ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"มอบนโยบายการบริหารจัดการแก้ปัญหาภัยแล้ง ย้ำ "ในหลวง-ราชินี" ทรงห่วงใย พร้อมรับสั่งให้ช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ ลั่นต้องร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ จะ "รอ-รั้ง-ถ่วง" ไม่ได้อีกแล้ว ระบุประเทศยังมีปัญหาหลายด้าน ต้องเอาบทเรียนจากอดีตมาร่วมแก้ไข ก่อนไม่เหลือใครให้โทษ เพราะประเทศชาติเสียหายไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน มอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้ง และเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝน ปี 2563 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มี 2 เรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ คือ 1.ทำอย่างไรให้มีน้ำใช้อย่างยั่งยืนพร้อมเก็บกักน้ำใช้ในฤดูแล้ง และฤดูปกติได้อย่างไร 2.การแก้ปัญหาภัยแล้งที่ปีนี้มีภัยธรรมชาติหลายด้าน ทำให้ปริมาณน้ำน้อยมากเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไข ซึ่งหลายพื้นที่ยังมีปัญหา เนื่องจากไม่มีการเตรียมการไว้
ทั้งนี้ หน้าที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งหมด โดยขับเคลื่อนทุกอย่างให้ได้ในปี 2563 เราต้องเก็บกักน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมากว่า 10 ปี หลายอย่างล่าช้า แต่เรามาเร่งรัดสร้างแหล่งน้ำในช่วงที่ผ่านมา โดยการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ อีกทั้งรัฐบาลระมัดระวังในเรื่องการทำงานโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ทรงห่วงใยประชาชน และทรงรับสั่งรัฐบาลว่า ทำอย่างไรให้ลดผลกระทบ และให้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลก็น้อมรับไว้ใส่เกล้าฯ ติดตามแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม น้ำ คือ ชีวิต ปัจจุบันเรามีประชากรมากขึ้น การพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น การใช้น้ำด้านต่างๆ ก็มากขึ้นตามลำดับ และมีแหล่งน้ำอย่างเดียว คือ น้ำฝนที่ตกลงมา ดังนั้น เราจำเป็นต้องเร่งรัด ปรับแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งไม่ใช่ 20 ปี ใช้สูตรเดียวทั้งหมด แต่มีการปรับแผนตลอด เพื่อรับมือปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม
"ที่ผ่านมา แม้มีการสร้างที่เก็บกักน้ำเพิ่มเติมจำนวนมาก แต่เมื่อฝนไม่ตก หรือฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็มีปัญหา โดยมีการคาดการณ์ ปี 2563 จะมีปัญหาเกือบทุกภาคของประเทศ ซึ่งมีการประกาศเขตภัยแล้ง แล้ว 5,849 หมู่บ้าน ใน 22 จังหวัด อีกทั้งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 ที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยมีการคาดการณ์ 10 ปีข้างหน้า จะมีผลต่อจีดีพี ให้ลดลง 3.04% เนื่องจากเราเป็นประเทศการเกษตร ทำให้การเพาะปลูกพืชมีปัญหา ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ทำอย่างไรไม่ให้เสียหาย ซึ่งอาจเป็นภัยแล้งที่ทำให้เสียหายที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ถ้าร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้ ดังนั้นเราจะรอ รั้ง ถ่วง อะไรไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างยั่งยืน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำโครงการต่างๆ ต้องผ่านประชาพิจารณ์ และความเห็นชอบของประชาชน ที่ผ่านมาหลายโครงการมีปัญหา เพราะประชาชนไม่ยินยอม จึงเป็นสิ่งที่ต้องขอความร่วมมือระหว่างกัน อีกทั้งยังมีโครงการขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลจะผลักดันในอนาคต ดังนั้น ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนต้องช่วยกันประหยัดน้ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าทุกหยด ต้องสร้างจิตสำนึกการรักษาน้ำ ช่วยกันปลูกป่าต้นน้ำ และหยุดการบุกรุก เผาป่า เพราะเป็นสาเหตุของปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม
ทั้งนี้ รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางเพิ่มเติมไปแล้ว ในแผนงานเร่งด่วน เพื่อหาวิธีส่งเสริมการจัดแหล่งเก็บกักน้ำ โดยหลายพื้นที่ และทุกจังหวัดก็มีงบลงไป ซึ่งเป็นการใช้จ่ายงบกลางฉุกเฉินเมื่อจำเป็น และยังมีโครงการแก้ไขเพิ่มเติมปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562-63 อีก 2,041 โครงการ ถ้าไม่มีปัญหาน้ำฝน หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และวันนี้ไล่ดูเร่งรัดแผนงานปี 2563 มีโครงการเร่งด่วนเพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ เตรียมรับน้ำฤดูฝน 14 หน่วยงาน 1,320 โครงการที่ผ่านมางบฯล่าช้า วันนี้ต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็วเพิ่มน้ำได้ 276 ล้าน ลบ.ม.
"ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจว่าภัยแล้ง เป็นปัญหาหลักของประเทศ วันนี้เรามีปัญหาอยู่หลายด้าน ซึ่งปัญหาทุกปัญหาเราต้องบูรณาการแก้ปัญหา และทุกอย่างมีบทเรียนมาทั้งสิ้นจากในอดีตที่ผ่านมา ถ้าเราไม่เอาอดีตแล้วไปทำมันก็จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นความร่วมมือของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ โดยรัฐบาลก็ต้องซื่อสัตย์สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยตรง นั่นคือเจตนารมณ์และความตั้งใจของผม และคิดว่าทุกคนก็ตั้งใจแบบผม วันนี้ทำอย่างไรให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้น สิ่งไม่ดีก็ช่วยกันแก้ต่อไป หลายๆ อย่างอย่าให้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดก็จะไม่มีอะไรให้โทษใครได้อีกแล้ว เพราะประเทศชาติเสียหายไปแล้วในสายตาของต่างประเทศ และความเชื่อมั่นในประเทศ ทุกอย่างเสียหายไปทั้งหมด และไม่มีใครแก้ไขได้ก็คือสิ่งที่ผมต้องการให้ทุกคนทราบ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน มอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้ง และเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝน ปี 2563 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มี 2 เรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ คือ 1.ทำอย่างไรให้มีน้ำใช้อย่างยั่งยืนพร้อมเก็บกักน้ำใช้ในฤดูแล้ง และฤดูปกติได้อย่างไร 2.การแก้ปัญหาภัยแล้งที่ปีนี้มีภัยธรรมชาติหลายด้าน ทำให้ปริมาณน้ำน้อยมากเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไข ซึ่งหลายพื้นที่ยังมีปัญหา เนื่องจากไม่มีการเตรียมการไว้
ทั้งนี้ หน้าที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งหมด โดยขับเคลื่อนทุกอย่างให้ได้ในปี 2563 เราต้องเก็บกักน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมากว่า 10 ปี หลายอย่างล่าช้า แต่เรามาเร่งรัดสร้างแหล่งน้ำในช่วงที่ผ่านมา โดยการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ อีกทั้งรัฐบาลระมัดระวังในเรื่องการทำงานโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ทรงห่วงใยประชาชน และทรงรับสั่งรัฐบาลว่า ทำอย่างไรให้ลดผลกระทบ และให้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลก็น้อมรับไว้ใส่เกล้าฯ ติดตามแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม น้ำ คือ ชีวิต ปัจจุบันเรามีประชากรมากขึ้น การพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น การใช้น้ำด้านต่างๆ ก็มากขึ้นตามลำดับ และมีแหล่งน้ำอย่างเดียว คือ น้ำฝนที่ตกลงมา ดังนั้น เราจำเป็นต้องเร่งรัด ปรับแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งไม่ใช่ 20 ปี ใช้สูตรเดียวทั้งหมด แต่มีการปรับแผนตลอด เพื่อรับมือปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม
"ที่ผ่านมา แม้มีการสร้างที่เก็บกักน้ำเพิ่มเติมจำนวนมาก แต่เมื่อฝนไม่ตก หรือฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็มีปัญหา โดยมีการคาดการณ์ ปี 2563 จะมีปัญหาเกือบทุกภาคของประเทศ ซึ่งมีการประกาศเขตภัยแล้ง แล้ว 5,849 หมู่บ้าน ใน 22 จังหวัด อีกทั้งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 ที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยมีการคาดการณ์ 10 ปีข้างหน้า จะมีผลต่อจีดีพี ให้ลดลง 3.04% เนื่องจากเราเป็นประเทศการเกษตร ทำให้การเพาะปลูกพืชมีปัญหา ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ทำอย่างไรไม่ให้เสียหาย ซึ่งอาจเป็นภัยแล้งที่ทำให้เสียหายที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ถ้าร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้ ดังนั้นเราจะรอ รั้ง ถ่วง อะไรไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างยั่งยืน"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่รัฐบาลทำโครงการต่างๆ ต้องผ่านประชาพิจารณ์ และความเห็นชอบของประชาชน ที่ผ่านมาหลายโครงการมีปัญหา เพราะประชาชนไม่ยินยอม จึงเป็นสิ่งที่ต้องขอความร่วมมือระหว่างกัน อีกทั้งยังมีโครงการขนาดใหญ่ ที่รัฐบาลจะผลักดันในอนาคต ดังนั้น ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนต้องช่วยกันประหยัดน้ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าทุกหยด ต้องสร้างจิตสำนึกการรักษาน้ำ ช่วยกันปลูกป่าต้นน้ำ และหยุดการบุกรุก เผาป่า เพราะเป็นสาเหตุของปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม
ทั้งนี้ รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางเพิ่มเติมไปแล้ว ในแผนงานเร่งด่วน เพื่อหาวิธีส่งเสริมการจัดแหล่งเก็บกักน้ำ โดยหลายพื้นที่ และทุกจังหวัดก็มีงบลงไป ซึ่งเป็นการใช้จ่ายงบกลางฉุกเฉินเมื่อจำเป็น และยังมีโครงการแก้ไขเพิ่มเติมปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562-63 อีก 2,041 โครงการ ถ้าไม่มีปัญหาน้ำฝน หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และวันนี้ไล่ดูเร่งรัดแผนงานปี 2563 มีโครงการเร่งด่วนเพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ เตรียมรับน้ำฤดูฝน 14 หน่วยงาน 1,320 โครงการที่ผ่านมางบฯล่าช้า วันนี้ต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็วเพิ่มน้ำได้ 276 ล้าน ลบ.ม.
"ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจว่าภัยแล้ง เป็นปัญหาหลักของประเทศ วันนี้เรามีปัญหาอยู่หลายด้าน ซึ่งปัญหาทุกปัญหาเราต้องบูรณาการแก้ปัญหา และทุกอย่างมีบทเรียนมาทั้งสิ้นจากในอดีตที่ผ่านมา ถ้าเราไม่เอาอดีตแล้วไปทำมันก็จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป ดังนั้นความร่วมมือของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ โดยรัฐบาลก็ต้องซื่อสัตย์สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยตรง นั่นคือเจตนารมณ์และความตั้งใจของผม และคิดว่าทุกคนก็ตั้งใจแบบผม วันนี้ทำอย่างไรให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้น สิ่งไม่ดีก็ช่วยกันแก้ต่อไป หลายๆ อย่างอย่าให้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดก็จะไม่มีอะไรให้โทษใครได้อีกแล้ว เพราะประเทศชาติเสียหายไปแล้วในสายตาของต่างประเทศ และความเชื่อมั่นในประเทศ ทุกอย่างเสียหายไปทั้งหมด และไม่มีใครแก้ไขได้ก็คือสิ่งที่ผมต้องการให้ทุกคนทราบ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว