บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ทุ่มงบลงทุนกว่า 8.56 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทั้ง 100% จากเดิมถืออยู่ 24.99% ด้วยการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดกว่า 746.33 ล้านหุ้น หรือ 74.83% ในราคาหุ้นละ 125 บาท เพื่อขยายเครือข่ายเพิ่มข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันและดึงผู้ฝ่ายจากทั่วโลก ขณะที่ผลงานปี 62 กำไรสุทธิกว่า 1.55 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 68%
วานนี้ (27 ก.พ.) นางนฤมล น้อยอ่ำ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมิตให้เข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer) ในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจด้านการแพทย์
โดย BDMS จะเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของ BH จำนวน 546,328,351 หุ้น คิดเป็น 74.83% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด หุ้นบุริมสิทธิ์ 1,210,865 หุ้น คิดเป็น 0.17% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด และหุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมดทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ซึ่งสามารถแปลงสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญของ BH ได้ 137,362,636 หุ้น จากปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นสามัญ BH อยู่แล้วจำนวน 182,513,006 หุ้น คิดเป็น 24.99% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ BDMS จะทำคำเสนอซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นมูลค่า 85,612,731,500 บาท ซึ่งราคาเสนอซื้ออาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ หรือจะมีการปรับราคาเสนอซื้อมูลค่ารวมของการทำคำเสนอซื้อจะอยู่ระหว่าง 85,612,731,500-102,735,277,800 บาท ในการปรับราคาเสนอซื้อดังกล่าว โดยบริษัทจะพิจารณาจากความเหมาะสมของสภาวะตลาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และราคาซื้อขายหุ้น BH ในขณะนั้น ซึ่งบริษัทจะแจ้งราคาเสนอซื้อสุดท้ายอีกครั้งภายหลังจากเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้สำเร็จครบถ้วน
อย่างไรก็ดี บริษัทสงวนสิทธิในการปรับลดราคาเสนอซื้อสุดท้ายในกรณีที่ BH มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีนัยสำคัญและไม่สอดคล้องกับแนวทางการจ่ายเงินปันผลในช่วง 3 ปีย้อนหลัง โดยในกรณีที่บริษัทจะปรับราคาเสนอซื้อสุดท้ายบริษัทจะแจ้งให้ทราบราคาที่แน่นอนอีกครั้ง
สำหรับวัตถุประสงค์ของการซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ครั้งนี้ เพื่อลงทุนธุรกิจการแพทย์ เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในการให้บริการ ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกและมีค่ารักษาพยาบาลไม่สูงเมื่อเทียบคุณภาพการให้บริการ ทำให้สามารถดึงดูดผู้ป่วยจากทั่วโลก อีกทั้งการขยายตัวของความต้องการบริการรักษาพยาบาลในประเทศและภูมิภาค เพราะประเทศไทยและภูมิภาคกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวของประชากร ประกอบการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพเพื่ออายุที่ยืนยาวและการเติบโตของธุรกิจประกันสุขภาพ
นางนฤมล กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการดำเนินงานประจำปี 2562 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 15,517.17 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.99 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 9,191.46 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.59 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 68.82% สืบเนื่องจากปี 62 บริษัทมีรายการพิเศษ (สุทธิจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้) จำนวน 5,464 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดใน บริษัท โรงพยาบาลรามคำแห่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่อันหนึ่ง ในสัดส่วน 24.92% บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 14.65% UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED – Client Account 8.44% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 8.33% และบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด 3.59%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งว่า ขอให้นักลงทุนติดตามข้อมูลการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ BH จาก BDMS ทั้งนี้ราคาเสนอซื้ออาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ การปรับราคาเสนอซื้อบริษัทจะพิจารณาจากความเหมาะสมของสภาวะตลาดของตลาดหลักทรัพย์และราคาซื้อขายหุ้น BH ในขณะนั้น จึงขอให้ผู้ลงทุนติดตามรายละเอียดข้อมูลดังกล่าวจากข่าวของ BDMS ในระบบข้อมูล ของตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 27 ก.พ.2563
ด้านนางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า บริษัทรับทราบการแสดงความประสงค์จะเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการโดยสมัครใจจาก BDMS โดย BDMS ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อมีความประสงค์จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทในราคาหุ้นละ 125 บาท หรือราคาที่สูงขึ้นแต่ไม่เกิน 20% ของราคาที่เสนอซื้อเรียบร้อยแล้ว
วานนี้ (27 ก.พ.) นางนฤมล น้อยอ่ำ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมิตให้เข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer) ในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการลงทุนของบริษัท ซึ่งมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจด้านการแพทย์
โดย BDMS จะเสนอซื้อหุ้นที่เหลือของ BH จำนวน 546,328,351 หุ้น คิดเป็น 74.83% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด หุ้นบุริมสิทธิ์ 1,210,865 หุ้น คิดเป็น 0.17% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด และหุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมดทั้งชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ซึ่งสามารถแปลงสิทธิ์เป็นหุ้นสามัญของ BH ได้ 137,362,636 หุ้น จากปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นสามัญ BH อยู่แล้วจำนวน 182,513,006 หุ้น คิดเป็น 24.99% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ BDMS จะทำคำเสนอซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นมูลค่า 85,612,731,500 บาท ซึ่งราคาเสนอซื้ออาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ หรือจะมีการปรับราคาเสนอซื้อมูลค่ารวมของการทำคำเสนอซื้อจะอยู่ระหว่าง 85,612,731,500-102,735,277,800 บาท ในการปรับราคาเสนอซื้อดังกล่าว โดยบริษัทจะพิจารณาจากความเหมาะสมของสภาวะตลาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และราคาซื้อขายหุ้น BH ในขณะนั้น ซึ่งบริษัทจะแจ้งราคาเสนอซื้อสุดท้ายอีกครั้งภายหลังจากเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนดไว้สำเร็จครบถ้วน
อย่างไรก็ดี บริษัทสงวนสิทธิในการปรับลดราคาเสนอซื้อสุดท้ายในกรณีที่ BH มีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีนัยสำคัญและไม่สอดคล้องกับแนวทางการจ่ายเงินปันผลในช่วง 3 ปีย้อนหลัง โดยในกรณีที่บริษัทจะปรับราคาเสนอซื้อสุดท้ายบริษัทจะแจ้งให้ทราบราคาที่แน่นอนอีกครั้ง
สำหรับวัตถุประสงค์ของการซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ครั้งนี้ เพื่อลงทุนธุรกิจการแพทย์ เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในการให้บริการ ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกและมีค่ารักษาพยาบาลไม่สูงเมื่อเทียบคุณภาพการให้บริการ ทำให้สามารถดึงดูดผู้ป่วยจากทั่วโลก อีกทั้งการขยายตัวของความต้องการบริการรักษาพยาบาลในประเทศและภูมิภาค เพราะประเทศไทยและภูมิภาคกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวของประชากร ประกอบการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพเพื่ออายุที่ยืนยาวและการเติบโตของธุรกิจประกันสุขภาพ
นางนฤมล กล่าวเพิ่มเติมถึง ผลการดำเนินงานประจำปี 2562 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 15,517.17 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.99 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำไว้ 9,191.46 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.59 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 68.82% สืบเนื่องจากปี 62 บริษัทมีรายการพิเศษ (สุทธิจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้) จำนวน 5,464 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดใน บริษัท โรงพยาบาลรามคำแห่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่อันหนึ่ง ในสัดส่วน 24.92% บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 14.65% UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED – Client Account 8.44% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 8.33% และบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด 3.59%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งว่า ขอให้นักลงทุนติดตามข้อมูลการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ BH จาก BDMS ทั้งนี้ราคาเสนอซื้ออาจถูกปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ของราคาเสนอซื้อ การปรับราคาเสนอซื้อบริษัทจะพิจารณาจากความเหมาะสมของสภาวะตลาดของตลาดหลักทรัพย์และราคาซื้อขายหุ้น BH ในขณะนั้น จึงขอให้ผู้ลงทุนติดตามรายละเอียดข้อมูลดังกล่าวจากข่าวของ BDMS ในระบบข้อมูล ของตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 27 ก.พ.2563
ด้านนางลินดา ลีสหะปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า บริษัทรับทราบการแสดงความประสงค์จะเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการโดยสมัครใจจาก BDMS โดย BDMS ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อมีความประสงค์จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทในราคาหุ้นละ 125 บาท หรือราคาที่สูงขึ้นแต่ไม่เกิน 20% ของราคาที่เสนอซื้อเรียบร้อยแล้ว