“บอร์ด ปตท.” ไฟเขียวงบลงทุน 5 ปีนี้ (63-67) รวม 180,814 ล้านบาท โดยปีนี้วางงบลงทุนอยู่ที่ 69,310 ล้านบาท พร้อมตั้งงบลงทุนในอนาคต (Provisional) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีก 203,583 ล้านบาท เพื่อลงทุนธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน ด้าน OR คาดยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.ในเดือนมี.ค.นี้
วานนี้ (16 ม.ค.) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2563-2567) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% วงเงินรวม 180,814 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบที่ใช้ในการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ปตท .ถือหุ้น100% คิดเป็นสัดส่วน 68%ของงบทั้งหมด รองลงมาคือ ธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติ 17% ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 6% ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม 7% ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายและสำนักงานใหญ่ อื่นๆรวม 2%
โดยงบลงทุนปตท. ทั้ง 5ปีนี้ ได้จัดสรรลงทุนในปี 2563 วงเงินรวม 69,310 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 41,415 ล้านบาท ,ปี 2565 อยู่ที่ 30,484 ล้านบาท ,ปี 2566 อยู่ที่ 20,545 ล้านบาท และปี 2567 อยู่ที่ 19,060 ล้านบาท โดยงบลงทุนปีนี้จะต่ำกว่างบลงทุนในปี 2562 ที่วางไว้ 1.03 แสนล้านบาท
ซึ่งงบลงทุนของ ปตท.ในปีนี้อยู่ที่ 69,310 ล้านบาท ใช้ในการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 5,799 ล้านบาท ,ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 9,579 ล้านบาท ,ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย 44 ล้านบาท ,ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม 5,836 ล้านบาท สำงานใหญ่และอื่นๆ 848 ล้านบาท และการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ถือหุ้น 100% จำนวน 47,204 ล้านบาท
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ปตท.ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses)ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติทั้งในส่วนของ ปตท ดำเนินการเอง(ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ) และแผนลงทุนที่ผ่านมาบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งมีการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% อื่นๆ เช่น การขยายงานของธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ปตท.ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าจํานวน 203,583 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความร่วมมือของกลุ่ม ปตท. จากความชํานาญของธุรกิจเดิม อาทิ LNG Value Chain โครงการ Gas-to-Power รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานเพื่อให้สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ รวมถึงตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และแนวโน้มการใช้พลังงานสะอาด
ที่ประชุมบอร์ดปตท.รับทราบว่า นายณัฐชาติ จารุจินดา กรรมการและกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร จะพ้นจากการดำรงตำแหน่งกรรมการ ปตท. เนื่องจากอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบบริษัทฯ ในเรื่องคุณสมบัติของกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ด้าน OR จ่อยื่นไฟลิ่งมี.ค.นี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR)เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ORเตรียมยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ส่วนรายละเอียดแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในช่วงนี้ แต่จะมีการขยายงานเพื่อสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน OR ดำเนินธุรกิจธุรกิจน้ำมันโดยมีสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 2พันสาขา และดำเนินธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอนออยล์)อาทิ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่เปิดทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 3,150 สาขา และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมทั้งร้านค้าอื่นๆที่ORได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ อาทิ เท็กซัส ชิคเก้น ,ฮั่วเซ่งฮง เป็นต้น โดยปีนี้ OR มีแผนขยายสาขาร้านคาเฟ่ อเมซอน เพิ่มเติมใกล้เคียงปี 2562 ที่เปิด 400 สาขา รวมทั้งขยายร้านค้าอาหารแบรนด์ไทยเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะแบรนด์ท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับคู่ค้าเจ้าของปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นรองรับความเสี่ยงจากเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)ในอนาคต
วานนี้ (16 ม.ค.) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2563-2567) ของ ปตท. และบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% วงเงินรวม 180,814 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบที่ใช้ในการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ปตท .ถือหุ้น100% คิดเป็นสัดส่วน 68%ของงบทั้งหมด รองลงมาคือ ธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติ 17% ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 6% ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม 7% ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายและสำนักงานใหญ่ อื่นๆรวม 2%
โดยงบลงทุนปตท. ทั้ง 5ปีนี้ ได้จัดสรรลงทุนในปี 2563 วงเงินรวม 69,310 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 41,415 ล้านบาท ,ปี 2565 อยู่ที่ 30,484 ล้านบาท ,ปี 2566 อยู่ที่ 20,545 ล้านบาท และปี 2567 อยู่ที่ 19,060 ล้านบาท โดยงบลงทุนปีนี้จะต่ำกว่างบลงทุนในปี 2562 ที่วางไว้ 1.03 แสนล้านบาท
ซึ่งงบลงทุนของ ปตท.ในปีนี้อยู่ที่ 69,310 ล้านบาท ใช้ในการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 5,799 ล้านบาท ,ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 9,579 ล้านบาท ,ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย 44 ล้านบาท ,ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม 5,836 ล้านบาท สำงานใหญ่และอื่นๆ 848 ล้านบาท และการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ถือหุ้น 100% จำนวน 47,204 ล้านบาท
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ปตท.ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses)ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติทั้งในส่วนของ ปตท ดำเนินการเอง(ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ) และแผนลงทุนที่ผ่านมาบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) รวมทั้งมีการร่วมทุนและการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% อื่นๆ เช่น การขยายงานของธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ปตท.ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าจํานวน 203,583 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความร่วมมือของกลุ่ม ปตท. จากความชํานาญของธุรกิจเดิม อาทิ LNG Value Chain โครงการ Gas-to-Power รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานเพื่อให้สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ รวมถึงตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และแนวโน้มการใช้พลังงานสะอาด
ที่ประชุมบอร์ดปตท.รับทราบว่า นายณัฐชาติ จารุจินดา กรรมการและกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร จะพ้นจากการดำรงตำแหน่งกรรมการ ปตท. เนื่องจากอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบบริษัทฯ ในเรื่องคุณสมบัติของกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยมีผล ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ด้าน OR จ่อยื่นไฟลิ่งมี.ค.นี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR)เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ORเตรียมยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า ส่วนรายละเอียดแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในช่วงนี้ แต่จะมีการขยายงานเพื่อสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบัน OR ดำเนินธุรกิจธุรกิจน้ำมันโดยมีสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 2พันสาขา และดำเนินธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอนออยล์)อาทิ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่เปิดทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 3,150 สาขา และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมทั้งร้านค้าอื่นๆที่ORได้เป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ อาทิ เท็กซัส ชิคเก้น ,ฮั่วเซ่งฮง เป็นต้น โดยปีนี้ OR มีแผนขยายสาขาร้านคาเฟ่ อเมซอน เพิ่มเติมใกล้เคียงปี 2562 ที่เปิด 400 สาขา รวมทั้งขยายร้านค้าอาหารแบรนด์ไทยเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะแบรนด์ท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับคู่ค้าเจ้าของปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นรองรับความเสี่ยงจากเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)ในอนาคต
