วานนี้(11 มี.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน รองประธานกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา แถลงสนับสนุนมติครม.ที่ให้คืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า ประเภทที่ 1 ครัวเรือน และ ประเภทที่ 2 การประกอบกิจการขนาดเล็ก จำนวนรวม 21.5 ล้านราย วงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ เคยเชิญตัวแทนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน มาให้ข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ครม.มีมติออกมา ซึ่งเมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้แทนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าสัตหีบ ที่จ่ายกระแสไฟให้กองทัพเรือสัตหีบ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงาน พร้อมคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้า ได้ตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.เป็นต้นไป โดยจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ประชาชนสามารถกรอกใบคำขอ และรับเงินคืนทางออนไลน์ได้ หรือหากพัฒนาแอปพลิเคชันไม่ทัน ก็สามารถไปรับเงินคืนที่การไฟฟ้าใกล้บ้านได้ ส่วนประชาชนที่จะขอมิเตอร์ใช้ไฟฟ้าใหม่ จากนี้ไป ก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าอีกแล้ว
นายคำนูณ ยังตั้งข้อสังเกตถึงดอกเบี้ย จากค่าประกันการใช้ไฟฟ้าโดยจะคืนให้ประชาชนทุก 5 ปี ในรอบบิลเดือนก.พ. ซึ่งมีส่วนหนึ่งได้รับเงินดอกเบี้ยไปแล้ว แต่เมื่อมติครม.ออกมา ให้คืนเงินประกันทั้งก้อน จะทำให้เหลือดอกเบี้ยตกค้างของเดือนม.ค.และก.พ.63 อยู่ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม จะต้องคืนดอกเบี้ยส่วนนี้ใน 5 ปีถัดไป ทางคณะกรรมาธิการ จึงมีข้อเสนอแนะถึงตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 หน่วยงาน ว่า จะสามารถคืนดอกเบี้ยให้เร็วกว่าระยะเวลาที่กำหนดได้หรือไม่
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เสนอแนะแนวทางเยียวยาธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเสนอให้ปรับลดเงินหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งกฎกระทรวงกำหนดไว้ทั้งหมด 4 ประเภท คือ 1. การประกอบธุรกิจนําเที่ยว ประเภทเฉพาะพื้นที่ ต้องวางหลักประกัน 10,000 บาท 2. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทภายในประเทศ ต้องวางหลักประกัน 50,000 บาท 3. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ ต้องวางหลักประกัน 100,000 บาท และ 4. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภททั่วไป ต้องวางหลักประกัน 200,000 บาท ซึ่งรวมแล้วมีเงินเก็บในส่วนนี้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาล พิจารณาให้กรมการท่องเที่ยว ปรับแก้กฎกระทรวงเพื่อเก็บอัตราค่าประกันลดลง จะได้มีเงินเหลือเสริมสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนจะปรับลดจำนวนเท่าใดหรือปรับลดถาวร หรือไม่ คณะกรรมการธุรกิจการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ สามารถพิจารณาก่อนได้
นายคำนูณ ยังตั้งข้อสังเกตถึงดอกเบี้ย จากค่าประกันการใช้ไฟฟ้าโดยจะคืนให้ประชาชนทุก 5 ปี ในรอบบิลเดือนก.พ. ซึ่งมีส่วนหนึ่งได้รับเงินดอกเบี้ยไปแล้ว แต่เมื่อมติครม.ออกมา ให้คืนเงินประกันทั้งก้อน จะทำให้เหลือดอกเบี้ยตกค้างของเดือนม.ค.และก.พ.63 อยู่ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม จะต้องคืนดอกเบี้ยส่วนนี้ใน 5 ปีถัดไป ทางคณะกรรมาธิการ จึงมีข้อเสนอแนะถึงตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 หน่วยงาน ว่า จะสามารถคืนดอกเบี้ยให้เร็วกว่าระยะเวลาที่กำหนดได้หรือไม่
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ เสนอแนะแนวทางเยียวยาธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเสนอให้ปรับลดเงินหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งกฎกระทรวงกำหนดไว้ทั้งหมด 4 ประเภท คือ 1. การประกอบธุรกิจนําเที่ยว ประเภทเฉพาะพื้นที่ ต้องวางหลักประกัน 10,000 บาท 2. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทภายในประเทศ ต้องวางหลักประกัน 50,000 บาท 3. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ ต้องวางหลักประกัน 100,000 บาท และ 4. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภททั่วไป ต้องวางหลักประกัน 200,000 บาท ซึ่งรวมแล้วมีเงินเก็บในส่วนนี้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาล พิจารณาให้กรมการท่องเที่ยว ปรับแก้กฎกระทรวงเพื่อเก็บอัตราค่าประกันลดลง จะได้มีเงินเหลือเสริมสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนจะปรับลดจำนวนเท่าใดหรือปรับลดถาวร หรือไม่ คณะกรรมการธุรกิจการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ สามารถพิจารณาก่อนได้