ผู้จัดการรายวัน360 – “สยามไบโอไซเอนซ์” สานต่อพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช สู่รายแรกในอาเซียนที่ผลิตยาแบบชีววัตถุได้ ลุ้นผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐานออสเตรเลีย จ่อเปิดตลาดยุโรป
บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท ซึ่งการถือกำเนิดของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกิดจากพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำรัส ดังกล่าวไว้ในเรื่องสุขภาพของประชาชน ด้วยทรงเห็นว่า ‘คน’ ปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ สร้างความพอมี พอกิน จึงทรงให้ความสำคัญในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพของประชาชน เพื่อการพัฒนาประโยชน์สุขให้เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติ
นายอภิพร ภาษวัธน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท กล่าวว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เล็งเห็นว่าควรจะสานต่อพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำเรื่องราวเกี่ยวกับยา เพื่อให้ประชาชนชาวไทย สามารถได้รับยาที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูง ในราคาที่ถูกลง ลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย ดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย จึงได้ตั้งบริษัทฯดังกล่าวขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2552
โดยมีโรงงานตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 37 ไร่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ที่สามารถคิดค้น พัฒนา ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา และจัดจำหน่ายยาชีววัตถุ ที่สามารถผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบยาจากภายนอก โดยราคาถูกกว่ายานำเข้าจากต่างประเทศ 30-40%
ดร.ทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า สยามไบโอฯเป็นศูนย์การวิจัยและผลิตยาในที่เดียว มีเครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
ส่วนบริษัทร่วมทุนหลัก คือ “บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด” (Apexcela) ตั้งขึ้นใน พ.ศ.2553 ดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และการขาย ทั้งในประเทศและส่งออก พัฒนาธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยยาตัวแรกที่ออกสู่ตลาดแล้วคือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวาย ยาตัวที่ 2 คือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ
นางสาวนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า ตอนที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์เครื่องสำอาง Ardermis และก่อนที่จะรับหน้าที่ตำแหน่งดังกล่าว ได้มาโรงงาน 2-3 ครั้ง ตอนที่รู้จัก Ardermis ตอนนั้นยอมรับตื่นเต้น เห็นว่า ประเทศไทยมีเวชสำอาง ที่มีคุณภาพไม่แพ้ประเทศในแถบยุโรป ต้องดูให้มั่นใจ ก่อนจะมารับหน้าที่ตรงนี้ และปัจจุบัน Ardermis ยังผ่านการ Certified in GERMANY
ในปี 2560 ส่วนของเวชสำอาง ทาง บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดูแลคือ “บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด” ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชีวเวชสำอาง ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเส้นผม และผลิตภัณฑ์ดูแลแผล จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกในชื่อแบรนด์ Ardermis และ Uderma
นายธวัชชัย พิเศษกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเพ็กเซล่า จำกัด กล่าวถึงแนวทางการทำตลาด ว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุมีเพิ่มขึ้นทุกปีไม่ต่ำกว่า 5 เท่า ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถผลิตยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐาน เพราะได้ผู้ร่วมลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตยาอันดับหนึ่งของโลก จากประเทศคิวบา และล่าสุด ได้ส่งผลิตภัณฑ์ยาของเราไปทดสอบที่ ประเทศออสเตรเลีย ถ้าสามารถผ่านมาตรฐานที่ออสเตรเลียได้ ทำให้สามารถส่งผลิตภัณฑ์ของเราไปจำหน่ายยังประเทศในแถบยุโรปได้ ปัจจุบัน มีส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา เมียนมา และศรีลังกา
บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท ซึ่งการถือกำเนิดของ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกิดจากพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระราชดำรัส ดังกล่าวไว้ในเรื่องสุขภาพของประชาชน ด้วยทรงเห็นว่า ‘คน’ ปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ สร้างความพอมี พอกิน จึงทรงให้ความสำคัญในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพของประชาชน เพื่อการพัฒนาประโยชน์สุขให้เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติ
นายอภิพร ภาษวัธน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท กล่าวว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เล็งเห็นว่าควรจะสานต่อพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำเรื่องราวเกี่ยวกับยา เพื่อให้ประชาชนชาวไทย สามารถได้รับยาที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูง ในราคาที่ถูกลง ลดการพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางยาแก่สาธารณสุขของไทย ดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย จึงได้ตั้งบริษัทฯดังกล่าวขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2552
โดยมีโรงงานตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 37 ไร่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ที่สามารถคิดค้น พัฒนา ผลิตวัตถุดิบยา ผลิตยา บรรจุยา และจัดจำหน่ายยาชีววัตถุ ที่สามารถผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบยาจากภายนอก โดยราคาถูกกว่ายานำเข้าจากต่างประเทศ 30-40%
ดร.ทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า สยามไบโอฯเป็นศูนย์การวิจัยและผลิตยาในที่เดียว มีเครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ แบบครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
ส่วนบริษัทร่วมทุนหลัก คือ “บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด” (Apexcela) ตั้งขึ้นใน พ.ศ.2553 ดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และการขาย ทั้งในประเทศและส่งออก พัฒนาธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยยาตัวแรกที่ออกสู่ตลาดแล้วคือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวาย ยาตัวที่ 2 คือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ
นางสาวนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า ตอนที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์เครื่องสำอาง Ardermis และก่อนที่จะรับหน้าที่ตำแหน่งดังกล่าว ได้มาโรงงาน 2-3 ครั้ง ตอนที่รู้จัก Ardermis ตอนนั้นยอมรับตื่นเต้น เห็นว่า ประเทศไทยมีเวชสำอาง ที่มีคุณภาพไม่แพ้ประเทศในแถบยุโรป ต้องดูให้มั่นใจ ก่อนจะมารับหน้าที่ตรงนี้ และปัจจุบัน Ardermis ยังผ่านการ Certified in GERMANY
ในปี 2560 ส่วนของเวชสำอาง ทาง บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดูแลคือ “บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด” ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชีวเวชสำอาง ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเส้นผม และผลิตภัณฑ์ดูแลแผล จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกในชื่อแบรนด์ Ardermis และ Uderma
นายธวัชชัย พิเศษกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเพ็กเซล่า จำกัด กล่าวถึงแนวทางการทำตลาด ว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุมีเพิ่มขึ้นทุกปีไม่ต่ำกว่า 5 เท่า ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถผลิตยาชีววัตถุที่ได้มาตรฐาน เพราะได้ผู้ร่วมลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตยาอันดับหนึ่งของโลก จากประเทศคิวบา และล่าสุด ได้ส่งผลิตภัณฑ์ยาของเราไปทดสอบที่ ประเทศออสเตรเลีย ถ้าสามารถผ่านมาตรฐานที่ออสเตรเลียได้ ทำให้สามารถส่งผลิตภัณฑ์ของเราไปจำหน่ายยังประเทศในแถบยุโรปได้ ปัจจุบัน มีส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา เมียนมา และศรีลังกา