“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใย และทรงคำนึงถึงการดูแลรักษาพยาบาลสุขภาพอนามัยของพสกนิกร ตลอดจนประสิทธิภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเงินในการจัดซื้อเครื่องมือ ครุภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ยังขาดแคลน และมีความจำเป็นในการให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานเงินทั้งหมดที่ประชาชนได้ร่วมกันทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในการร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และส่วนหนึ่งเป็นเงินรายได้ จากการจัดงาน อุ่นไอรักคลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,407,144,487.59 บาท (สองพันสี่ร้อยเจ็ดล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันสี่ร้อยแปดสิบเจ็ดบาทห้าสิบเก้าสตางค์) ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้การรักษาทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย การรักษาพยาบาลที่ดีมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ได้รับการรักษามีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้ม และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่คณะผู้บริหาร บุคลากร และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างหาที่สุดมิได้ ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ขอเริ่มบทความด้วยเรื่องอันเปี่ยมด้วยมหามงคล ที่ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ทรงห่วงใยสุขภาพทั้งของพสกนิกรชาวไทยกับบุคลากรทางด้านการแพทย์ ที่กำลังผจญภัยร้าย และต้องต่อสู้กับ “โควิด-19” อยู่ในขณะนี้
โดยรัฐบาล “บิ๊กตู่” กำลังโรมรัน อย่างเอาเป็นเอาตายกับมฤตยู “โควิด-19” แต่ด้วยวิธีคิดและวิธีการทำงานแบบซ้ำซากเดิมๆ ของ “บิ๊กตู่” ทำให้การบริหารจัดการในหลายหลากเรื่อง เกิดปัญหาขึ้นอย่างมากมายจนน่าเป็นห่วง ทำให้ “กองเชียร์ลุงตู่” ไม่น้อยหมดแรงเชียร์เอาดื้อๆ..
ดังเรื่องที่ส่งผลลบในสายตาประชาชน ระหว่าง “บิ๊กตู่” ทำศึกกับ “โควิด-19” คือ “มือข้างหนึ่ง”ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ขอรับบริจาคเงินจากประชาชนไทย ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่กำลังย่ำแย่กับเศรษฐกิจที่ตกต่ำฮวบฮาบ! แต่ “มืออีกข้างหนึ่ง” ของรัฐบาล“บิ๊กตู่” กลับจะควักเงินรัฐจำนวนมหาศาล ไปเที่ยวแจกให้กับประชาชนแบบดื้อๆ!
ข่าวเกรียวกราว “ขอกับแจกอันย้อนแย้ง” นี้ กระจายสู่สังคมไทยราวไฟลามทุ่ง ทำให้รัฐบาล “บิ๊กตู่”โดนผู้คนด่าตรึมกันทั้งเมือง จน “บิ๊กตู่” ต้องประกาศยกเลิกการแจกเงินครั้งนี้ไปก่อน เพราะทนเสียงคัดค้านต่อต้านไม่ไหวนั่นเอง
ความผิดพลาดในเรื่อง “ขอ” กับ “แจก” จนถูกผู้คนวิจารณ์ในทางลบอย่างอื้ออึง ก็เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่ได้อธิบายถึงความจำเป็นทั้งสองเรื่องอย่างเป็นระบบนั่นเอง!
อืม..ด้วยหลักคิดที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อรัฐบาล “บิ๊กตู่” มีเงินมหาศาลจะเที่ยวแจกแบบนี้ ทำไมต้องมาขอบริจาคจากประชาชนอีกล่ะ ไฉนไม่เอาเงินไปเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้กับ “โควิด-19” โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนการผลิต “แมสก์” แล้วแจกฟรีให้ “บุคลากรทางการแพทย์” กับ ประชาชน เพื่อป้องกันและต่อสู้กับมฤตยู “โควิด-19” ล่ะ?..จริงไหม?
เฮ้อ..“ความวัวยังไม่ทันหาย-ความควายดันเข้ามาแทรก”อีก จากเรื่องของ“หน้ากากอนามัย(แมสก์)” ที่ใช้สวมป้องกัน “โควิด-19” นั้น มีการส่งออกไปขายให้ต่างชาติอย่างมโหฬาร จน “แมสก์” ภายในประเทศขาดแคลนอย่างหนัก การบริหารชาติอืดอาดไม่ทันการณ์ของ “บิ๊กตู่” ทำให้กว่า 2 เดือนที่ประชาชนหาซื้อ “แมสก์”ยากลำบากแล้ว ราคา “แมสก์”ในประเทศไทยยังแพงเกินควรอีกด้วย
นั่นทำให้รัฐบาล “บิ๊กตู่” ต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยให้ “แมสก์”เป็นสินค้าในความควบคุม โดยรัฐเป็นผู้ควบคุมจำนวน “แมสก์” ที่ผลิตได้ทั้งหมด อีกทั้งกรมการค้าภายในของ ก.พาณิชย์ ยังเป็นผู้จัดสรรกำหนดจำนวน “แมสก์” ตามความจำเป็น ให้กับ “บุคลากรทางการแพทย์” ตามโรงพยาบาลและประชาชน โดยรัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้คุยโม้คุยโตว่า ไม่ต้องห่วงว่า “แมสก์” จะขาดแคลนอีกต่อไปแล้ว..
แต่เรื่องจริงมิได้เป็นไปดังรัฐบาล “บิ๊กตู่” โฆษณาชวนเชื่อ เพราะประชาชนยังคงหาซื้อ “แมสก์” ยากเย็น และราคายังแพงเกินควรเช่นเดิม ดังนั้น ทุกครั้งที่รัฐประกาศเปิดจุดขาย “แมสก์” เมื่อใดที่ไหน จะมีประชาชนไปยืนเข้าคิวยาวรอซื้อ “แมสก์” กันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า แต่ก็ยังซื้อ “แมสก์” ได้บ้างไม่ได้บ้างอีกตามเคย..
แถมรัฐบาล “บิ๊กตู่” ยังทำผิดพลาด ในการจัดสรร “แมสก์” ให้กับ “บุคลากรทางการแพทย์” ไม่เพียงพอ จนทำให้โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนบางแห่ง “บุคลากรทางการแพทย์” ต้องตากหน้าออกมา ขอรับบริจาค “แมสก์” จากประชาชนอีกด้วย เฮ้อ..น่าอนาถยิ่งนัก..
เท่านั้นไม่พอ..ยังเกิดเหตุการณ์อันน่าอัปยศอย่างยิ่ง ด้วยมี “กลุ่มนักการเมือง” ของรัฐบาลนี้ แอบสมคบกับ “พ่อค้าออนไลน์” กักตุน-ค้าขาย-ส่งออก “แมสก์” ไปยังประเทศจีน จนถูกเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” แฉโพยพฤติกรรมชั่ว จนสังคมรับรู้กันอย่างครึกโครม
เรื่องราวการ “ลักลอบส่งออกแมสก์” ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความขาดแคลน “แมสก์” ในประเทศ ไปเกี่ยวพันกับนักการเมืองใหญ่ในรัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง ให้กับประชาชนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะเป็นการทำร้ายทำลายชีวิต “บุคลากรทางการแพทย์” ที่กำลังเสี่ยงชีวิตอย่างกล้าหาญ ในฐานะ “นักรบในแนวหน้า” ผู้เสียสละยืนหยัดต่อสู้กับ “โควิด-19” ต้องขาดแคลน “อุปกรณ์สำคัญ” ในการป้องกันชีวิตตนเองจากมฤตยู “โควิด-19”..
เหตุการณ์อันเลวร้ายดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงจุดผิดพลาดบกพร่องมากมาย ในวิธีบริหารชาติของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ในการต่อสู้กับ “โควิด-19” จนถึงกับทำให้ประชาชนกับบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเผชิญกับการขาดแคลน “แมสก์” เพื่อใส่ปกป้องตัวเองจากไวรัสร้าย “โควิด-19”..โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด..
เรื่อง “แมสก์” ขาดแคลน! เพราะ “ใครบางคนในรัฐบาล” สมคบ “พ่อค้าออนไลน์” ทำการกักตุน-ค้าขายในราคาแพง-ส่งออกไปยังประเทศจีน ได้บานปลายจน“คนในกลุ่มไลน์ ปชป.” ที่เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล พูดในทำนอง “จะไม่พายเรือให้โจรนั่ง” กันแล้ว หรือ “อย่างนี้มันต้องถอน” แล้วว้อย..!
เฮ้ย!..ทำเอา “บิ๊กตู่” ฉุนกึก จนถึงกับโพล่งในช่วงเช้าอย่างไม่พอใจว่า “อยากถอนก็ถอนไป”..ว้าย!..ต๊กกะจายหมด! แต่ตกบ่าย “บิ๊กตู่” สติสตังดีขึ้น..จึงออกมา “ขอโทษ” เฉยเลย..
เอาล่ะ..เหตุการณ์เลวทรามต่ำช้าเรื่อง “แมสก์” นี้ มี “นักการเมืองกี่คน” ในรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไปสุมหัวกับ “พ่อค้าออนไลน์” ทำชั่วช้าสามานย์ “นายกฯ บิ๊กตู่” ต้องกระทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง อีกทั้งต้องนำคนชั่วมาลงโทษโดยเร็วอีกด้วย
อืม..สภาพของ “บิ๊กตู่” ขณะนี้ ไม่อยู่ในฐานะ “แชมป์มวยไทย” ให้เห็นแล้ว เพราะ “ตู่ซ่า” กำลังออกหมัดวืดวาดเหมือน “มวยวัด” เพราะโดน “โควิด-19” ปล่อย “หมัดตรง” เข้าปลายคางหลายหมัด จน “ตู่ซ่า” เริ่ม “ตาลอย” ถอยไปพิงเชือก ยืนโงนเงนทำท่าจะล้มมิล้มแหล่ จนกรรมการบนเวทีต้องเข้าไปยืนจ้อง “ตู่ซ่า” ด้วยสายตากังวลกลัวว่า “ตู่ซ่า” จะโดนหมัดชุด..จน “เสียมวย” ไปเลย..
“กรรมการ” ยังครุ่นคิดอย่างหนักอีกว่า “ตู่ซ่า” จะชกต่อไปไหวไหม? หรือ “ตู่ซ่า” จะยอมลงจากเวทีเลยไหม? เอ..หรือจะจับ “ตู่ซ่า” แพ้ทีเคโอ.ไปเลย..?
ถ้า “บิ๊กตู่” จะเดินหน้าบริหารชาติแบบเดิมๆต่อไป ด้วยคิดว่า “ช่างมันฉันไม่แคร์”..ก็เชิญเลย! เพราะผู้คนริมเวทีมวยเชื่อแล้วว่า.. “บิ๊กตู่” คงทำดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว..มีแต่จะแย่ลง..
ขอจบบทความนี้ด้วยคำพูดจากใจ ดังนี้..
ขอคารวะ..บุคลากรในวงการแพทย์และพยาบาลทุกคน ที่เสียสละเสี่ยงชีวิตอย่างกล้าหาญ เพื่อต่อสู้กับ “โควิด-19” ด้วยความทรหดโดยไม่ระย่อ!
ขอประณามสาปแช่ง..นักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้านักธุรกิจบางกลุ่ม ที่เห็นแก่เงิน จนทำให้ “หน้ากากอนามัย” ในชาติไทยขาดแคลน-ราคาแพงเกินควร-ส่งออกไปต่างประเทศ..จงพินาศฉิบหาย!