วานนี้ (4 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ รองประธาน กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ประชุมได้มีการพิจารณาฯ 3 ประเด็นหลัก คือ 1 .กรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ มีดำริที่จะขอให้กมธ. 35 คณะ งด ยกเว้น หรือเลื่อนการศึกษาดูงานในต่างประเทศออกไปก่อน ซึ่งที่ประชุมฯจึงมีมติแจ้งให้ กมธ. ชุดต่างๆ ให้ชะลอการเดินทางการศึกษาดูงานไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ระบาดจะคลี่คลาย หรือจนกว่าจบช่วงปิดสมัยประชุมนี้
2. กมธ.กิจการสภาได้รับหนังสือจากประธานสภาฯ ให้มีการสอบสวนกรณีที่มีส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ในช่วงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 63 ซึ่งที่ประชุมมีมติที่จะรับหนังสือดังกล่าวพร้อมพิจารณาสอบสวน โดยเชิญเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย มากันคนละวัน เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า โดยในวันแรกจะเชิญ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคปชป. ในฐานะผู้ร้อง วันต่อมาจะเชิญ นายฉลอง เทอดวีระพงษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง และ วันสุดท้ายจะเชิญเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสภาฯ ซึ่งเป็นฝ่ายให้ข้อมูลทั้งหมด
ส่วนกรณีส.ส.รายอื่น ที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีข้อสงสัยว่าจะมีการเสียบบัตรแทนกัน เช่น น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพปชร. นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภท. นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย และ กรณีน.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคปชป. ได้ให้ข้อมูลว่า นายภูมิสิทธิ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภท. มีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันด้วยนั้น ทางกมธ. ยังไม่ได้รับหนังสือที่จะสามารถที่จะตั้งกก.สอบได้ ฉะนั้นต้องรอเอกสารที่ผู้ร้องจะยื่นเข้ามาเพิ่มเติม และจะดำเนินการสอบสวนไปในคราวเดียวกัน
3 . ทาง กมธ.กิจการสภาฯ รับทราบว่าการก่อสร้างห้องประชุมสุริยันได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานได้ทันที แต่ยังเหลือระบบการลงคะแนน ที่จะต้องมีการตรวจสอบระบบ ดังนั้นในช่วงนี้ เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็จะมีการที่ให้เจ้าหน้าที่จำนวน 500 คน ทดสอบการลงคะแนนทั้งหมด ภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะฉะนั้นตนขอให้มั่นใจว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไป ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ก็สามารถเปิดใช้ห้องประชุมสุริยัน ได้ทันที
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันที่มีผู้มาร้องเรียรต่อป.ป.ช. ว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง 8 คน ซึ่งป.ป.ช.ต้องการลงรายละเอียดให้ชัดเจนว่า ทั้ง 8 คนนี้ เสียบบัตรของใคร และออกเสียงแทนใคร ซึ่งจะต้องรอให้ข้อมูลชัดเจนก่อน คาดว่าจะสามารถตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ และคดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ ที่ป.ป.ช. สามารถทำให้เสร็จในปีนี้
2. กมธ.กิจการสภาได้รับหนังสือจากประธานสภาฯ ให้มีการสอบสวนกรณีที่มีส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ในช่วงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ 63 ซึ่งที่ประชุมมีมติที่จะรับหนังสือดังกล่าวพร้อมพิจารณาสอบสวน โดยเชิญเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย มากันคนละวัน เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า โดยในวันแรกจะเชิญ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคปชป. ในฐานะผู้ร้อง วันต่อมาจะเชิญ นายฉลอง เทอดวีระพงษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง และ วันสุดท้ายจะเชิญเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสภาฯ ซึ่งเป็นฝ่ายให้ข้อมูลทั้งหมด
ส่วนกรณีส.ส.รายอื่น ที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีข้อสงสัยว่าจะมีการเสียบบัตรแทนกัน เช่น น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพปชร. นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภท. นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย และ กรณีน.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคปชป. ได้ให้ข้อมูลว่า นายภูมิสิทธิ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภท. มีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันด้วยนั้น ทางกมธ. ยังไม่ได้รับหนังสือที่จะสามารถที่จะตั้งกก.สอบได้ ฉะนั้นต้องรอเอกสารที่ผู้ร้องจะยื่นเข้ามาเพิ่มเติม และจะดำเนินการสอบสวนไปในคราวเดียวกัน
3 . ทาง กมธ.กิจการสภาฯ รับทราบว่าการก่อสร้างห้องประชุมสุริยันได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานได้ทันที แต่ยังเหลือระบบการลงคะแนน ที่จะต้องมีการตรวจสอบระบบ ดังนั้นในช่วงนี้ เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็จะมีการที่ให้เจ้าหน้าที่จำนวน 500 คน ทดสอบการลงคะแนนทั้งหมด ภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะฉะนั้นตนขอให้มั่นใจว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไป ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ก็สามารถเปิดใช้ห้องประชุมสุริยัน ได้ทันที
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันที่มีผู้มาร้องเรียรต่อป.ป.ช. ว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้อง 8 คน ซึ่งป.ป.ช.ต้องการลงรายละเอียดให้ชัดเจนว่า ทั้ง 8 คนนี้ เสียบบัตรของใคร และออกเสียงแทนใคร ซึ่งจะต้องรอให้ข้อมูลชัดเจนก่อน คาดว่าจะสามารถตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ และคดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ ที่ป.ป.ช. สามารถทำให้เสร็จในปีนี้