ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า ที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ รุกที่ป่าสงวนว่า เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นมาแล้ว วันนี้ฝ่ายกฎหมายของ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ จะหารือร่วมกันถึงแนวทางการดำเนินการ โดยให้หลักการว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนกระแสวิจารณ์ว่า จะปกป้องน.ส.ปารีณา เพราะเป็น ส.ส.รัฐบาลนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น หรือนักการเมืองระดับชาติ ต้องยึดหลักกฎหมายฉบับเดียวกัน และบังคับใช้ด้วยความยุติธรรม และได้สั่งการให้ ส.ป.ก.ทุกจังหวัด ตรวจสอบที่ดินของนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติ โดยขณะนี้มีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า เขาสนฟาร์ม หรือ ฟาร์มไก่ ของตนในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีสถานะเป็นป่า โดยมีการระบุว่า ยังไม่เพิกถอนสภาพเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จนกว่าจัดสรรกระจายสิทธิที่ดินส.ป.ก.แล้วเสร็จ และมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า เรื่องนี้ยังไม่ใช่การตัดสินของศาลฎีกา เป็นแค่การตีความของกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ตนยืนยันว่า จะสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะไม่ได้บุกรุกป่า และจะต่อสู้กับกฤษฎีกาด้วย
เมื่อถามว่า ในฐานะส.ส. หากต้องขึ้นศาลในช่วงสมัยประชุม จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ส.ส. และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาฯ แล้วแต่ประธานสภาฯ จะว่าอย่างไร ตนเองไม่มีปัญหาอะไร และยังไม่รู้ว่าจะถูกดำเนินคดีอะไร เพราะทางป่าไม้ และ ส.ป.ก. ก็ยังไม่มีหนังสือส่งถึงตนให้ไปชี้แจง และยังไม่ทราบว่า ทั้ง ส.ป.ก. และป่าไม้ ใครจะเป็นคนดำเนินคดี
ส่วนหากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นัดนำชี้พื้นที่ พร้อมจะไปหรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตามที่อธิบดีกรมป่าไม้เคยชี้แจงไปก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่ 1,700 ไร่ อยู่ตรงไหนบ้าง อธิบดีก็บอกว่า ไม่แน่ใจ แต่จะดูจากร่องรอย และก็เป็นสิทธิ์ของตน ไม่สามารถไปบีบบังคับได้
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ใช้เส้นสายของรัฐมนตรี ในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐ ไม่ดำเนินคดีนี้ น.ส.ปารีณา กล่าวว่าไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่า เป็นคำกล่าวหาจากสังคม และสื่อมวลชนบางฝ่าย ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทุกคนก็เห็นว่า ตนถูกปฏิบัติเกินกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ชาวบ้านประกาศให้ออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน แต่ของตนถูกประกาศให้ออกจากพื้นที่ ภายใน 7 วัน ตนถูกกระทำเยอะมาก หรือเพราะว่าตนชื่อปารีณา ทุกคนจึงมาทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม จากนี้ตนจะปกป้องตัวเอง ก่อนหน้านี้มีฝ่ายตรงข้าม ออกมาโจมตี นำคดีมาเทียบเคียง ถ้าใครพูดอะไร ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด ตนจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเหมือนที่ผ่านมา
ด้านนายทศพล เพ็งส้ม ทีมกฎหมาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราพยายามตรวจสอบทุกพื้นที่ที่มีการออก พ.ร.ก.ปฏิรูปที่ดิน ว่ามีการดำเนินการของ ส.ป.ก. อย่างไร ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ใครจะเป็นคนแจ้งก่อน เพราะกฎหมายของกรมป่าไม้ กับ ส.ป.ก.เวลาสู้คดีใช้คนละฉบับ และความเป็นจริง เรื่องไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงต้องไปสอบผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเท่าที่สอบถาม น.ส.ปารีณา ทราบว่า ส.ป.ก. ยังไม่ได้ไปดำเนินการสอบข้อเท็จจริง และเราได้ทราบจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่า มีอยู่ส่วนหนึ่งของการดำเนินการของ ส.ป.ก. ที่ระบุว่า เมื่อใดก็แล้วแต่ที่มีงบประมาณ หรือทำแผน ในที่นี้เราจึงต้องไปตรวจสอบว่า ที่ดินที่ประกาศกฤษฎีกาแล้ว มีการยกเลิก และกลับมาประกาศใหม่ส.ป.ก.ได้มีการวางแผนอะไรหรือไม่ ซึ่งต้องไปดูว่า ที่ดินที่ราชบุรี ที่ส.ป.ก. ให้ดำเนินการ ได้มีการจัดสรรงบประมาณไปเมื่อไหร่ และที่น่าสังเกตคือ บางคนที่ประกาศออกกฤษฎีกา จนถึงปัจจุบัน บางแปลงมีการออกโฉนดที่ดินไปแล้ว เราจึงมีข้อสงสัยว่า ทำไมบางแปลงออก บางแปลงไม่ออก ไม่ได้อยู่ในผืนเดียวกันหรือ อีกทั้งพบว่า เอกสารที่เกษตรอำเภอ ไม่มี หายหมด ดังนั้น เราสงสัยว่า ข้อเท็จจริงที่ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ได้มานั้น ได้มาได้อย่างไร ทั้งนี้ ในวันนี้ตนในฐานะทีมทนายที่ต่อสู้คดีให้ น.ส.ปารีณา เรามีแนวคิดอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และต่อสู้ทางคดี ไม่ใช่การตอบโต้ทางสังคม
ส่วนกระแสวิจารณ์ว่า จะปกป้องน.ส.ปารีณา เพราะเป็น ส.ส.รัฐบาลนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น หรือนักการเมืองระดับชาติ ต้องยึดหลักกฎหมายฉบับเดียวกัน และบังคับใช้ด้วยความยุติธรรม และได้สั่งการให้ ส.ป.ก.ทุกจังหวัด ตรวจสอบที่ดินของนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติ โดยขณะนี้มีข้อมูลอยู่ในมือแล้ว ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร และจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า เขาสนฟาร์ม หรือ ฟาร์มไก่ ของตนในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี มีสถานะเป็นป่า โดยมีการระบุว่า ยังไม่เพิกถอนสภาพเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จนกว่าจัดสรรกระจายสิทธิที่ดินส.ป.ก.แล้วเสร็จ และมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า เรื่องนี้ยังไม่ใช่การตัดสินของศาลฎีกา เป็นแค่การตีความของกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล ไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ตนยืนยันว่า จะสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะไม่ได้บุกรุกป่า และจะต่อสู้กับกฤษฎีกาด้วย
เมื่อถามว่า ในฐานะส.ส. หากต้องขึ้นศาลในช่วงสมัยประชุม จะไม่ใช้เอกสิทธิ์ส.ส. และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย หรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาฯ แล้วแต่ประธานสภาฯ จะว่าอย่างไร ตนเองไม่มีปัญหาอะไร และยังไม่รู้ว่าจะถูกดำเนินคดีอะไร เพราะทางป่าไม้ และ ส.ป.ก. ก็ยังไม่มีหนังสือส่งถึงตนให้ไปชี้แจง และยังไม่ทราบว่า ทั้ง ส.ป.ก. และป่าไม้ ใครจะเป็นคนดำเนินคดี
ส่วนหากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นัดนำชี้พื้นที่ พร้อมจะไปหรือไม่ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ตามที่อธิบดีกรมป่าไม้เคยชี้แจงไปก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่ 1,700 ไร่ อยู่ตรงไหนบ้าง อธิบดีก็บอกว่า ไม่แน่ใจ แต่จะดูจากร่องรอย และก็เป็นสิทธิ์ของตน ไม่สามารถไปบีบบังคับได้
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ใช้เส้นสายของรัฐมนตรี ในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อช่วยให้หน่วยงานรัฐ ไม่ดำเนินคดีนี้ น.ส.ปารีณา กล่าวว่าไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นอยู่แล้วว่า เป็นคำกล่าวหาจากสังคม และสื่อมวลชนบางฝ่าย ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทุกคนก็เห็นว่า ตนถูกปฏิบัติเกินกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ชาวบ้านประกาศให้ออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน แต่ของตนถูกประกาศให้ออกจากพื้นที่ ภายใน 7 วัน ตนถูกกระทำเยอะมาก หรือเพราะว่าตนชื่อปารีณา ทุกคนจึงมาทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม จากนี้ตนจะปกป้องตัวเอง ก่อนหน้านี้มีฝ่ายตรงข้าม ออกมาโจมตี นำคดีมาเทียบเคียง ถ้าใครพูดอะไร ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด ตนจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำเหมือนที่ผ่านมา
ด้านนายทศพล เพ็งส้ม ทีมกฎหมาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราพยายามตรวจสอบทุกพื้นที่ที่มีการออก พ.ร.ก.ปฏิรูปที่ดิน ว่ามีการดำเนินการของ ส.ป.ก. อย่างไร ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ใครจะเป็นคนแจ้งก่อน เพราะกฎหมายของกรมป่าไม้ กับ ส.ป.ก.เวลาสู้คดีใช้คนละฉบับ และความเป็นจริง เรื่องไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว จึงต้องไปสอบผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเท่าที่สอบถาม น.ส.ปารีณา ทราบว่า ส.ป.ก. ยังไม่ได้ไปดำเนินการสอบข้อเท็จจริง และเราได้ทราบจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่า มีอยู่ส่วนหนึ่งของการดำเนินการของ ส.ป.ก. ที่ระบุว่า เมื่อใดก็แล้วแต่ที่มีงบประมาณ หรือทำแผน ในที่นี้เราจึงต้องไปตรวจสอบว่า ที่ดินที่ประกาศกฤษฎีกาแล้ว มีการยกเลิก และกลับมาประกาศใหม่ส.ป.ก.ได้มีการวางแผนอะไรหรือไม่ ซึ่งต้องไปดูว่า ที่ดินที่ราชบุรี ที่ส.ป.ก. ให้ดำเนินการ ได้มีการจัดสรรงบประมาณไปเมื่อไหร่ และที่น่าสังเกตคือ บางคนที่ประกาศออกกฤษฎีกา จนถึงปัจจุบัน บางแปลงมีการออกโฉนดที่ดินไปแล้ว เราจึงมีข้อสงสัยว่า ทำไมบางแปลงออก บางแปลงไม่ออก ไม่ได้อยู่ในผืนเดียวกันหรือ อีกทั้งพบว่า เอกสารที่เกษตรอำเภอ ไม่มี หายหมด ดังนั้น เราสงสัยว่า ข้อเท็จจริงที่ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ได้มานั้น ได้มาได้อย่างไร ทั้งนี้ ในวันนี้ตนในฐานะทีมทนายที่ต่อสู้คดีให้ น.ส.ปารีณา เรามีแนวคิดอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรให้ข้อเท็จจริงปรากฏ และต่อสู้ทางคดี ไม่ใช่การตอบโต้ทางสังคม