วันนี้ (20 มี.ค.) เวลา 9.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษา คดีปลอมเอกสารโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ เสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน หมายเลขดำที่ อ.305/2561 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ และ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของนายชูวงษ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกสามี กับครอบครัวของนายชูวงษ์ รวม 4 ราย ที่เป็นผู้เสียหาย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง น.ส.กัญฐณา หรือ น้ำตาล ศิวาธนพล อดีตพริตตี้คนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน , น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่การตลาด หรือโบรกเกอร์ บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และคนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยิน, พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และน.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชา เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอม ลักทรัพย์ และรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268, 334, 335 วรรคหนึ่ง (5) (7) กับวรรคสาม, 357
ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ต่อสื่อมวลชน ในการนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ว่า 1. ท่านที่จะเข้าฟังการอ่านคำพิพากษาที่ศาล ขอให้ลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้ แต่จำเลยที่ 3 (พ.ต.ท.บรรยิน) ไม่ได้เบิกตัวมาที่ศาล ใช้การอ่านคำพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ฟัง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่จำเลยที่ได้รับการประกันตัว ที่ต้องเดินทางมาศาล 2. การคัดกรองกรณีโควิด-19 จะตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าศาล มีเจลบริการ แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามันทุกท่าน 3. ศาลฯ จะจัดเตรียมสรุปย่อผลคำพิพากษา ส่งให้ทีมงานโฆษกศาลยุติธรรม เพื่อส่งให้สื่อมวลชนต่อไป ถ้าไม่จำเป็น จึงไม่ต้องเดินทางไปที่ศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 61 กรณีกล่าวหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและโอนหุ้น มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ของนายชูวงษ์ ไปโดยมิชอบ ก่อนที่นายชูวงษ์ จะเสียชีวิตจากเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเลกซัส สีดำ ของนายชูวงษ์ ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ขับ เกิดเสียหลักไปชนกับต้นไม้ที่ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่าง ซอย 48 กับซอย 50 เขตประเวศ กทม. ช่วงปี 58 ซึ่งพฤติการณ์คดีได้กล่าวหา น.ส.กัญฐณา จำเลยที่ 1 ที่รู้จักกับนายชูวงษ์ กับ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 3 ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ไปดำเนินการถอน และโอนหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ ต่อบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย ขณะที่ น.ส.อุรชา จำเลยที่ 2 โบรกเกอร์ซึ่งเป็นคนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยินนั้น ร่วมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมไปดำเนินการถอนและโอนหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ ต่อบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ต่อสื่อมวลชน ในการนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ว่า 1. ท่านที่จะเข้าฟังการอ่านคำพิพากษาที่ศาล ขอให้ลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้ แต่จำเลยที่ 3 (พ.ต.ท.บรรยิน) ไม่ได้เบิกตัวมาที่ศาล ใช้การอ่านคำพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ฟัง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่จำเลยที่ได้รับการประกันตัว ที่ต้องเดินทางมาศาล 2. การคัดกรองกรณีโควิด-19 จะตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าศาล มีเจลบริการ แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามันทุกท่าน 3. ศาลฯ จะจัดเตรียมสรุปย่อผลคำพิพากษา ส่งให้ทีมงานโฆษกศาลยุติธรรม เพื่อส่งให้สื่อมวลชนต่อไป ถ้าไม่จำเป็น จึงไม่ต้องเดินทางไปที่ศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 61 กรณีกล่าวหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและโอนหุ้น มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ของนายชูวงษ์ ไปโดยมิชอบ ก่อนที่นายชูวงษ์ จะเสียชีวิตจากเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเลกซัส สีดำ ของนายชูวงษ์ ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้ขับ เกิดเสียหลักไปชนกับต้นไม้ที่ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่าง ซอย 48 กับซอย 50 เขตประเวศ กทม. ช่วงปี 58 ซึ่งพฤติการณ์คดีได้กล่าวหา น.ส.กัญฐณา จำเลยที่ 1 ที่รู้จักกับนายชูวงษ์ กับ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 3 ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ไปดำเนินการถอน และโอนหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ ต่อบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค ประเทศไทย ขณะที่ น.ส.อุรชา จำเลยที่ 2 โบรกเกอร์ซึ่งเป็นคนสนิทของ พ.ต.ท.บรรยินนั้น ร่วมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมไปดำเนินการถอนและโอนหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ ต่อบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)