นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำ และได้มีการติดตามความคืบหน้าในการบริหารจัดการน้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC อย่างต่อเนื่อง โดย สทนช. รายงานการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้ง ในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า กรมชลประทานและอีสท์วอเตอร์ สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ เพื่อไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่แล้ว โดยกรมชลประทานสูบผันน้ำ ประแสร์-คลองใหญ่ เต็มกำลัง 6 เครื่อง ปริมาณน้ำ 300,000 ลบ.ม./วัน ระบายลงคลองน้ำแดง 120,000 ลบ.ม./วัน และไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 180,000 ลบ.ม./วัน อีสท์วอเตอร์ สูบผันน้ำอ่างฯ ประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เต็มกำลัง 6 เครื่อง 300,000 ลบ.ม./วัน ไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลทั้งหมด ซึ่งจะทำให้มีน้ำลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวม 480,000 ลบ.ม./วัน และลงอ่างคลองใหญ่ 120,000 ลบ.ม./วัน ทั้งสองอ่างเก็บน้ำ มีน้ำวันละ 600,000 ลบ.ม. ซึ่งจะช่วยทำให้สถานการณ์น้ำจังหวัดระยองดีขึ้น และสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้เพียงพอในช่วงก่อนฤดูฝนนี้
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการติดตามการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ นำแหล่งน้ำเอกชน มาเสริมในระบบเพิ่มเติม รวมทั้งรณรงค์ใช้มาตรการ 3 R (Reduce Resue Recycle)เพื่อนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ และให้มีน้ำเพียงพอ ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ในปีนี้ ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาก โดยบางพื้นที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ ร้อยละ 40 จึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ มีน้ำไม่เพียงพอใช้ในอุตสาหกรรม หรือกิจกรรมทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัด ในทุกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการติดตามการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ นำแหล่งน้ำเอกชน มาเสริมในระบบเพิ่มเติม รวมทั้งรณรงค์ใช้มาตรการ 3 R (Reduce Resue Recycle)เพื่อนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำ และให้มีน้ำเพียงพอ ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ในปีนี้ ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาก โดยบางพื้นที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบ ร้อยละ 40 จึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ มีน้ำไม่เพียงพอใช้ในอุตสาหกรรม หรือกิจกรรมทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัด ในทุกพื้นที่