xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.หนุนคืนมัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า พร้อมเสนอจ่ายดอกเบี้ยเร็วขึ้น ลดเงินหลักประกันธุรกิจนำเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา
กมธ.ลดความเหลื่อมล้ำฯ วุฒิสภา หนุนคืนเงินมัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า รวมกว่า 3 หมื่นล้าน ลดภาระประชาชน เยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 พร้อมเสนอคืนดอกเบี้ยเร็วขึ้น ไม่ต้องรอวงรอบ 5 ปี และปรับลดเงินหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ลดภาระภาคธุรกิจ






วันนี้ (11 มี.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา แถลงสนับสนุนมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้คืนเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 ครัวเรือน และประเภทที่ 2 การประกอบกิจการขนาดเล็ก จำนวนรวม 21.5 ล้านราย วงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการเคยเชิญตัวแทนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานมาให้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ แล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คณะรัฐมนตรีมีมติออกมา ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางคณะกรรมาธิการได้เชิญผู้แทนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าสัตหีบ ที่จ่ายกระแสไฟให้กองทัพเรือสัตหีบและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานพร้อมคืนเงินประกันมิเตอร์ไฟฟ้าได้ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป โดยจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ประชาชนสามารถกรอกใบคำขอและรับเงินคืนทางออนไลน์ได้ หรือหากพัฒนาแอปพลิเคชันไม่ทัน ก็สามารถไปรับเงินคืนที่การไฟฟ้าใกล้บ้านได้ ส่วนประชาชนที่จะขอมิเตอร์ใช้ไฟฟ้าใหม่ จากนี้ไปก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าอีกแล้ว

นายคำนูณ ยังตั้งข้อสังเกตถึงดอกเบี้ยจากค่าประกันการใช้ไฟฟ้า โดยจะคืนให้ประชาชนทุก 5 ปี ในรอบบิลเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีส่วนหนึ่งได้รับเงินดอกเบี้ยไปแล้ว แต่เมื่อมติคณะรัฐมนตรีออกมาให้คืนเงินประกันทั้งก้อน จะทำให้เหลือดอกเบี้ยตกค้างของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปี 2563 อยู่ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิมจะต้องคืนดอกเบี้ยส่วนนี้ใน 5 ปีถัดไป ทางคณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอแนะถึงตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 หน่วยงาน ว่าจะสามารถคืนดอกเบี้ยให้เร็วกว่าระยะเวลาที่กำหนดได้หรือไม่

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ เสนอแนะแนวทางเยียวยาธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเสนอให้ปรับลดเงินหลักประกันผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งกฎกระทรวงกำหนดไว้ทั้งหมด 4 ประเภท คือ 1. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทเฉพาะพื้นที่ ต้องวางหลักประกัน 10,000 บาท 2. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทภายในประเทศ ต้องวางหลักประกัน 50,000 บาท 3. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ ต้องวางหลักประกัน 100,000 บาท และ 4. การประกอบธุรกิจนําเที่ยวประเภททั่วไป ต้องวางหลักประกัน 200,000 บาท ซึ่งรวมแล้วมีเงินเก็บในส่วนนี้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อปี จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลพิจารณาให้กรมการท่องเที่ยวปรับแก้กฎกระทรวงเพื่อเก็บอัตราค่าประกันลดลง จะได้มีเงินเหลือเสริมสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนจะปรับลดจำนวนเท่าใดหรือปรับลดถาวรหรือไม่ คณะกรรมการธุรกิจการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ สามารถพิจารณาก่อนได้


กำลังโหลดความคิดเห็น