ผู้จัดการรายวัน 360 - สธ.ชี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยค่อนข้างคงตัว แต่ยังต้องเฝ้าระวังเข้ม โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง 8 จังหวัด "อนุทิน" สวนนักวิชาการต่างชาติ ลั่นไม่มีทางโกหกคนไทย 70 ล้านคน เพื่อปกปิดตัวเลขผู้ป่วย พร้อมแฉลูกเรือ‘เวสเตอร์ดัม’ดอดบินเข้าไทย แต่ถูกสั่งห้าม ยันเอาจริง ขณะที่ 137 คนไทยที่ฐานทัพสัตหีบ หลังกลับจากอู่ฮั่น เดินทางกลับบ้านแล้ว ทุกคนแข็งแรง ไม่ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนจีน เผยยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 2,000 ราย ติดเชื้อรวมกว่า 7.4 หมื่นราย
วานนี้ (19 ก.พ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 35 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 17 ราย เหลือนอนรักษาใน รพ. 18 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 957 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 857 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังอยู่ในรพ. 100 ราย
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ของประเทศจีนจะเริ่มดีขึ้น มีคนหายป่วยมากขึ้น คนอยู่ระหว่างการรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มาก ส่วนไทยสถานการณ์ก็ค่อนข้างคงตัว แต่เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้บริหารสธ.ได้ให้นโยบายมุ่งเฝ้าระวังคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยยกระดับการเฝ้าระวังใน 8 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง เป็นจังหวัดท่องเที่ยวและพบผู้ป่วยติดเชื้อ ได้แก่ กทม. ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และเชียงราย
ส่วนกรณีนักวิชาการต่างประเทศออกมาระบุว่า ไม่มั่นใจการรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของไทย ที่อาจต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าประเทศอื่น แต่ยังไม่มีการระบาดเป็นวงกว้าง นพ.โสภณ กล่าวว่า เมื่อประเทศอื่นทำดีกว่า เรามักมีคำถาม 2 แบบ คือ ทำดีได้อย่างไร และสงสัยว่าดีจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ในมุมของไทย เราต้องมั่นใจก่อนว่า ไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองสนามบินและ รพ. ก่อนหลายประเทศ และเป็นประเทศแรกที่ตรวจเจอผู้ป่วยนอกประเทศจีน และเรามีมาตรการเข้มข้นมาแต่แรก แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าติดต่อจากคนสู่คนหรือไม่ ขณะที่ประเทศอื่นอาจเริ่มช้ากว่า การทำเร็ว ประชาชนรับรู้เร็ว ตื่นตัวก่อนก็ทำอะไรได้มากกว่า นอกจากระบบเฝ้าระวังในสนามบิน ท่าเรือ รพ. ประชาชน ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ก็ยังลุกขึ้นมาทำในเชิงป้องกัน ก็ช่วยลดการแพร่เชื้อ
'อนุทิน' สวนต่างชาติลั่นไม่มีหมกเม็ดตัวเลขผู้ป่วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้วีดีโอคอลทางไกลมาจากประเทศสวีเดน เพื่อประชุมทางไกลกับผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข กรณีการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) กล่าวถึง กรณีที่มีสื่อบางสำนักระบุทางการไทยปิดบังตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ว่า ขอถามกลับ เราจะปิดบังไปทำไม ถ้าจะปิด เราคงไม่แจ้งพบผู้ติดเชื้อนอกแผ่นดินจีนเป็นประเทศแรก และที่ผ่านมาเราก็แจ้งยอดผู้ติดเชื้อ วิธีการรักษา อาการของคนป่วย และยอดการรักษาหายตลอด เราเชื่อมั่นว่าประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขไทยคือ หาให้เจอ แล้วรักษาให้หาย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการควบคุมโรค
ส่วนเรื่องที่นักวิชาการต่างชาติออกมาระบุ ไม่เชื่อมั่นมาตรการเฝ้าระวังควบคุมไวรัสโคโรนาในประเทศไทยเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมามากเป็นอันดับหนึ่งแต่กลับมียอดผู้ติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมากว่า จะมีประโยชน์อะไรกับการปกปิดข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่เราได้ทั้งหมดทุกวันนี้ก็ได้มาจากการปฏิบัติงานจริง เราเป็นประเทศแรกที่เจอผู้ป่วยนอกประเทศจีนและมาตรฐานของเราก็ดีอยู่แล้ว เราต้องรักษามาตรฐานของเราเอาไว้ อย่างไรก็ตามการปิดข้อมูลยิ่งจะมีแต่ทำให้เราต้องทำงานหนักขึ้น เพราะฉะนั้นไม่มีตรรกะไม่มีเหตุผลที่จะทำ เช่นนั้น
“เราไม่มีทางที่จะโกหกประชาชน 70 ล้านคน เรื่องนี้สำคัญ ซึ่งคนที่พูดว่าไม่มั่นใจนั้นไม่ได้อยู่ในเมืองไทยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเราทำงานกันอย่างไร ผมย้ำเสมอจำนวนผู้ป่วยไม่ใช่ตัวสะท้อนประสิทธิภาพแต่จำนวนการรักษาให้หายและควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดต่างหากที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพที่ดี และผมก็ยังอธิษฐานให้ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดหรือจำนวนผู้ป่วยน้อยหรือขอให้อยู่ในลำดับบ๊วย” นายอนุทิน กล่าว
สำหรับกรณีเรือเวสเตอร์ดัม ซึ่งจอดเทียบท่าที่กัมพูชา และมีรายงานผู้ติดเชื้อ ซึ่งต่อมาทางการไทยได้ห้ามผู้โดยสารและลูกเรือเข้าประเทศ แต่ปรากฏรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่ามีผู้โดยสารบางคนนั่งเครื่องบินมาจากกัมพูชา และพยายามจะเข้ามาที่ประเทศไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่าทางการไทยเอาจริง เราขอให้ทุกสายการบินเข้าใจว่าทางการไทยขอความร่วมมือ เพราะไม่อยากออกเป็นคำสั่ง แต่เรามีความเด็ดขาด จากนี้ต้องคุยกับทุกสายการบิน ว่าเวลานี้ เราไม่รับผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัม หากรับมาแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น สายการบินต้องรับผิดชอบเอง
ส่ง 137 คนไทยกลับบ้าน
ขณะเดียวกันที่ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พล.ร.ท.วราห์ แทนขำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ร่วมส่งคนไทยจากอู่ฮั่นกลับภูมิลำเนา จำนวน 137 คน หลังครบระยะเวลาเฝ้าระวังควบคุมอาการ 14 วัน ตามมาตรฐานสากล โดยคนไทยทั้งหมดสุขภาพแข็งแรงตั้งแต่รับเข้าสู่การเฝ้าระวัง และจากการตรวร่างกายไม่พบเชื้อโรคโควิด-19 ตั้งแต่แรกรับ และมีเพียง 1 ราย ที่มีอาการอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังและถูกส่งตัวไปดูแลในห้องแยกที่โรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งขณะนี้อาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จีนเผยยอดผู้ป่วยเสียชีวิตดับทะลุ 2,000 ราย
ด้านคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับการยืนยันผลเพิ่มขึ้น 1,749 ราย และผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 136 ราย ในวันอังคาร (18 ก.พ.) และมีผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 1,185 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น 236 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้น 1,824 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื่อในจีนรวม 74,185 ราย เสียชีวิตรวม 2,004 ราย
ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยต้องสงสัยรวมอยู่ที่ 5,248 ราย ผู้ป่วยอาการรุนแรงรวมอยู่ที่ 11,977 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 14,376 ราย
วานนี้ (19 ก.พ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 35 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 17 ราย เหลือนอนรักษาใน รพ. 18 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสม 957 ราย ให้กลับบ้านแล้ว 857 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังอยู่ในรพ. 100 ราย
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ของประเทศจีนจะเริ่มดีขึ้น มีคนหายป่วยมากขึ้น คนอยู่ระหว่างการรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มาก ส่วนไทยสถานการณ์ก็ค่อนข้างคงตัว แต่เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้บริหารสธ.ได้ให้นโยบายมุ่งเฝ้าระวังคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยยกระดับการเฝ้าระวังใน 8 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง เป็นจังหวัดท่องเที่ยวและพบผู้ป่วยติดเชื้อ ได้แก่ กทม. ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และเชียงราย
ส่วนกรณีนักวิชาการต่างประเทศออกมาระบุว่า ไม่มั่นใจการรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของไทย ที่อาจต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าประเทศอื่น แต่ยังไม่มีการระบาดเป็นวงกว้าง นพ.โสภณ กล่าวว่า เมื่อประเทศอื่นทำดีกว่า เรามักมีคำถาม 2 แบบ คือ ทำดีได้อย่างไร และสงสัยว่าดีจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ในมุมของไทย เราต้องมั่นใจก่อนว่า ไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองสนามบินและ รพ. ก่อนหลายประเทศ และเป็นประเทศแรกที่ตรวจเจอผู้ป่วยนอกประเทศจีน และเรามีมาตรการเข้มข้นมาแต่แรก แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าติดต่อจากคนสู่คนหรือไม่ ขณะที่ประเทศอื่นอาจเริ่มช้ากว่า การทำเร็ว ประชาชนรับรู้เร็ว ตื่นตัวก่อนก็ทำอะไรได้มากกว่า นอกจากระบบเฝ้าระวังในสนามบิน ท่าเรือ รพ. ประชาชน ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ก็ยังลุกขึ้นมาทำในเชิงป้องกัน ก็ช่วยลดการแพร่เชื้อ
'อนุทิน' สวนต่างชาติลั่นไม่มีหมกเม็ดตัวเลขผู้ป่วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้วีดีโอคอลทางไกลมาจากประเทศสวีเดน เพื่อประชุมทางไกลกับผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข กรณีการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) กล่าวถึง กรณีที่มีสื่อบางสำนักระบุทางการไทยปิดบังตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ว่า ขอถามกลับ เราจะปิดบังไปทำไม ถ้าจะปิด เราคงไม่แจ้งพบผู้ติดเชื้อนอกแผ่นดินจีนเป็นประเทศแรก และที่ผ่านมาเราก็แจ้งยอดผู้ติดเชื้อ วิธีการรักษา อาการของคนป่วย และยอดการรักษาหายตลอด เราเชื่อมั่นว่าประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขไทยคือ หาให้เจอ แล้วรักษาให้หาย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการควบคุมโรค
ส่วนเรื่องที่นักวิชาการต่างชาติออกมาระบุ ไม่เชื่อมั่นมาตรการเฝ้าระวังควบคุมไวรัสโคโรนาในประเทศไทยเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมามากเป็นอันดับหนึ่งแต่กลับมียอดผู้ติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมากว่า จะมีประโยชน์อะไรกับการปกปิดข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่เราได้ทั้งหมดทุกวันนี้ก็ได้มาจากการปฏิบัติงานจริง เราเป็นประเทศแรกที่เจอผู้ป่วยนอกประเทศจีนและมาตรฐานของเราก็ดีอยู่แล้ว เราต้องรักษามาตรฐานของเราเอาไว้ อย่างไรก็ตามการปิดข้อมูลยิ่งจะมีแต่ทำให้เราต้องทำงานหนักขึ้น เพราะฉะนั้นไม่มีตรรกะไม่มีเหตุผลที่จะทำ เช่นนั้น
“เราไม่มีทางที่จะโกหกประชาชน 70 ล้านคน เรื่องนี้สำคัญ ซึ่งคนที่พูดว่าไม่มั่นใจนั้นไม่ได้อยู่ในเมืองไทยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเราทำงานกันอย่างไร ผมย้ำเสมอจำนวนผู้ป่วยไม่ใช่ตัวสะท้อนประสิทธิภาพแต่จำนวนการรักษาให้หายและควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดต่างหากที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพที่ดี และผมก็ยังอธิษฐานให้ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดหรือจำนวนผู้ป่วยน้อยหรือขอให้อยู่ในลำดับบ๊วย” นายอนุทิน กล่าว
สำหรับกรณีเรือเวสเตอร์ดัม ซึ่งจอดเทียบท่าที่กัมพูชา และมีรายงานผู้ติดเชื้อ ซึ่งต่อมาทางการไทยได้ห้ามผู้โดยสารและลูกเรือเข้าประเทศ แต่ปรากฏรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่ามีผู้โดยสารบางคนนั่งเครื่องบินมาจากกัมพูชา และพยายามจะเข้ามาที่ประเทศไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่าทางการไทยเอาจริง เราขอให้ทุกสายการบินเข้าใจว่าทางการไทยขอความร่วมมือ เพราะไม่อยากออกเป็นคำสั่ง แต่เรามีความเด็ดขาด จากนี้ต้องคุยกับทุกสายการบิน ว่าเวลานี้ เราไม่รับผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัม หากรับมาแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น สายการบินต้องรับผิดชอบเอง
ส่ง 137 คนไทยกลับบ้าน
ขณะเดียวกันที่ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พล.ร.ท.วราห์ แทนขำ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ร่วมส่งคนไทยจากอู่ฮั่นกลับภูมิลำเนา จำนวน 137 คน หลังครบระยะเวลาเฝ้าระวังควบคุมอาการ 14 วัน ตามมาตรฐานสากล โดยคนไทยทั้งหมดสุขภาพแข็งแรงตั้งแต่รับเข้าสู่การเฝ้าระวัง และจากการตรวร่างกายไม่พบเชื้อโรคโควิด-19 ตั้งแต่แรกรับ และมีเพียง 1 ราย ที่มีอาการอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังและถูกส่งตัวไปดูแลในห้องแยกที่โรงพยาบาลชลบุรี ซึ่งขณะนี้อาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จีนเผยยอดผู้ป่วยเสียชีวิตดับทะลุ 2,000 ราย
ด้านคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับการยืนยันผลเพิ่มขึ้น 1,749 ราย และผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 136 ราย ในวันอังคาร (18 ก.พ.) และมีผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 1,185 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น 236 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้เพิ่มขึ้น 1,824 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื่อในจีนรวม 74,185 ราย เสียชีวิตรวม 2,004 ราย
ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยต้องสงสัยรวมอยู่ที่ 5,248 ราย ผู้ป่วยอาการรุนแรงรวมอยู่ที่ 11,977 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 14,376 ราย