นครปฐม-ครูโรงเรียนดังนครปฐมสุดหื่น ปิดห้องเรียนเรียกเรียงตัวกว่า 20 คน ล้วงของลับ ปั่นนกเขา แลกเกรด ความแตกเด็กแจ้งรองผู้อำนวยการโรงเรียน ถูกตั้งกรรมการสอบแล้ว ล่าสุด "ณัฏฐพล"สั่งเล่นงานวินัยร้ายแรง ห้ามกลับมาเป็นครูอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 มี.ค.) ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ภาพพฤติกรรมของคุณครูรายหนึ่ง โรงเรียนชื่อดังในเขตพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทำอนาจารกับเด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 ที่ติด 0 ด้วยการล้วงและบีบอวัยวะเพศ เพื่อแลกกับเกรดคะแนนจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว แชร์และส่งต่อกันอย่างกว้างขวางในสื่อโซเชียล
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีการทำอนาจารเด็กนักเรียนจริง แต่ไม่ถึงขั้นสำเร็จความใคร่ และขณะนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 แล้ว
ทั้งนี้ ทราบว่า ครูที่ทำเรื่องอื้อฉาวรายนี้ เป็นครูชำนาญการ ระดับ 7 สอนวิชาภาษาอังกฤษ สอนที่โรงเรียนแห่งนี้มา 10 ปีแล้ว มีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศ หรือสาวประเภทสอง โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.3 รวมกลุ่มกันมาประมาณ 20 คน เข้าแจ้งเรื่องกับรองผู้อำนวยการ ว่า ถูกครูสอนภาษาอังกฤษรายนี้กระทำอนาจารด้วยการล้วงเข้าไปจับ และบีบอวัยวะเพศ เพื่อแลกกับเกรดคะแนนที่แต่ละคนติดศูนย์
แหล่งข่าวของโรงเรียนกล่าวว่า พฤติกรรมของครูสาวประเภทสองรายนี้ ในวันเกิดเหตุได้ไล่ให้นักเรียนหญิงออกจากห้อง เหลือแต่เด็กนักเรียนชาย จากนั้นปิดประตูห้องเรียกเข้าไปหาที่โต๊ะครูทีละคน แล้วก็เริ่มโอบกอด เอามือล้วงเข้าไปจับบีบอวัยวะเพศเด็กจนเป็นที่พึงพอใจ แล้วจึงเรียกเด็กคนต่อไป ทำในลักษณะเดียวกันจนครบ
สำหรับเรื่องอื้อฉาวนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนครูฉาวรายนี้แล้ว ตั้งแต่ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับทำสำนวนบันทึกคำให้การของเด็กนักเรียนที่ถูกทำอนาจารทั้ง 20 คน เพื่อให้เด็กได้ลงชื่อในคำให้การ คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 เพื่อเอาผิดทางวินัย
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเรื่องนี้ส่วนตัวตนมองว่าครูจะต้องโดนโทษวินัยร้ายแรง เพราะมีหลักฐานความผิดชัดเจน อีกทั้งจะต้องไม่ให้ครูคนดังกล่าวกลับเข้ามารับราชการครูได้อีก ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานได้มีการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 มี.ค.) ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์ภาพพฤติกรรมของคุณครูรายหนึ่ง โรงเรียนชื่อดังในเขตพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทำอนาจารกับเด็กนักเรียนชายชั้น ม.3 ที่ติด 0 ด้วยการล้วงและบีบอวัยวะเพศ เพื่อแลกกับเกรดคะแนนจนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว แชร์และส่งต่อกันอย่างกว้างขวางในสื่อโซเชียล
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียน ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีการทำอนาจารเด็กนักเรียนจริง แต่ไม่ถึงขั้นสำเร็จความใคร่ และขณะนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 แล้ว
ทั้งนี้ ทราบว่า ครูที่ทำเรื่องอื้อฉาวรายนี้ เป็นครูชำนาญการ ระดับ 7 สอนวิชาภาษาอังกฤษ สอนที่โรงเรียนแห่งนี้มา 10 ปีแล้ว มีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศ หรือสาวประเภทสอง โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.3 รวมกลุ่มกันมาประมาณ 20 คน เข้าแจ้งเรื่องกับรองผู้อำนวยการ ว่า ถูกครูสอนภาษาอังกฤษรายนี้กระทำอนาจารด้วยการล้วงเข้าไปจับ และบีบอวัยวะเพศ เพื่อแลกกับเกรดคะแนนที่แต่ละคนติดศูนย์
แหล่งข่าวของโรงเรียนกล่าวว่า พฤติกรรมของครูสาวประเภทสองรายนี้ ในวันเกิดเหตุได้ไล่ให้นักเรียนหญิงออกจากห้อง เหลือแต่เด็กนักเรียนชาย จากนั้นปิดประตูห้องเรียกเข้าไปหาที่โต๊ะครูทีละคน แล้วก็เริ่มโอบกอด เอามือล้วงเข้าไปจับบีบอวัยวะเพศเด็กจนเป็นที่พึงพอใจ แล้วจึงเรียกเด็กคนต่อไป ทำในลักษณะเดียวกันจนครบ
สำหรับเรื่องอื้อฉาวนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนครูฉาวรายนี้แล้ว ตั้งแต่ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับทำสำนวนบันทึกคำให้การของเด็กนักเรียนที่ถูกทำอนาจารทั้ง 20 คน เพื่อให้เด็กได้ลงชื่อในคำให้การ คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 เพื่อเอาผิดทางวินัย
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว โดยเรื่องนี้ส่วนตัวตนมองว่าครูจะต้องโดนโทษวินัยร้ายแรง เพราะมีหลักฐานความผิดชัดเจน อีกทั้งจะต้องไม่ให้ครูคนดังกล่าวกลับเข้ามารับราชการครูได้อีก ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานได้มีการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไว้แล้ว