือนแต่ก่อน “ลุงตู่” ทั่นผู้นำน่าจะดับความฝันบรรเจิดของนักดรามาการเมืองน้ำเน่าให้หยุดสร้างความปั่นป่วน หวังจะให้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคแกนนำ และผลักดันให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้เร็วที่สุด
จะปรับก่อนที่เงิน 4 แสนล้านบาท หรือมากกว่านั้น จะโดนผูกมัดไว้กับโครงการต่างๆ โดยที่นักดิ้นรนขอมีส่วนร่วม ตามสิทธิพึงได้พึงมี จะหมดโอกาสร่วมจัดสรรปันส่วน เพราะนี่เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับฟื้นฟูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านไม่ให้อับเฉา
อาการกระดี๊กระด๊า เชื่อมั่นในพลังการขับเคลื่อนโดยกลุ่มเสี่ยนักเลือกตั้งแดนภูธร มองงบก้อนใหญ่ตาเป็นมัน ดูเหมือนต้องหุบเหี่ยว ด้วยคาดไม่ถึงว่าทั่นผู้นำจะกล้าตัดบทอย่างไร้ความยำเกรงพลังนักเลือกตั้งที่กุมเสียงส่วนใหญ่ในซีกรัฐบาลไว้ได้
แต่นั่นเป็นสภาวะที่ “น่าจะเป็น” เพราะการที่ลุงตู่คำรามเช่นนั้น สร้างความมั่นใจให้ติ่งและแฟนๆ ลุงตู่มองว่ายังมีน้ำยาเข้มข้นเหมือนเดิม ไม่ต้องเติมหัวเชื้อ อย่างนั้นเลย
ถ้าลุงตู่ยังกุมสถานการณ์ได้ ไม่มีใครบังคับได้ ว่างั้นเถอะ! หรือรู้กันในกลุ่มลุง?
แต่ความเป็นจริงคือ การเคลื่อนไหวเด้งกลุ่ม 4 กุมารอ้วนพี ยังเป็นไปอย่างคึกคัก จากช่วงบ่ายถึงค่ำ ที่ “ป่ารอยต่อ” โดยก๊วนนักขับเคลื่อนและกลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจยังชุมนุมแวดล้อมหารือวางแผนเดินเกมใน “รังลุง”
เสี่ยพลังงานขาใหญ่ขลุกอยู่ใน “ป่ารอยต่อ” ยามบ่าย ช่วงค่ำเป็นคิวพวกนักธุรกิจสื่อสาร นักธุรกิจคอกม้า นักเลือกตั้งภูธรซึ่งหวังมีส่วนจัดการงบก้อนมหึมา เพื่อตั้งตัว
กลุ่มผู้หิวโหยผลประโยชน์ไม่ใช่เฉพาะนักเลือกตั้งเท่านั้น มีทั้งนักธุรกิจทุนใหญ่ หวังยึดฐานอยู่ยาว ตักตวงผลประโยชน์จากทรัพย์สินแผ่นดิน โครงการสัมปทานต่างๆ เต็มที่ โดยให้นักเลือกตั้งเข้ากุมอำนาจรัฐ ไม่เพียงเฉพาะการได้ใช้งบประมาณพิเศษ
ครั้งนี้เป็นการประลองกำลังทางการเมือง ชิงเดิมพันสูง นักเลือกตั้งเป็นต่อเยอะ!
ช่วงชุมนุมมีเสียงประกาศดังลั่นว่า “กลุ่มเฮียกวงและ 4 กุมารอ้วนพี” ต้องพ้นจากไป หลังจากการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่โดยเร็ววัน แม้ทั่นลุงตู่บอกยังไม่รีบ
นี่ถือว่าเป็นจุดแห่งความผันผวนแปรปรวน สร้างความสงสัยว่าใครใหญ่กันแน่ หรือมีอะไรกินใจกันในกลุ่ม 3 พี่น้องเสือตะวันออก “ลุงใหญ่” จำต้องหัก “น้องเล็ก”หรือไม่ เพราะพลังขับดันมีทั้งกลุ่มธุรกิจพลังงานสื่อสาร “กลุ่มเจ๊ๆ” พวกน้องอดีตสีกากี
ยังมีเสียงใสๆ ของคุณน้องหน้าหวาน อยากจะเป็นรัฐมนตรีช่วยคลังมาก!
แผนสรุปย่ำค่ำวันพุธที่ “รังลุง” ก็คือ คลังต้องเป็นของเลขาฯ พรรคคนใหม่ จะมีคนย้ายจากยุติธรรมไปดูอุตสาหกรรม คนจากอุตสาหกรรมจะไปดูพลังงาน กลุ่มน้องเจ๊ๆ สายอดีตสีกากีอยากมาอยู่ยุติธรรมเพื่อคุมดีเอสไอ ซึ่งจะเป็นมือไม้จัดการฝ่ายตรงข้ามได้
แผนเป็นอย่างนี้ ณ “รังลุง” ไม่ใส่ใจว่าทั่นลุงตู่จะประกาศว่าอย่างไร
คงมองว่าหลังจากกำจัดคณะ 4 กุมารอ้วนพีในกลุ่มเสี่ยสมคิดได้แล้ว แผนยึดพรรค ยึดกระทรวง ยึดงบเพื่อยึดเมืองจะทำให้กลุ่มนักเลือกตั้งภูธรได้เสริมฐานการเมือง หยั่งรากลงลึก ไต้ร่มบารมีของลุงป้อม ซึ่งยังพยายามรักษาสังขารชราภาพให้ทรงอิทธิพล
จากการดิ้นรนฝุ่นตลบในพรรคพลังดูด สะท้อนให้เห็นความเลือดเย็นอำมหิตไร้น้ำใจ เริ่มจากกลุ่ม 3 มีดซุยซึ่งเป็นฐานเดิมสำหรับการตั้งพรรค จากนั้นก็เหลือเพียง 2 มีดซุย ซึ่งไปสมคบคิดกับกลุ่มที่ถูกมองว่าเป็นเสือหิวไส้แห้ง เพื่อทวงสิทธิขอรวยบ้าง
วันก่อนเมื่อลุงตู่บอกว่ายังไม่ต้องปรับ ครม. ใครก็ไม่ต้องมาเสนอหน้าตอนนี้ กลุ่ม 4 กุมารอ้วนพีน่าจะใจชื้นขึ้น หลังจากไม่มั่นใจว่าลุงตู่จะยอมโดนบีบโดยไม่แข็งขืนต้านหรือไม่ เพราะลุงตู่ไม่ออกอาการช่วงกลุ่มภูธรออกฤทธิ์ ออกเดช เจี๊ยวจ๊าวอย่างมั่นใจ
การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ร่วมกันที่ถาวร ถ้าผลประโยชน์ขัดกันเมื่อไหร่ ก็ถึงคราบัลลัยเมื่อนั้น นักเลือกตั้งต้องการความยั่งยืนของผลประโยชน์ การสังกัดพรรคก็ขึ้นอยู่กับการขายความจงรักภักดีให้คนจ่ายเงินซื้อในราคาสูงสุด
ความจงรักภักดี ความเป็นพวก ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ อุดมการณ์ไม่มีในการเมืองน้ำเน่า ยิ่งการเมืองด้อยพัฒนาในบ้านนี้เมืองนี้มีพรรคการเมืองกว่า 100 และยังไม่จำกัด ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองจะมีมากกว่า 100 อุดมการณ์ มีเพียงหาผลประโยชน์
เมื่อลุงตู่ผู้นำออกมากสยบการดิ้นรนเคลื่อนไหวของพวกเสือหิว ทำให้ติ่งและแฟนๆ ของลุงยกนิ้วโป้งให้ มองว่าลุงตู่ยังเปี่ยมด้วยบารมีและพลังการขับเคลื่อน หรือว่าคงได้คุยกับลุงพี่ใหญ่ไว้เรียบร้อยแล้วว่าถ้าปล่อยให้มีดรามาน้ำเน่า จะพากันเจ๊งทั้งกลุ่ม
นั่นเป็นเพราะชาวบ้านรู้สึกเอียน เลี่ยน อยากรากแตกรากแตนกับพฤติกรรมแย่งชามข้าวโดยไม่เกรงใจประชาชนคนเสียภาษี และจ่ายเงินเดือนให้พวกนักเลือกตั้งในสภา ลุงตู่ผู้นำเองคงอั้นไว้ไม่ไหว เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรับเข้ามาโดนรุมยำ อย่างไร้ยางอาย
มองโดยรวม พวก 4 กุมารอ้วนพี ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ มีทั้งนักธุรกิจ และนักวิชาการ มีภูมิหลังด้านความรู้ วิชาการ สังคมแวดล้อมทันสมัยกว่าพวกนักเลือกตั้งเสือหิวจากภูธร พวก 4 กุมารผ่านสังคมการศึกษาต่างประเทศ รู้จักมรรยาทสังคมเมือง
ยิ่งพูดจาภาษาอังกฤษได้ดี ยังดูเหนือชั้นกว่ากลุ่มภูธรผู้หิวโหย จุดอ่อนที่พวกภูธรเขม่นก็คือ ไม่เห็นพวกนักเลือกตั้งอาชีพอยู่ในสายตา ไม่รู้จักแนวปฏิบัติเอาอกเอาใจ ว่าง่ายๆ คือทำตัวเป็นพวกไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงพิเศษแบบ “ตังเมเรียกพี่” หรืออะไรทำนองนั้น
การเมืองระบบนายทุนพรรคต้องมีการจัดสรรเงินเบี้ยเลี้ยงรายเดือนให้อยู่กินอิ่ม
ยิ่งไม่เปิดโอกาสให้มีช่องทางทำมาหากิน ผ่านโครงการต่างๆ ในรูปแบบการเมืองน้ำเน่าเก่าๆ พวกนักเลือกตั้งภูธรอ้างว่า “ขาดความอบอุ่นใกล้ชิด” ทั้งๆ ที่โตจนเลียตูดหมาไม่สะดวกแล้ว การไม่เห็นนักเลือกตั้งอยู่ในสายตา จึงเป็นเหตุของการเดินเกมล้มโต๊ะ
จากนี้ไป ต้องดูว่ากลุ่มหิวโหยภูธรจะเดินเกมเปิดเผย ไม่สนใจทั่นลุงตู่หรือไม่ หรือปล่อยให้พวกลุงๆ คุยกันเอง เพราะได้วางแผนไว้ให้ลุงป้อมเป็นหัวหน้าพรรค คุมเกมได้ หรืออาจมีแผนลึกให้ลุงป้อมลองหาทางเดินหน้าเป็นผู้นำรัฐบาลก็ได้
ถามประชาชนเจ้าของประเทศหรือยัง หรือไม่จำเป็น เพราะมีอำนาจอยู่เต็มพุง?