“ทนายษิทรา” โร่มอบตัวตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน หลังรู้ข่าวศาลออกหมายจับข้อหาเบิกความเท็จต่อศาล สวนทางกับตำรวจชุดสืบสวนบุกไปจับที่สำนักงาน
วานนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ณวัฒน์ ศุกลรัตน์ ผู้กำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน นำหมายศาลจังหวัดสมุทรสาครเดินทางมายังอาคารพาณิชย์ ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานทนายความษิทรา เบี้ยบังเกิด ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน แต่ไม่พบตัว นายษิทรา หรือทนายตั้ม ชุดสืบสวนฯ จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.กระทุ่มแบน
จนเมื่อเวลา 10.00 น. นายษิทรา ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์เข้ามาที่ สภ.กระทุ่มแบน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนตามหมายจับของศาลในข้อหานำสืบพยานหลักฐานเท็จ ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 216/2563 ในข้อหา ร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี
เมื่อเดินทางมาถึง นายษิทราได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายษิทราจะถูกคุมตัวออกจากห้องสืบสวนมายังห้องสอบสวน มี พ.ต.ท.พีรวุฒิ พีระวุฒิพันธุ์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน ทำการสอบปากคำ ขณะที่ทีมงานของทนายษิทรา ได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 150,000 บาท เพื่อยื่นขอประกันตัว
นายษิทรากล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 22.00 น. ตนเองได้เข้ามามอบตัวที่ สภ.กระทุ่มแบนแล้วหลังได้ทราบกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับตั้งแต่ 2 ทุ่ม แต่ตำรวจไม่รับมอบตัว และมาขอศาลออกหมายค้นบ้าน และสำนักงานกฎหมายของตนเอง ส่วนเรื่องคดีที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับที่ตนมีปัญหากับคนในวงการสีกากีหรือไม่นั้น อยากขอให้สื่อมวลชนพิจารณาเอาเอง ยืนยันได้เพียงว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องกลัว
สำหรับคดีนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด อายุ 39 ปี และ ร.ต.อ.ทวีป หรือพชรวรรษ สุขชู อายุ 58 ปี ในข้อหาร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี กรณีที่ทั้ง 2 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีของนายธีรวัฒน์ หรือออย บุญรอด จำเลยในคดียาเสพติดที่ถูกจับกุม โดยมีการกล่าวหาว่าทั้ง 2 คนร่วมกันนำสืบและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ทำให้นายธีรวัฒน์ได้รับโทษน้อยลง ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ที่มีศาลได้ออกหมายจับนายษิทธาไว้
วานนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ณวัฒน์ ศุกลรัตน์ ผู้กำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน นำหมายศาลจังหวัดสมุทรสาครเดินทางมายังอาคารพาณิชย์ ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานทนายความษิทรา เบี้ยบังเกิด ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน แต่ไม่พบตัว นายษิทรา หรือทนายตั้ม ชุดสืบสวนฯ จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.กระทุ่มแบน
จนเมื่อเวลา 10.00 น. นายษิทรา ได้ซ้อนรถจักรยานยนต์เข้ามาที่ สภ.กระทุ่มแบน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนตามหมายจับของศาลในข้อหานำสืบพยานหลักฐานเท็จ ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 216/2563 ในข้อหา ร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี
เมื่อเดินทางมาถึง นายษิทราได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายษิทราจะถูกคุมตัวออกจากห้องสืบสวนมายังห้องสอบสวน มี พ.ต.ท.พีรวุฒิ พีระวุฒิพันธุ์ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน ทำการสอบปากคำ ขณะที่ทีมงานของทนายษิทรา ได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 150,000 บาท เพื่อยื่นขอประกันตัว
นายษิทรากล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 22.00 น. ตนเองได้เข้ามามอบตัวที่ สภ.กระทุ่มแบนแล้วหลังได้ทราบกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับตั้งแต่ 2 ทุ่ม แต่ตำรวจไม่รับมอบตัว และมาขอศาลออกหมายค้นบ้าน และสำนักงานกฎหมายของตนเอง ส่วนเรื่องคดีที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับที่ตนมีปัญหากับคนในวงการสีกากีหรือไม่นั้น อยากขอให้สื่อมวลชนพิจารณาเอาเอง ยืนยันได้เพียงว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องกลัว
สำหรับคดีนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด อายุ 39 ปี และ ร.ต.อ.ทวีป หรือพชรวรรษ สุขชู อายุ 58 ปี ในข้อหาร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี กรณีที่ทั้ง 2 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีของนายธีรวัฒน์ หรือออย บุญรอด จำเลยในคดียาเสพติดที่ถูกจับกุม โดยมีการกล่าวหาว่าทั้ง 2 คนร่วมกันนำสืบและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ทำให้นายธีรวัฒน์ได้รับโทษน้อยลง ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ที่มีศาลได้ออกหมายจับนายษิทธาไว้