ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มาดลุงตู่หัวไม่ร้อน กับลูกย้อนเอื้อประโยชน์นายทุน ถ่ายรูปครบ 24 ตระกูล หายไปหนึ่ง... ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า ?
เมื่อวาน "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดนฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องการบริหารเศรษฐกิจหลายประเด็น ตั้งแต่ไมมีวิสัยทัศน์ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาแรงงาน โดยเฉพาะ“เอื้อประโยชน์ให้นายทุน เงินไหลเข้ากระเป๋าตระกูลใหญ่" ... งัดกันมารัวกันเป็นชุด
งานนี้ "พล.อ.ประยุทธ์" ถูกจับตามองว่า ถ้าถูกยั่วหนักๆ จะ“หัวร้อน”เหมือนเคยมั้ย ก่อนหน้าที่จะถึงวันอภิปราย ว่ากันว่าในการประชุมรับมือฝ่ายค้านก็พยายามให้ความสำคัญกับ “ลุคของลุง”เกรงว่าโดนจี้ โดนสะกิดเข้าจะระเบิดอารมณ์ออกมา ถึงกับบอกว่า งานนี้บรรดาผู้ชมคงต้องผิดหวังแน่ เพราะจะเห็น “ลุคใหม่ของลุง”หัวไม่ร้อน ปรากฏว่า ลุงตู่ คุมอารมณ์ได้ดี ตามสคริปต์ ชี้แจงอธิบายได้รู้เรื่อง แม้จะพูดเร่งรัวตามสไตล์ ต่อด้วยคำพูด และท่าทางตอนจบ ภาพที่ถ่ายสดออกสื่อก็ ต้องบอกว่า“สุภาพขั้นสุด" กล่าว“ขอบคุณครับท่าน”ด้วยใบหน้ายิ้มบานอย่างนานๆ ทีจะเห็น
ว่ากันเฉพาะเนื้อหาของฝ่ายค้าน ที่นำมาสนับสนุนเหตุผลของตัวเองที่ทำให้ไม่ไว้วางใจ"ลุงตู่" ก็ต้องชมหลายๆ คนของเพื่อไทย และ ส.ส. อดีตอนาคตใหม่ ส่อแววจะเป็นนักการเมืองคุณภาพ การอภิปรายใช้มูลมากกว่าการใช้โวหาร ประดิษฐ์วาทะกรรมมาเชือดเฉือนกันแบบสภาฯ น้ำเน่าในอดีต
ขณะที่คำชี้แจงของ"พล.อ.ประยุทธ์" ต่อข้อกล่าวหาฝ่ายค้านบางท่อนบางตอน แม้จะมีอารมณ์ความรู้สึกตอบโต้อยู่บ้าง แต่ก็มีรายละเอียดให้ได้ฟัง คล้ายๆ ทำการบ้านมาพอสมควร
ประเด็นไฮไลต์ของศึกซักฟอกครั้งนี้ แน่นอนว่าเป็นข้อกล่าวหา "เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและนายทุน"
เรื่องนี้ "ลุงตู่" มีลูกย้อนฝ่ายค้านแสบๆ คันๆ ดังความตอนหนึ่งที่ว่า "มีหลายคนที่อภิปราย เอารูปผมที่ถ่ายกับคนนั้น คนนี้ 24 ตระกูล แต่ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่งมั้ง ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า แต่ถ้าถูกกฎหมาย ก็ยังอยู่ได้ ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่ง พลาดไปหน่อย การที่มีรูปผมไปอยู่ตรงนั้น ผมถือว่าเป็นการประชุมโดยเปิดเผย มีการพบปะอย่างเปิดเผย แต่ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้ แสดงว่ามีการพบปะแบบไม่เปิดเผย ก็ลองไปดูตรงนี้ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร”นายกฯ กล่าวโดยให้คอการเมืองต้องกลับไปตั้งวงอภิปรายนอกสภาฯ กันต่อเอาเองว่า ตระกูลไหนกัน ?
นอกจากปริศนาตระกูลไหนที่ร่ำรวยผิดปกติ ผิดกฎหมาย ประเด็นเอื้อประโยชน์ให้นายทุนนี้ก็น่าคิดต่อ เพราะ เมกะโปรเจกต์ทั้ง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เมืองการบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการ EEC เหล่านี้ถูกพูดถึงในสภาฯ ล้วนเกิดขึ้นในยุครัฐบาลชุดนี้ โดยเกี่ยวข้องกับ "เจ้าสัว" อภิมหาเศรษฐีของเมืองไทยจริงๆ
แต่หากมองมุมกลับ โครงการใหญ่มูลค่าการลงทุนหลายแสนล้าน รัฐดึงเจ้าสัวทั้งหลายมาลงทุนร่วม บนพื้นฐานว่า รัฐลงทุนน้อยที่สุด เอกชนขอรับการสนับสนุนน้อยที่สุด ขณะที่ก็เห็นๆ กันว่า เอกชนหรือนายทุนต้องแข่งขันกันประมูลดุเดือดเลือดพล่าน อย่างโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ต้องสู้กันถึงศาล
เรื่องความสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีกับบริษัทเอกชน ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่าไปจะเอื้อให้กับบริษัทเอกชนใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ ก็ต้องย้อนดูตามที่ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ชี้แจงในสภาฯ ว่า จะเอื้ออย่างไร เพราะมีเอกชนซื้อเอกสารการคัดเลือกถึง 31 ราย เป็นการพิจารณาคัดเลือกเอกชนโดยอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ประเทศ และขอรับเงินสนับสนุนน้อยที่สุด
ใครชนะประมูลได้โครงการไปเบื้องหลังแอบกุมขมับทุกราย ไหนจะขั้นตอนตามมาที่ไม่ง่าย การเวนคืน การส่งมอบพื้นที่ ไหนจะจัดหาเงินทุน... อย่างนี้ควรเรียกว่า "รัฐบาลลุงตู่ " ตุ๊ยเจ้าสัวให้ควักเงินถุงเงินถังมาลงทุนให้รัฐ มากกว่าเอื้อประโยชน์ไปเปล่าๆ รึเปล่า ??
น่าคิดและติดตามดูกันต่อไปยาวๆ งานนี้ .
**ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ "ผึ้งแตกรัง" ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ย้ายขั้วไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล เพราะแกนนำใช้วิธีมัดมือชก ให้เซ็นใบสมัครเข้าพรรคใหม่ โดยไม่รู้ว่าพรรคชื่ออะไร ใครเป็นหัวหน้าพรรค
หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ทำให้ส.ส.ของพรรคที่เหลือ 65 คน ต้องหาพรรคใหม่สังกัด เพื่อรักษาสถานภาพส.ส.ของตัวเอง ...
ในวันนั้น ทั้ง"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เจ้าของพรรค และ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" อดีตเลขาฯพรรค ต่างออกมาพูดอย่างมั่นอกมันใจว่า ส.ส.ของพรรคทั้งหมด จะยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ตามแนวทางของอนาคตใหม่ โดยจะเข้าสังกัดพรรคใหม่ที่ได้เตรียมไว้ โดยมี "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นคนรับช่วงถือธงนำ ...จะไม่มีสภาพ"ผึ้งแตกรัง" แน่นอน !!
แต่คล้อยหลังแค่วันสองวัน ก็มีข่าวที่ค่อนข้าง "คอนเฟิร์ม" ว่า ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ 9 คน ได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ของ"เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล เรียบร้อยแล้ว และอีกจำนวนหนึ่ง จะไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งยังไม่แจ้งว่าเป็นพรรคใด จะเหลือ "ส.ส.ส้มหวาน" อยู่ไม่ถึง 40 คน ที่ยังคงไปตามแนวทางที่"ธนาธร" ขีดเส้นให้เดิน
ข่าวนี้ทำเอา"ธนาธร-ปิยบุตร" แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธแค้นที่ถูกทรยศ !!
"ปิยบุตร" ถึงกับออกมาทวีตข้อความ ผ่านไปถึง "เสี่ยหนู" ว่า... "ผมเป็นส.ส.สมัยแรก เจอนักการเมืองอาวุโสรุ่นพี่ ก็ยกมือไหว้ทักทายให้เกียรติกัน ทั้งพี่หนูอนุทิน พี่ศักดิ์สยาม พี่สรอรรถ พี่ชาดา พี่บุญลือ สัปดาห์ที่แล้วหลายคนจากภท. ก็ให้กำลังใจผมเต็มไปหมด แต่สุดท้าย ก็“ดูด” ส.ส.อนค.ไป... ช่วยกันถามหน่อยครับว่าเก่งมาจากไหนได้ไปทีเดียว 9 คน"
ตามมาด้วยการนำคลิปเสียงของ "ส.ส.ส้มหวาน" ที่คุยกับ" ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล" ออกมาแฉถึงการเจรจา "ดูด" ด้วยเงินจำนวน 23 ล้านบาท พร้อมมีลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรีมาล่อใจ...เป็นการดิสเครดิตกันไว้ล่วงหน้า
วันนี้ชัดเจนแล้วว่ามี ส.ส.9 คน เข้าสังกัด"พรรคภูมิใจไทย" เป็นที่เรียบร้อยประกอบด้วย นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น เขต 1, นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ เขต 2 , นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 , ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม เขต10 , นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 , นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ เขต 1 นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ส.ส.กทม. เขต 23 และนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคภูมิใจไทย ที่เดิมมีส.ส. 52คน เพิ่มเข้ามาอีก 9 คนรวมเป็น 61 คน แซงหน้าประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นพรรคอันดับ 2 ของฝั่งรัฐบาลทันที และเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ของพรรคการเมืองทั้งหมด
"เสี่ยหนู" ยืนยันว่าส.ส.ที่มาเข้าพรรค ไม่ได้มาตาม "แรงดูด" อย่างที่มีการปล่อยคลิปเสียงออกมา และคงไม่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอะไร ... บ้านหลังใหม่นี้ ไม่ใช่ว่าให้สมาชิกทุกคนมาอยู่ แล้วจะทำให้ตัวเองสุขสบายใจ แต่บ้านหลังนี้เข้ามาแล้วต้องทำให้ประชาชนสบายใจ ประโยชน์ต้องตกอยู่กับประชาชน ไม่ใช่ตกอยู่กับคนในบ้าน บ้านนี้เป็นบ้านของคนทำงาน...นี่คือเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย
และจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นนี้ จะไม่ใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มอย่างเด็ดขาด ...ขอเพียงแค่อย่ามาตัดใครออกไปก็พอ เพราะเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากมาเชิญลงในระหว่างทาง คงว่ายน้ำไม่ไหว ...
ส่วนที่ "ปิยบุตร" ทวีตข้อความ "เคยเจอกัน ยกมือไหว้กัน สุดท้ายมาดูด ส.ส. อยากถามว่าเก่งมาจากไหน" นั้น "อนุทิน" ก็ตอบกลับไปว่า ... เคารพนายปิยบุตรจะตาย ชอบความรู้ เพียงแต่ว่าบางอย่าง แนวทางไม่เหมือนกัน แต่เรื่ององค์ความรู้ ความสามารถ การอภิปราย อาจารย์เป็นคนมีความรู้เยอะ คุยกันไม่เคยเกิน 2 นาที เจอกันก็ยกมือไหว้ก่อนเท่านั้น...
ขณะที่ส.ส.ที่เพิ่งเข้าพรรคภูมิใจไทย อย่าง"วิรัช พันธุมะผล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ บอกว่า ไม่มีค่าตัวใดๆ ทั้งสิ้น มาด้วยใจ ไม่มีลังเล เพราะรู้จักกันมากว่า 20ปี ที่สำคัญคือ "รักเสี่ยหนูมากที่สุด" อยากมาร่วมงานด้วย
ส่วน "มณฑล โพธิ์คาย" ส.ส.กทม. บอกว่า "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ทำให้ตัดสินใจเช่นนี้ เพราะ แกนนำอนาคตใหม่ได้นำเอกสารการสมัครเข้าสังกัดพรรคการเมืองหนึ่งที่ยังไม่ระบุชื่อพรรคไม่มีรายละเอียดอะไร รวมทั้งแกนนำใหม่ก็ไม่ชัดเจน เพราะมีข่าวว่า หัวหน้าพรรคจะไม่ใช่ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ...นี่เท่ากับเป็นการ "มัดมือชก" กันชัดๆ จึงตัดสินใจได้ไม่ยาก... และเชื่อว่าอีกหลายคนก็คงคิดเช่นนี้
ปรากฏการณ์ "ผึ้งแตกรั้ง" อย่างที่เห็นน่าจะเป็นสิ่งยืนยันว่า "การบริหารจัดการ" ของอนาคตใหม่ อยู่ในมือของคนกลุ่มเดียว มีการแบ่งชั้นวรรณะ และคงไม่ต้องพูดถึง "ความโปร่งใส" ... ที่สำคัญคือ พวกเขาได้แบ่งฝ่ายไว้เอง ทำให้สังคมแตกแยก ดูถูกเหยียดหยามคนที่คิดต่าง และเหยียบย่ำหัวใจคนค่อนประเทศ ที่รักสถาบันกษัตริย์
แล้วสิ่งที่พวกเขาทำไว้ ก็กลับมาทำร้าย ทำลายพวกเขาเอง... ทำอะไรไว้ก็ได้รับผลอย่างนั้น !!
รูป- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา -ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
- อนุทิน ชาญวีรกูล- ปิยบุตร แสงกนกกุล
**มาดลุงตู่หัวไม่ร้อน กับลูกย้อนเอื้อประโยชน์นายทุน ถ่ายรูปครบ 24 ตระกูล หายไปหนึ่ง... ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า ?
เมื่อวาน "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดนฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องการบริหารเศรษฐกิจหลายประเด็น ตั้งแต่ไมมีวิสัยทัศน์ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาแรงงาน โดยเฉพาะ“เอื้อประโยชน์ให้นายทุน เงินไหลเข้ากระเป๋าตระกูลใหญ่" ... งัดกันมารัวกันเป็นชุด
งานนี้ "พล.อ.ประยุทธ์" ถูกจับตามองว่า ถ้าถูกยั่วหนักๆ จะ“หัวร้อน”เหมือนเคยมั้ย ก่อนหน้าที่จะถึงวันอภิปราย ว่ากันว่าในการประชุมรับมือฝ่ายค้านก็พยายามให้ความสำคัญกับ “ลุคของลุง”เกรงว่าโดนจี้ โดนสะกิดเข้าจะระเบิดอารมณ์ออกมา ถึงกับบอกว่า งานนี้บรรดาผู้ชมคงต้องผิดหวังแน่ เพราะจะเห็น “ลุคใหม่ของลุง”หัวไม่ร้อน ปรากฏว่า ลุงตู่ คุมอารมณ์ได้ดี ตามสคริปต์ ชี้แจงอธิบายได้รู้เรื่อง แม้จะพูดเร่งรัวตามสไตล์ ต่อด้วยคำพูด และท่าทางตอนจบ ภาพที่ถ่ายสดออกสื่อก็ ต้องบอกว่า“สุภาพขั้นสุด" กล่าว“ขอบคุณครับท่าน”ด้วยใบหน้ายิ้มบานอย่างนานๆ ทีจะเห็น
ว่ากันเฉพาะเนื้อหาของฝ่ายค้าน ที่นำมาสนับสนุนเหตุผลของตัวเองที่ทำให้ไม่ไว้วางใจ"ลุงตู่" ก็ต้องชมหลายๆ คนของเพื่อไทย และ ส.ส. อดีตอนาคตใหม่ ส่อแววจะเป็นนักการเมืองคุณภาพ การอภิปรายใช้มูลมากกว่าการใช้โวหาร ประดิษฐ์วาทะกรรมมาเชือดเฉือนกันแบบสภาฯ น้ำเน่าในอดีต
ขณะที่คำชี้แจงของ"พล.อ.ประยุทธ์" ต่อข้อกล่าวหาฝ่ายค้านบางท่อนบางตอน แม้จะมีอารมณ์ความรู้สึกตอบโต้อยู่บ้าง แต่ก็มีรายละเอียดให้ได้ฟัง คล้ายๆ ทำการบ้านมาพอสมควร
ประเด็นไฮไลต์ของศึกซักฟอกครั้งนี้ แน่นอนว่าเป็นข้อกล่าวหา "เรื่องการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและนายทุน"
เรื่องนี้ "ลุงตู่" มีลูกย้อนฝ่ายค้านแสบๆ คันๆ ดังความตอนหนึ่งที่ว่า "มีหลายคนที่อภิปราย เอารูปผมที่ถ่ายกับคนนั้น คนนี้ 24 ตระกูล แต่ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่งมั้ง ตระกูลนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตระกูลที่รวยผิดปกติหายไปไหนหรือเปล่า แต่ถ้าถูกกฎหมาย ก็ยังอยู่ได้ ผมว่าหายไปตระกูลหนึ่ง พลาดไปหน่อย การที่มีรูปผมไปอยู่ตรงนั้น ผมถือว่าเป็นการประชุมโดยเปิดเผย มีการพบปะอย่างเปิดเผย แต่ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้ แสดงว่ามีการพบปะแบบไม่เปิดเผย ก็ลองไปดูตรงนี้ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร”นายกฯ กล่าวโดยให้คอการเมืองต้องกลับไปตั้งวงอภิปรายนอกสภาฯ กันต่อเอาเองว่า ตระกูลไหนกัน ?
นอกจากปริศนาตระกูลไหนที่ร่ำรวยผิดปกติ ผิดกฎหมาย ประเด็นเอื้อประโยชน์ให้นายทุนนี้ก็น่าคิดต่อ เพราะ เมกะโปรเจกต์ทั้ง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เมืองการบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการ EEC เหล่านี้ถูกพูดถึงในสภาฯ ล้วนเกิดขึ้นในยุครัฐบาลชุดนี้ โดยเกี่ยวข้องกับ "เจ้าสัว" อภิมหาเศรษฐีของเมืองไทยจริงๆ
แต่หากมองมุมกลับ โครงการใหญ่มูลค่าการลงทุนหลายแสนล้าน รัฐดึงเจ้าสัวทั้งหลายมาลงทุนร่วม บนพื้นฐานว่า รัฐลงทุนน้อยที่สุด เอกชนขอรับการสนับสนุนน้อยที่สุด ขณะที่ก็เห็นๆ กันว่า เอกชนหรือนายทุนต้องแข่งขันกันประมูลดุเดือดเลือดพล่าน อย่างโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ต้องสู้กันถึงศาล
เรื่องความสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีกับบริษัทเอกชน ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่าไปจะเอื้อให้กับบริษัทเอกชนใดบริษัทหนึ่งหรือไม่ ก็ต้องย้อนดูตามที่ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม ชี้แจงในสภาฯ ว่า จะเอื้ออย่างไร เพราะมีเอกชนซื้อเอกสารการคัดเลือกถึง 31 ราย เป็นการพิจารณาคัดเลือกเอกชนโดยอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ประเทศ และขอรับเงินสนับสนุนน้อยที่สุด
ใครชนะประมูลได้โครงการไปเบื้องหลังแอบกุมขมับทุกราย ไหนจะขั้นตอนตามมาที่ไม่ง่าย การเวนคืน การส่งมอบพื้นที่ ไหนจะจัดหาเงินทุน... อย่างนี้ควรเรียกว่า "รัฐบาลลุงตู่ " ตุ๊ยเจ้าสัวให้ควักเงินถุงเงินถังมาลงทุนให้รัฐ มากกว่าเอื้อประโยชน์ไปเปล่าๆ รึเปล่า ??
น่าคิดและติดตามดูกันต่อไปยาวๆ งานนี้ .
**ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ "ผึ้งแตกรัง" ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ย้ายขั้วไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล เพราะแกนนำใช้วิธีมัดมือชก ให้เซ็นใบสมัครเข้าพรรคใหม่ โดยไม่รู้ว่าพรรคชื่ออะไร ใครเป็นหัวหน้าพรรค
หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ทำให้ส.ส.ของพรรคที่เหลือ 65 คน ต้องหาพรรคใหม่สังกัด เพื่อรักษาสถานภาพส.ส.ของตัวเอง ...
ในวันนั้น ทั้ง"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เจ้าของพรรค และ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" อดีตเลขาฯพรรค ต่างออกมาพูดอย่างมั่นอกมันใจว่า ส.ส.ของพรรคทั้งหมด จะยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ ตามแนวทางของอนาคตใหม่ โดยจะเข้าสังกัดพรรคใหม่ที่ได้เตรียมไว้ โดยมี "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นคนรับช่วงถือธงนำ ...จะไม่มีสภาพ"ผึ้งแตกรัง" แน่นอน !!
แต่คล้อยหลังแค่วันสองวัน ก็มีข่าวที่ค่อนข้าง "คอนเฟิร์ม" ว่า ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ 9 คน ได้ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ของ"เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล เรียบร้อยแล้ว และอีกจำนวนหนึ่ง จะไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งยังไม่แจ้งว่าเป็นพรรคใด จะเหลือ "ส.ส.ส้มหวาน" อยู่ไม่ถึง 40 คน ที่ยังคงไปตามแนวทางที่"ธนาธร" ขีดเส้นให้เดิน
ข่าวนี้ทำเอา"ธนาธร-ปิยบุตร" แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธแค้นที่ถูกทรยศ !!
"ปิยบุตร" ถึงกับออกมาทวีตข้อความ ผ่านไปถึง "เสี่ยหนู" ว่า... "ผมเป็นส.ส.สมัยแรก เจอนักการเมืองอาวุโสรุ่นพี่ ก็ยกมือไหว้ทักทายให้เกียรติกัน ทั้งพี่หนูอนุทิน พี่ศักดิ์สยาม พี่สรอรรถ พี่ชาดา พี่บุญลือ สัปดาห์ที่แล้วหลายคนจากภท. ก็ให้กำลังใจผมเต็มไปหมด แต่สุดท้าย ก็“ดูด” ส.ส.อนค.ไป... ช่วยกันถามหน่อยครับว่าเก่งมาจากไหนได้ไปทีเดียว 9 คน"
ตามมาด้วยการนำคลิปเสียงของ "ส.ส.ส้มหวาน" ที่คุยกับ" ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล" ออกมาแฉถึงการเจรจา "ดูด" ด้วยเงินจำนวน 23 ล้านบาท พร้อมมีลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรีมาล่อใจ...เป็นการดิสเครดิตกันไว้ล่วงหน้า
วันนี้ชัดเจนแล้วว่ามี ส.ส.9 คน เข้าสังกัด"พรรคภูมิใจไทย" เป็นที่เรียบร้อยประกอบด้วย นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น เขต 1, นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ เขต 2 , นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 1 , ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม เขต10 , นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 , นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ เขต 1 นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ส.ส.กทม. เขต 23 และนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคภูมิใจไทย ที่เดิมมีส.ส. 52คน เพิ่มเข้ามาอีก 9 คนรวมเป็น 61 คน แซงหน้าประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นพรรคอันดับ 2 ของฝั่งรัฐบาลทันที และเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ของพรรคการเมืองทั้งหมด
"เสี่ยหนู" ยืนยันว่าส.ส.ที่มาเข้าพรรค ไม่ได้มาตาม "แรงดูด" อย่างที่มีการปล่อยคลิปเสียงออกมา และคงไม่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอะไร ... บ้านหลังใหม่นี้ ไม่ใช่ว่าให้สมาชิกทุกคนมาอยู่ แล้วจะทำให้ตัวเองสุขสบายใจ แต่บ้านหลังนี้เข้ามาแล้วต้องทำให้ประชาชนสบายใจ ประโยชน์ต้องตกอยู่กับประชาชน ไม่ใช่ตกอยู่กับคนในบ้าน บ้านนี้เป็นบ้านของคนทำงาน...นี่คือเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย
และจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นนี้ จะไม่ใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มอย่างเด็ดขาด ...ขอเพียงแค่อย่ามาตัดใครออกไปก็พอ เพราะเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากมาเชิญลงในระหว่างทาง คงว่ายน้ำไม่ไหว ...
ส่วนที่ "ปิยบุตร" ทวีตข้อความ "เคยเจอกัน ยกมือไหว้กัน สุดท้ายมาดูด ส.ส. อยากถามว่าเก่งมาจากไหน" นั้น "อนุทิน" ก็ตอบกลับไปว่า ... เคารพนายปิยบุตรจะตาย ชอบความรู้ เพียงแต่ว่าบางอย่าง แนวทางไม่เหมือนกัน แต่เรื่ององค์ความรู้ ความสามารถ การอภิปราย อาจารย์เป็นคนมีความรู้เยอะ คุยกันไม่เคยเกิน 2 นาที เจอกันก็ยกมือไหว้ก่อนเท่านั้น...
ขณะที่ส.ส.ที่เพิ่งเข้าพรรคภูมิใจไทย อย่าง"วิรัช พันธุมะผล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ บอกว่า ไม่มีค่าตัวใดๆ ทั้งสิ้น มาด้วยใจ ไม่มีลังเล เพราะรู้จักกันมากว่า 20ปี ที่สำคัญคือ "รักเสี่ยหนูมากที่สุด" อยากมาร่วมงานด้วย
ส่วน "มณฑล โพธิ์คาย" ส.ส.กทม. บอกว่า "ฟางเส้นสุดท้าย" ที่ทำให้ตัดสินใจเช่นนี้ เพราะ แกนนำอนาคตใหม่ได้นำเอกสารการสมัครเข้าสังกัดพรรคการเมืองหนึ่งที่ยังไม่ระบุชื่อพรรคไม่มีรายละเอียดอะไร รวมทั้งแกนนำใหม่ก็ไม่ชัดเจน เพราะมีข่าวว่า หัวหน้าพรรคจะไม่ใช่ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ...นี่เท่ากับเป็นการ "มัดมือชก" กันชัดๆ จึงตัดสินใจได้ไม่ยาก... และเชื่อว่าอีกหลายคนก็คงคิดเช่นนี้
ปรากฏการณ์ "ผึ้งแตกรั้ง" อย่างที่เห็นน่าจะเป็นสิ่งยืนยันว่า "การบริหารจัดการ" ของอนาคตใหม่ อยู่ในมือของคนกลุ่มเดียว มีการแบ่งชั้นวรรณะ และคงไม่ต้องพูดถึง "ความโปร่งใส" ... ที่สำคัญคือ พวกเขาได้แบ่งฝ่ายไว้เอง ทำให้สังคมแตกแยก ดูถูกเหยียดหยามคนที่คิดต่าง และเหยียบย่ำหัวใจคนค่อนประเทศ ที่รักสถาบันกษัตริย์
แล้วสิ่งที่พวกเขาทำไว้ ก็กลับมาทำร้าย ทำลายพวกเขาเอง... ทำอะไรไว้ก็ได้รับผลอย่างนั้น !!
รูป- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา -ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
- อนุทิน ชาญวีรกูล- ปิยบุตร แสงกนกกุล