ศาลสั่งประหาร "แนวร่วม นปช." มือขว้างระเบิดใส่เวทีกปปส.อนุสาวรีย์ชัยฯ ตาย1เจ็บอื้อ สารภาพเหลือติดตลอดชีวิต
วานนี้ (12 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีปาระเบิดใส่กลุ่ม กปปส.ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็น โจทก์ฟ้อง นายกฤษฎา ไชยแค อายุ 49 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , กระทำให้เกิดการระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น , มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และฝ่าฝืน ประกาศ ข้อกำหนด ที่ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดออกนอกเคหะสถาน ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
กรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2557 เวลากลางวัน ขณะเกิดเหตุ นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส.ได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จำเลย ซึ่งเป็นแนวร่วมฮาร์ดคอร์ กลุ่ม นปช.ได้ใช้ระเบิดสังหารขว้างใส่เวที กปปส.จนมีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 26 ราย ก่อนหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน และถูกเจ้าหน้าตำรวจติดตามจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความพยานโจทก์ และพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบคำรับส่ารภาพแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรม
อย่างไรก็ตาม ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
วานนี้ (12 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีปาระเบิดใส่กลุ่ม กปปส.ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็น โจทก์ฟ้อง นายกฤษฎา ไชยแค อายุ 49 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , กระทำให้เกิดการระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น , มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้มีและให้ใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และฝ่าฝืน ประกาศ ข้อกำหนด ที่ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดออกนอกเคหะสถาน ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
กรณีเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2557 เวลากลางวัน ขณะเกิดเหตุ นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส.ได้ตั้งเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จำเลย ซึ่งเป็นแนวร่วมฮาร์ดคอร์ กลุ่ม นปช.ได้ใช้ระเบิดสังหารขว้างใส่เวที กปปส.จนมีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 26 ราย ก่อนหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน และถูกเจ้าหน้าตำรวจติดตามจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความพยานโจทก์ และพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบคำรับส่ารภาพแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรม
อย่างไรก็ตาม ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย คำให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต