xs
xsm
sm
md
lg

วิตกไวรัสหุ้นดิ่งหนักกว่า45จุด ตลท.เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตูม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360-ไวรัสโคโรนา ลามตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติทิ้ง 2.7 พันล้าน กดดัชนีดิ่งหนักกว่า 45 จุด ปิดที่ 1,524.15 จุด มูลค่าการซื้อขายเฉียด 7 หมื่นล้านบาท "สมคิด" มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่งช่วยพยุงตลาดหุ้นฟื้น แม้ไวรัสอู่ฮั่นจะกระทบท่องเที่ยวไทยในระยะสั้น "ภากร" ผู้จัดการตลาดหุ้นเตือนนักลงทุนพิจารณาผลกระทบให้รอบด้าน เหตุยังมีกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบ ย้ำมาตรการ Circuit Breaker ดูแลได้ แต่ไม่น่าจะได้ใช้ ด้านนักการเงินชี้อาจเป็นแรงกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 ม.ค.) นักลงทุนต่างเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักและต่อเนื่องตั้งแต่เปิดการซื้อขายในภาคเช้า จากความกังวลผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ของจีน ไปยังประเทศต่างๆ หลายประเทศ ขณะที่ในจีนเองก็ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แถมมีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายปรับลดลงมาเคลื่อนไหวติดลบไปกว่า 50 จุด แตะระดับต่ำสุดที่ 1,519.03 จุด ระดับสูงสุดที่ 1,548.11 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,524.15 จุด ลดลงจากวันก่อน 45.40 จุด หรือคิดเป็น 2.89% มูลค่าการซื้อขายรวม 69,174.18 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,733.27 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,492.20 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,625.43 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 7,850.89 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาปิด 68.75 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือคิดเป็น 3.85% มูลค่าการซื้อขาย 6,708.95 ล้านบาท บมจ.ปตท. (PTT) ราคาปิด 43.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 3.87% มูลค่า 3,604.74 ล้านบาท และบมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ราคาปิด 26.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.94% มูลค่า 3,280.35 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดหุ้นสำคัญๆ ในภูมิภาคเอเชียต่างปิดทำการ เนื่องในวันหยุดชดเชยเทศกาลตรุษจีน ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ยกเว้นตลาดหุ้นโตเกียว ของญี่ปุ่น ที่เปิดทำการ และดัชนีนิกเกอิ ได้ปรับตัวลดลงหนักเช่นเดียวกัน ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 23,343.51 จุด ลดลง 483.67 จุด หรือคิดเป็น 2.03%

"สมคิด" ชี้กระทบท่องเที่ยวไทยระยะสั้น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงอย่างหนักกว่า 40 จุด เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก จากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่เชื่อว่าจากพื้นฐานของไทยที่แข็งแกร่งจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้ และกระทบกับภาคการท่องเที่ยวไทยในระยะสั้น เพราะเชื่อทางการจีนจะสามารถควบคุมสถานการได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน คนไทยต้องช่วยกันหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น พร้อมดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอินเดีย

ส่วนปัญหางบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่อาจต้องล่าช้าออกไปนั้น ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมหาแนวทางเพื่อให้สภาพคล่องหมุนเวียนได้ดี แต่ขอให้รอความชัดเจนก่อน

ผู้จัดการตลาดหุ้น รับฉุดหุ้นไทยร่วงหนัก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากจีน นักลงทุนจึงเทขายหุ้นไทยมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งและท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบริโภค ก็ถูกแรงเทขายออกมาด้วยทั้งๆที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไร และเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนติดตามผลกระทบรอบด้านให้ชัดเจน

“ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา กระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนถึง 30 % ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย ขอให้นักลงทุนพิจารณาว่ากลุ่มธุรกิจใดได้รับผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบบ้าง วันนี้นักลงทุน Over Reaction เพราะกังวลมาก ดังนั้นจึงเทขายออกมาในหุ้นทุกกลุ่ม รวมทั้งกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบด้วย ” นายภากร กล่าว

นายภากรกล่าวว่า ได้รายงานสถานการณ์หุ้นตกต่อกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติที่ต้องรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่กำกับดูแลทราบ ซึ่งตลท.ยืนยันว่ามาตรการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) กรณีที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงถึง 10% สามารถรับมือกับภาวะหุ้นตกได้ แต่ก็เชื่อว่าในวันนี้คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องนำมาใช้

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ (KTBST SEC) เปิดเผยว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกับตลาดในภูมิภาค จากปัจจัยความกังวลเรื่องการระบาดของโรค และคาดว่าการซื้อขายถูกจำกัดและนักลงทุนยังไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น แต่ KTBST มองว่าหุ้นส่วนใหญ่ที่ราคาอ่อนตัวลงมามากอาจมีแรงซื้อกลับมา โดยเฉพาะหุ้นที่อ้างอิงกับท่องเที่ยวที่ต้องจับตามองเพราะอาจปรับตัวลงต่อได้ ถ้าสถานการณ์ไวรัสระบาดมากขึ้น โดยหุ้นที่ KTBST แนะนำได้แก่ BDMS, CPF, COM7, LH , EA, , TOA และ GUNKUL มองกรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,520-1,550 จุด

บาทอ่อน-ห่วงโคโรนา-กดดันกนง.ลดดบ.

ด้านนักบริหารจากธนาคารพาณิชย์รายงานเงินบาทวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ30.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากช่วงเปิดตลาดที่ 30.64 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยมาจากความกังวลสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้มีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเงินบาทได้อ่อนค่าสุดของวันที่ 30.72 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และแข็งค่าสุดของวันที่ 30.62 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่วนวันนี้คาดการณ์เงินบาทอยู่ในกรอบ 30.65-30.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40-30.80 ต่อเหรียญสหรัฐ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.54 ต่อเหรียญสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือน โดยนักลงทุนจะติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วโลก ในเบื้องต้นองค์การอนามัยโลกระบุว่าการระบาดนี้ ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินในจีน โดยตลาดกังวลว่าหากยังไม่สามารถควบคุมได้จะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกซึ่งเพิ่งจะเริ่มมีสัญญาณเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค.2563 ซึ่งคาดว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยตามเดิม ส่วนการประชุมธนาคารอังกฤษ (บีโออี) วันที่ 30 ม.ค.2563 อาจมีมติลดดอกเบี้ยลง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ความเชื่อมโยงทางด้านสินค้าและบริการระหว่างไทยกับจีนสร้างความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในช่วงเทศกาลตรุษจีนต่อภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท ทำให้เราปรับมุมมองโดยประเมินว่ามีโอกาสมากขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่จุดต่ำสุดครั้งใหม่ในช่วงต้นปีนี้ หากสถานการณ์เลวร้ายลงต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น