xs
xsm
sm
md
lg

‘มินิฮาร์ท’ ก็ช่วยไม่ได้!

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า “ผมมีความมั่นใจในศักยภาพและความสามารถของระบบวงการสาธารณสุขและการแพทย์ไทย ในการตั้งรับวิกฤตเกิดจากการระบาดของเชื้อโรคต่างๆ แต่ไม่เคยเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาล...”

ยิ่งเป็นกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐที่ไร้ความสามารถ ความใจซื่อ มือสะอาด มุ่งเน้นผลประโยชน์เฉพาะในกลุ่มเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่รู้จักพอด้วยแล้ว หายนะรออยู่แน่!

ยุคที่ทั้งโลกต้องเผชิญกับการระบาดของโนเวล โคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มแรกที่มีผู้ติดเชื้อ การตั้งรับวิกฤตโดยวงการแพทย์ไทยในช่วงแรกประเมินว่า “เอาอยู่” ผลงานในอดีตทำให้เราถูกจัดอยู่ในอันดับ 6 ของโลก

แต่ถ้าวันไหนมีการเมือง นักการเมือง หรือผู้กุมอำนาจรัฐมาเกี่ยวข้อง กำกับ นโยบาย วางมาตรการเงื่อนไขโดยผิดทิศทาง ไม่ปรึกษาด้านการแพทย์ ภาคปฏิบัติแล้ว ความไร้ประสิทธิภาพจะทำให้การตั้งรับวิกฤตของการแพทย์ไทยมีปัญหาทันที

ยิ่งมีความโลภ ความอิจฉาริษยา การแก่งแย่งความนิยม การเตะตัดขา หรือจิตชั่วร้ายอื่นใดมาเกี่ยวโยงในกระบวนการตัดสินใจเมื่อไหร่แล้ว...บอกได้แต่ว่า

เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้หายนะมาเยือนนั่นเอง..! และก็เป็นอย่างที่เห็น

ประชาชนได้เห็นสภาพน่าอนาถ น่าสมเพชเวทนาในการทำงานของภาคการเมือง การนำนโยบาย ความไร้ประสิทธิภาพ การไม่เข้าใจกระบวนการตั้งรับวิกฤต สภาพเละตุ้มเป๊ะในการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง มุ่งแต่จะใช้เงิน

และใช้เงินอย่างผิดทิศผิดทาง เหมือนพวกบ้องตื้นมาบริหารประเทศ หรือถูกผีห่าซาตานมาเข้าสิง ทำให้การตัดสินใจในแบบที่ชาวบ้านมองว่าโงเขลาเบาปัญญา นับตั้งแต่ภาคการเมืองมายุ่มย่าม มีแต่เสียงก่นด่าของประชาชนจากทั่วสารพัดทิศ

เสียงโอดครวญอย่างน่าเห็นใจจากกลุ่มแพทย์โรงพยาบาลรามา ขอบริจาค...ย้ำ ขอบริจาคหน้ากากอนามัยจากประชาชน เพราะขาดแคลนในการใช้แต่ละวัน ยังไม่นับอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชุดสวมปลอดเชื้อ ยาฆ่าเชื้อ เจล ฯลฯ

การขาดแคลนหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ต่างๆ ไม่จำกัดเฉพาะที่โรงพยาบาลรามา ยังมีที่อื่นๆ อีก สะท้อนให้เห็นความไม่ตระหนักในสภาวะวิกฤตของภาคการเมือง ความบกพร่องในสำนึกแห่งวิกฤต และสภาวะเร่งด่วนฉุกเฉิน

ภาษาฝรั่งเรียกว่า ไม่มี sense of crisis และ sense of urgency และชาวบ้านสงสัยว่ามีพวกจิตชั่วร้ายจ้องแสวงหารายได้และลาภลอยจากวิกฤตครั้งนี้

เป็นไปได้อย่างไร นับตั้งแต่เกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 รัฐบาลที่เก่งด้านสร้างหนี้สิน ใช้เงินในโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม คุยฟุ้งเรื่องรักชาติบ้านเมือง ยอมเหนื่อยเพื่อประชาชน ใครแช่งด่าขับไล่ไสส่งอย่างไรก็ไม่ยอมออกไป จะถูกมองว่าสิ้นปัญญา!

แทนที่จะตั้งงบฉุกเฉินทันที เพราะวิกฤตครั้งนี้ร้ายกว่าภัยแล้ง น้ำท่วม แต่ดันไปออกมาตรการแจกเงินชาวบ้าน และแผนอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ไม่คำนึงว่าถ้าตั้งรับวิกฤตไม่ดี การระบาดแพร่ไปทั่วประเทศ เศรษฐกิจจะพังพินาศ

เมื่อเจ้าสัวใหญ่ประกาศทุ่มเงิน 100 ล้านบาทเร่งสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีให้ประชาชน ผู้กุมอำนาจก็ยังไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้สึกอาย แทนที่จะจัดงบ 1 พันล้านบาท ตั้งโรงงาน 5-10 แห่ง ผลิตหน้ากากให้พอใช้ กลับทำนิ่งเป็นเบื้อใบ้

กระทรวงพาณิชย์กลายเป็นตัวประจานให้เห็นความล้มเหลวชัดเจน!

ความไม่เอาไหนในกระบวนการภาคการเมืองที่ชาวบ้านหัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก ก็คือปล่อยให้ “ผีน้อย” จากเกาหลีใต้เกือบ 100 รายหลุดไปจากกระบวนการควบคุมกักกัน ยกระดับความเสี่ยงของการติดเชื้อแพร่กระจาย จนอาจเกิดหายนะได้

ลำพังทุกวันนี้วงการแพทย์ยังโอดครวญว่า “ตึงมือ” กับการรับรักษาและเฝ้าระวังผู้อยู่ในข่ายสงสัย ตัวเลขคนป่วยล่าสุดมียอดประมาณ 50 ราย รักษาหายแล้วก็มี ถ้าระบาดถึงขั้นที่ 3 ข้อจำกัดด้านบุคลากร ถูกซ้ำเติมด้วยสภาวะขาดแคลนสารพัด

อะไรจะเกิดขึ้น? การวางท่าแอคอาร์ตคุยฟุ้ง ส่งเสียงโผงผางกำราบบรรดาคนวิพากษ์วิจารณ์ สลับกับการยักคิ้วหลิ่วตา ทำมือ “ไอเลิฟยู” “มินิฮาร์ท” ของท่านผู้นำยอดประชานิยม จะช่วยอะไรได้หรือไม่ เมื่อหายนะมาเยือนเต็มที่เหมือนจีน อิตาลี

หลับตานึกถึงสภาพต้อง “ปิดเมือง” หรือ “Lockdown” คนไทยที่ถูกมองว่าไร้วินัย จะได้ผลหรือ เมื่อเพียงแค่การกักกัน “ผีน้อย” เพียง 100 คนก็ยังทำไม่ได้

ทุกวันนี้ประชาชนไม่รู้ว่าตัวเลขผู้อยู่ในข่ายเป็น “พาหะ” เพ่นพ่านอยู่ในสถานที่ต่างๆ มีมากน้อยเท่าไหร่ เพราะชาวบ้านทั่วไปเจ็บป่วยไม่อยากไปหาหมอ ชอบหาซื้อยากินเอง เข้าไปร้านขายยาก็อาจเอาเชื้อไปแพร่กระจายอีกด้วย

ความเละตุ้มเป๊ะภาครัฐ ทำให้ศักยภาพอันดับ 6 ของโลกของการแพทย์ไทยเสี่ยงต่อการถูกลดระดับ แทนที่จะเร่งจัดงบฉุกเฉินก้อนใหญ่ ทรัพยากร เพื่อจัดหาอุปกรณ์ให้ผู้ปฏิบัติงานมีเพียงพอ ก่อนเอาไปแจกจ่ายให้ประชาชน แค่นี้ก็คิดไม่เป็น

เก่งแต่เรื่องแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เหมือนกลัวธุรกิจเจ้าสัวจะเจ๊ง!

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจสาหัสที่สุดเริ่มมีให้เห็นทั่วโลก การบิน การท่องเที่ยว การนำเข้าส่งออก การผลิตอุตสาหกรรม ราคาน้ำมัน เชื่อมโยงกันทั่ว ตลาดหุ้นตกรูดวิกฤตรุนแรงสั่นสะเทือนสถาบันการเงิน ธุรกิจสารพัดของเจ้าสัวใกล้เข้าสภาวะร่อแร่

วิกฤตเศรษฐกิจ 5 ปี โดนซ้ำเติมโดยเชื้อไวรัสโควิด-19 สาหัส ชะตากรรมประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ยากที่จะคาดเดา รู้แต่ว่าพวกหน้าด้านก้นติดเก้าอี้ จะไม่ไปไหนแน่ๆ!
กำลังโหลดความคิดเห็น