ผู้จัดการรายวัน 360 - ตร. สนธิกำลังฝ่ายปกครองจับนักโทษชายรายสุดท้าย คาดเป็นหัวโจกร่วมก่อจลาจลแหกคุกบุรีรัมย์ หลังหนีกบดานในป่า พบสภาพอิดโรยสอบประวัติโชกโชน "พ.ต.อ.ณรัชต์" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสภาพเรือนจำบุรีรัมย์เสียหายหนัก สั่งตั้งกรรมการสอบ
ความคืบหน้าการติดตามตัวนักโทษชายธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติด หลบหนีออกมาจากเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ในช่วงที่กลุ่มผู้ต้องขังก่อเหตุจลาจลภายในเรือนจำ ล่าสุดรายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ติดตามควบคุมตัวนายธันยพงศ์ ได้แล้วในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปพบจักรยานยนต์และเสื้อผ้า คิดว่าน่าจะมีคนพาหลบหนีจึงเร่งติดตาม
วานนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.อ.อัษฎไนย ป้องกัน ผกก.สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง จับกุมนักโทษชาย ธัณยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังที่ร่วมกันก่อเหตุจลาจลเผาเรือนจำบุรีรัมย์ และหลบหนีไปเมื่อช่วงสายของวันที่ 29 มี.ค.ได้แล้ว หลังจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่านักโทษชายธันยพงศ์แอบซ่อนตัวอยู่ข้างพุ่มไม้ริมถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง บ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ใกล้บ้านเกิด ในสภาพอิดโรย จึงควบคุมตัวไปไว้ที่ห้องคุมขัง สภ.คูเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวน นักโทษชายธันยพงศ์ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ร่วมกับกลุ่มนักโทษทุบกำแพงพร้อมตัดกรงเหล็กออกมาจากบริเวณช่องทางเยี่ยมญาติของเรือนจำบุรีรัมย์ แล้วพากันวิ่งหลบหนีอ้อมไปทางด้านหลังเรือนจำ ส่วนตัวเองวิ่งตกลงไปในบ่อระเบิดหิน และได้หลบซ่อนตัวกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนจึงได้ปีนขึ้นมาจากบ่อระเบิดหิน แล้วไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณหอพักของน้องสาวที่หมู่บ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่ได้ฝากไว้ก่อนถูกจับกุม แล้วขับหลบหนีมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านโนนเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าและทุ่งนาเรื่อยมาจนถึงหมู่บ้านผักกาดหญ้า และมาถูกจับกุมตัวได้
นักโทษชายธันยพงศ์บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มีขาใหญ่ในเรือนจำได้เรียกตัวพ่อบ้านของแต่ละบ้าน คือขาใหญ่ของนักโทษแต่ละอำเภอไปพูดพูดคุยกันว่าจะทำการแหกคุก วันที่ 29 มี.ค. โดยระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ได้เห็นเพื่อนนักโทษลุกฮือก่อเหตุจลาจลจึงได้เข้าร่วมหลบหนีด้วย
สำหรับนักโทษชายธันยพงศ์ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดจับกุมตัวได้พร้อมแฟนสาว ที่หมู่บ้านโคกเพชร ต.พรสำราญ อ.คูเมือง พร้อมของกลางยาบ้า 1,000 กว่าเม็ด ไอซ์จำนวนหนึ่ง อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 100 นัด ขณะทำการจับกุม นักโทษชายธันยพงศ์ได้ทำการต่อสู้ขัดขวางและทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติก่อนหน้านี้เคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษมาได้เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกจับกุมครั้งล่าสุดอีกเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะทำแหกคุก
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูเมือง ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมตัวนักโทษชายธันยพงศ์ได้แล้ว โดยได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลต้องสงสัย อยู่บริเวณป่าใกล้ลำคลองคูเมืองโบราณของหมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ข.ช.ธันยพงศ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า การจับกุม ข.ช.ธันยพงศ์ ถือเป็นการสิ้นสุดเหตุการณ์ก่อจลาจลที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ โดยในเหตุการณ์นี้ ไม่มีผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สภาพเรือนจำเสียหายอย่างหนักไม่สามารถกลับมาใช้การได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ย้ายผู้ต้องขังกว่า 2,000 ราย ไปยังที่เรือนจำข้างเคียงเรียบร้อยแล้ว และตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงและเน้นย้ำกำชับให้ผู้บัญชาการเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ความคืบหน้าการติดตามตัวนักโทษชายธันยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดียาเสพติด หลบหนีออกมาจากเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ในช่วงที่กลุ่มผู้ต้องขังก่อเหตุจลาจลภายในเรือนจำ ล่าสุดรายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ติดตามควบคุมตัวนายธันยพงศ์ ได้แล้วในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปพบจักรยานยนต์และเสื้อผ้า คิดว่าน่าจะมีคนพาหลบหนีจึงเร่งติดตาม
วานนี้ (31 มี.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.อ.อัษฎไนย ป้องกัน ผกก.สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง จับกุมนักโทษชาย ธัณยพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังที่ร่วมกันก่อเหตุจลาจลเผาเรือนจำบุรีรัมย์ และหลบหนีไปเมื่อช่วงสายของวันที่ 29 มี.ค.ได้แล้ว หลังจากได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่านักโทษชายธันยพงศ์แอบซ่อนตัวอยู่ข้างพุ่มไม้ริมถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง บ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ใกล้บ้านเกิด ในสภาพอิดโรย จึงควบคุมตัวไปไว้ที่ห้องคุมขัง สภ.คูเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวน นักโทษชายธันยพงศ์ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ร่วมกับกลุ่มนักโทษทุบกำแพงพร้อมตัดกรงเหล็กออกมาจากบริเวณช่องทางเยี่ยมญาติของเรือนจำบุรีรัมย์ แล้วพากันวิ่งหลบหนีอ้อมไปทางด้านหลังเรือนจำ ส่วนตัวเองวิ่งตกลงไปในบ่อระเบิดหิน และได้หลบซ่อนตัวกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนจึงได้ปีนขึ้นมาจากบ่อระเบิดหิน แล้วไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณหอพักของน้องสาวที่หมู่บ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่ได้ฝากไว้ก่อนถูกจับกุม แล้วขับหลบหนีมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านโนนเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าและทุ่งนาเรื่อยมาจนถึงหมู่บ้านผักกาดหญ้า และมาถูกจับกุมตัวได้
นักโทษชายธันยพงศ์บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มีขาใหญ่ในเรือนจำได้เรียกตัวพ่อบ้านของแต่ละบ้าน คือขาใหญ่ของนักโทษแต่ละอำเภอไปพูดพูดคุยกันว่าจะทำการแหกคุก วันที่ 29 มี.ค. โดยระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ได้เห็นเพื่อนนักโทษลุกฮือก่อเหตุจลาจลจึงได้เข้าร่วมหลบหนีด้วย
สำหรับนักโทษชายธันยพงศ์ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดจับกุมตัวได้พร้อมแฟนสาว ที่หมู่บ้านโคกเพชร ต.พรสำราญ อ.คูเมือง พร้อมของกลางยาบ้า 1,000 กว่าเม็ด ไอซ์จำนวนหนึ่ง อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 100 นัด ขณะทำการจับกุม นักโทษชายธันยพงศ์ได้ทำการต่อสู้ขัดขวางและทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติก่อนหน้านี้เคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษมาได้เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกจับกุมครั้งล่าสุดอีกเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะทำแหกคุก
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูเมือง ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จับกุมตัวนักโทษชายธันยพงศ์ได้แล้ว โดยได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลต้องสงสัย อยู่บริเวณป่าใกล้ลำคลองคูเมืองโบราณของหมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ข.ช.ธันยพงศ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า การจับกุม ข.ช.ธันยพงศ์ ถือเป็นการสิ้นสุดเหตุการณ์ก่อจลาจลที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ โดยในเหตุการณ์นี้ ไม่มีผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สภาพเรือนจำเสียหายอย่างหนักไม่สามารถกลับมาใช้การได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ย้ายผู้ต้องขังกว่า 2,000 ราย ไปยังที่เรือนจำข้างเคียงเรียบร้อยแล้ว และตนได้ตั้งคณะกรรมการสอบ เพื่อหาข้อเท็จจริงและเน้นย้ำกำชับให้ผู้บัญชาการเรือนจำทัณฑสถานทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป