ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"ขอคนรุ่นใหม่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ร่วมเดินหน้าประเทศท่ามกลางสถานการณ์อ่อนไหว ลั่นผมไม่ใช่ศัตรูกับใคร ปล่อยผ่าน "วิ่งไล่-เดินเชียร์" เหตุเสียเวลาขับเคลื่อนประเทศ แต่เชื่อทุกคนหวังดีต่อชาติ เผยยิ่งเกลียด ยิ่งต้องทำให้รัก "วิษณุ" โยนเจ้าหน้าที่ตีความ"วิ่งไล่ลุง" เข้าข่ายชุมนุมหรือไม่ ประธานวิปรัฐบาลเผย สตช. เตรียมขอตัว "ปิยบุตร-พิธา-ช่อ" ดำเนินคดีร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ แต่สภาฯ จ่อลงมติไม่อนุญาต เพื่อเป็นบรรทัดฐาน เพื่อไทยวางกรอบอภิปราย เตรียมถล่ม 3 ป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดตัวโครงการยุวชนสร้างชาติ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมให้โอวาทนักศึกษาที่เข้าร่วมจากโครงการยุวอาสา จำนวน 500 คน จาก 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐ และภาคเอกชน และยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการยุวชนอาสา ระหว่างสำนักปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ ลงนาม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า การใช้พลังของหนุ่มสาวให้สังคมสร้างสรรรค์ เป็นสิ่งที่ต้องการในขณะนี้ ตอนนี้เราเผชิญกับกับความท้าทาย แต่จะทำอย่างไรให้เยาวชนเดินหน้าไปได้ ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จะต้องลดผลกระทบที่เกิดจากความผันผวน ดิสรัปชันที่เกิดจากโลกดิจิทัล เรามียุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาประเทศ 6 ด้าน แต่สิ่งสำคัญ คือ การศึกษาและวิธีการคิด ที่มีกระบวนการ ต้องมองระยะยาว ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เหล่านี้จะช่วยประเทศไทยเดินหน้าไปได้
ขอให้ทุกคนคำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม หากใช้แนวทางการดำเนินการแบบเดิมๆ บางอย่างมันดี แต่ทำไม่ได้ เพราะติดล็อกกฎหมาย และกฎหมายนั้น แก้ไม่ง่าย แต่ต้องหาวิธีการมาอำนวยความสะดวก ช่วยศึกษาเรื่องเหล่านี้ไปด้วยอยากให้ทุกคนเข้ามาร่วมมือเป็นกำลังของอนาคต อยากให้ศึกษายุทธศาสตร์ชาติ เพราะหลายคนอาจเข้ามาเป็นนายกฯ ส.ส. และรัฐมนตรี แทนคนรุ่นเก่า
"ผมทำงานตั้งแต่เช้า ยังไม่รู้สึกง่วง ทำไม ส.ส.ที่นั่งอยู่ง่วงแล้ว ก็ไม่ว่ากัน เพราะพวกท่านทำงานพบปะประชาชน เยี่ยมเยือน แต่ก็ขอให้ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม อะไรต่างๆ ก็ตาม หรือคนที่ไหนก็ตาม ทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติทั้งสิ้น ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย ใครจะเชียร์ จะไล่ จะอะไร ผมไม่ใช่ศัตรูพวกท่าน แต่ทุกคนจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือ ขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ดีกว่ามาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้มากนัก แต่ก็เคารพความคิดของทุกคน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องรวมพลังกันกันได้แล้ว อะไรที่ขัดข้องหมองใจ ต้องคุยกัน ทุกอย่างต้องแก้ปัญหาแบบนี้ เราต้องการจะกลับไปแบบนั้นกันอีกหรือ อย่าเลย เอาความตั้งใจมาร่วมมือกันคิดกันทำจะดีกว่า วันนี้อยากให้สร้างเครือข่ายให้มากที่สุด ใครไม่มาไม่เป็นไร แต่วันหน้าเขาอาจจะเข้าใจ และมาร่วมมือ ตนวาดหวังอย่างนั้น ไม่อยากจะให้มีความขัดแย้งกันใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งเกลียดยิ่งต้องทำให้รัก
ในวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานในพิธียกเสาเอกชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร ภายใต้ชื่อโครงการ “คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม” ตามการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลอง และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ
โอกาสนี้นายกฯ ได้กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้ใครจะว่าอะไร ทำอะไร ก็สุดแท้ แต่จะมีวาสนาแค่ไหน งานนายกฯ มีวาสนาน้อย อยู่ที่พวกเราประชาชน เป็นผู้กำหนดแนวทางประเทศ ดูว่าอะไรดี ไม่ดี อย่าไปฟังสิ่งที่มันไม่ใช่ แล้วก็เชื่อ มันไม่ได้ ต้องคิดให้เป็น เห็นว่าอะไรมันเกิดผลแล้ว อะไรมันยังไม่เกิดผล อะไรดีแต่พูดก็ว่ากันไป ที่นายกฯ พูดเยอะ หลายคนบอกผมมีแต่พูด แต่เป็นเพราะคิดไว้เยอะ และทำไปเยอะ แต่หลายคนก็ไม่รู้ และที่พูดไปเยอะ เพราะทำไปเยอะ แต่หลายคนก็ไม่ได้ฟัง ไปฟังอะไรที่บางทีก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไร แต่ผมไม่เคยรังเกียจใคร ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร นายกฯ เป็นคนแบบนี้ ยิ่งไม่ชอบผม ก็ต้องยิ่งรักท่านให้มากขึ้น เอาความดี ทำต่อให้เขารัก และทุกคนก็ต้องทำแบบนี้
"วิษณุ"โยน"วิ่งไล่ลุง"เข้าข่ายชุมนุมหรือไม่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรม วิ่งไล่ลุง ซึ่งมีคนร่วมงานจำนวนมาก มองว่าจะบานปลายหรือไม่ ว่า ตนไม่มอง ให้คนอื่นเขามอง เพราะฝ่ายความมั่นคงมีหน้าที่มองอยู่แล้ว ส่วนการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะหรือไม่ ตนไม่ทราบ เจ้าหน้าที่เขาดูอยู่แล้ว อย่าให้ตนไปตอบชี้นำเลย
สภาฯไม่ส่งตัว"ปิยบุตร-พิธา-ช่อ"ให้ตร.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎรได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับส.ส. 3 คน จากพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , น.ส.พรรณิการ์ วานิช และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ในคดีร่วมชุมนุมที่ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ว่า มาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุม เว้นแต่บางกรณีก็มีการร้องขอให้ดำเนินคดีได้ แต่สภาฯ ก็ไม่เคยอนุญาต จึงแจ้งหลักการเบื้องต้นว่าคงไม่สามารถให้ดำเนินคดีในกรณีนี้ได้ ซึ่งจะต้องให้ที่ประชุมสภาฯ มีมติ ซึ่งส.ส.รัฐบาลก็คงจะลงมติตามหลักการนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญ และเป็นบรรทัดฐานในอนาคต
พท.วาง4กรอบซักฟอกถล่มเครือข่าย“3ป.”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่า มี 4 กรอบด้วยกัน คือ 1.การอภิปรายในความผิดที่สำเร็จแล้วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 2.อภิปรายเครือข่าย 3 ป. 3.กลุ่มรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่แล้วทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ และ 4.กลุ่มที่เข้ามาแล้วกำกับการนโยบายที่ผิดพลาด
"ไล่ลุง-เชียร์ลุง"ทำผิดกฎหมายทั้งคู่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงการจัดกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" และ"เดินเชียร์ลุง" ว่า เป็นการชุมนุมฯ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยวิ่งไล่ลุง เป็นการชุมนุมที่ไม่เป็นไปโดยสงบ ส่วนเดินเชียร์ลุง ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้จัดไม่สามารถควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบได้
"ช่อ"ซัดรัฐบาลปลุกม็อบไม่ใช่อนค.
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า คนที่เร่งปฏิกิริยาให้ออกมาชุมนุม น่าจะเป็นรัฐบาลมากกว่า เพราะต่อให้ใครจะกระตุ้นประชาชนขนาดไหน มันกระตุ้นไม่ขึ้นหรอก หากไม่มีปัจจัยที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเดือดร้อนจริงๆ โดยปัจจุบัน น้ำประปาก็เค็ม ฝุ่น PM 2.5 ก็เยอะ คนตกงานเป็นว่าเล่น มีคนฆ่าตัวตายรายวัน ซึ่งไม่เห็นข่าวแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2540 แต่ตอนนี้กลับมาอีก ปัญหาเหล่านี้รุมล้อมและทำให้คนรู้สึกว่าต้องการรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ เพราะฉะนั้นคนที่จะเร่งปฏิกิริยากระแสของประชาชน คือรัฐบาลเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดตัวโครงการยุวชนสร้างชาติ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมให้โอวาทนักศึกษาที่เข้าร่วมจากโครงการยุวอาสา จำนวน 500 คน จาก 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐ และภาคเอกชน และยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการยุวชนอาสา ระหว่างสำนักปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ ลงนาม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า การใช้พลังของหนุ่มสาวให้สังคมสร้างสรรรค์ เป็นสิ่งที่ต้องการในขณะนี้ ตอนนี้เราเผชิญกับกับความท้าทาย แต่จะทำอย่างไรให้เยาวชนเดินหน้าไปได้ ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จะต้องลดผลกระทบที่เกิดจากความผันผวน ดิสรัปชันที่เกิดจากโลกดิจิทัล เรามียุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาประเทศ 6 ด้าน แต่สิ่งสำคัญ คือ การศึกษาและวิธีการคิด ที่มีกระบวนการ ต้องมองระยะยาว ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง เหล่านี้จะช่วยประเทศไทยเดินหน้าไปได้
ขอให้ทุกคนคำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม หากใช้แนวทางการดำเนินการแบบเดิมๆ บางอย่างมันดี แต่ทำไม่ได้ เพราะติดล็อกกฎหมาย และกฎหมายนั้น แก้ไม่ง่าย แต่ต้องหาวิธีการมาอำนวยความสะดวก ช่วยศึกษาเรื่องเหล่านี้ไปด้วยอยากให้ทุกคนเข้ามาร่วมมือเป็นกำลังของอนาคต อยากให้ศึกษายุทธศาสตร์ชาติ เพราะหลายคนอาจเข้ามาเป็นนายกฯ ส.ส. และรัฐมนตรี แทนคนรุ่นเก่า
"ผมทำงานตั้งแต่เช้า ยังไม่รู้สึกง่วง ทำไม ส.ส.ที่นั่งอยู่ง่วงแล้ว ก็ไม่ว่ากัน เพราะพวกท่านทำงานพบปะประชาชน เยี่ยมเยือน แต่ก็ขอให้ทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม อะไรต่างๆ ก็ตาม หรือคนที่ไหนก็ตาม ทุกคนหวังดีต่อประเทศชาติทั้งสิ้น ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย ใครจะเชียร์ จะไล่ จะอะไร ผมไม่ใช่ศัตรูพวกท่าน แต่ทุกคนจะทำอย่างไรให้เกิดความร่วมมือ ขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า ดีกว่ามาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้มากนัก แต่ก็เคารพความคิดของทุกคน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องรวมพลังกันกันได้แล้ว อะไรที่ขัดข้องหมองใจ ต้องคุยกัน ทุกอย่างต้องแก้ปัญหาแบบนี้ เราต้องการจะกลับไปแบบนั้นกันอีกหรือ อย่าเลย เอาความตั้งใจมาร่วมมือกันคิดกันทำจะดีกว่า วันนี้อยากให้สร้างเครือข่ายให้มากที่สุด ใครไม่มาไม่เป็นไร แต่วันหน้าเขาอาจจะเข้าใจ และมาร่วมมือ ตนวาดหวังอย่างนั้น ไม่อยากจะให้มีความขัดแย้งกันใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งเกลียดยิ่งต้องทำให้รัก
ในวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานในพิธียกเสาเอกชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร ภายใต้ชื่อโครงการ “คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม” ตามการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลอง และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ
โอกาสนี้นายกฯ ได้กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้ใครจะว่าอะไร ทำอะไร ก็สุดแท้ แต่จะมีวาสนาแค่ไหน งานนายกฯ มีวาสนาน้อย อยู่ที่พวกเราประชาชน เป็นผู้กำหนดแนวทางประเทศ ดูว่าอะไรดี ไม่ดี อย่าไปฟังสิ่งที่มันไม่ใช่ แล้วก็เชื่อ มันไม่ได้ ต้องคิดให้เป็น เห็นว่าอะไรมันเกิดผลแล้ว อะไรมันยังไม่เกิดผล อะไรดีแต่พูดก็ว่ากันไป ที่นายกฯ พูดเยอะ หลายคนบอกผมมีแต่พูด แต่เป็นเพราะคิดไว้เยอะ และทำไปเยอะ แต่หลายคนก็ไม่รู้ และที่พูดไปเยอะ เพราะทำไปเยอะ แต่หลายคนก็ไม่ได้ฟัง ไปฟังอะไรที่บางทีก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไร แต่ผมไม่เคยรังเกียจใคร ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร นายกฯ เป็นคนแบบนี้ ยิ่งไม่ชอบผม ก็ต้องยิ่งรักท่านให้มากขึ้น เอาความดี ทำต่อให้เขารัก และทุกคนก็ต้องทำแบบนี้
"วิษณุ"โยน"วิ่งไล่ลุง"เข้าข่ายชุมนุมหรือไม่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรม วิ่งไล่ลุง ซึ่งมีคนร่วมงานจำนวนมาก มองว่าจะบานปลายหรือไม่ ว่า ตนไม่มอง ให้คนอื่นเขามอง เพราะฝ่ายความมั่นคงมีหน้าที่มองอยู่แล้ว ส่วนการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะหรือไม่ ตนไม่ทราบ เจ้าหน้าที่เขาดูอยู่แล้ว อย่าให้ตนไปตอบชี้นำเลย
สภาฯไม่ส่งตัว"ปิยบุตร-พิธา-ช่อ"ให้ตร.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎรได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับส.ส. 3 คน จากพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , น.ส.พรรณิการ์ วานิช และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ในคดีร่วมชุมนุมที่ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ว่า มาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุม เว้นแต่บางกรณีก็มีการร้องขอให้ดำเนินคดีได้ แต่สภาฯ ก็ไม่เคยอนุญาต จึงแจ้งหลักการเบื้องต้นว่าคงไม่สามารถให้ดำเนินคดีในกรณีนี้ได้ ซึ่งจะต้องให้ที่ประชุมสภาฯ มีมติ ซึ่งส.ส.รัฐบาลก็คงจะลงมติตามหลักการนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญ และเป็นบรรทัดฐานในอนาคต
พท.วาง4กรอบซักฟอกถล่มเครือข่าย“3ป.”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่า มี 4 กรอบด้วยกัน คือ 1.การอภิปรายในความผิดที่สำเร็จแล้วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน 2.อภิปรายเครือข่าย 3 ป. 3.กลุ่มรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่แล้วทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ และ 4.กลุ่มที่เข้ามาแล้วกำกับการนโยบายที่ผิดพลาด
"ไล่ลุง-เชียร์ลุง"ทำผิดกฎหมายทั้งคู่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงการจัดกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" และ"เดินเชียร์ลุง" ว่า เป็นการชุมนุมฯ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยวิ่งไล่ลุง เป็นการชุมนุมที่ไม่เป็นไปโดยสงบ ส่วนเดินเชียร์ลุง ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้จัดไม่สามารถควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบได้
"ช่อ"ซัดรัฐบาลปลุกม็อบไม่ใช่อนค.
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า คนที่เร่งปฏิกิริยาให้ออกมาชุมนุม น่าจะเป็นรัฐบาลมากกว่า เพราะต่อให้ใครจะกระตุ้นประชาชนขนาดไหน มันกระตุ้นไม่ขึ้นหรอก หากไม่มีปัจจัยที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเดือดร้อนจริงๆ โดยปัจจุบัน น้ำประปาก็เค็ม ฝุ่น PM 2.5 ก็เยอะ คนตกงานเป็นว่าเล่น มีคนฆ่าตัวตายรายวัน ซึ่งไม่เห็นข่าวแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2540 แต่ตอนนี้กลับมาอีก ปัญหาเหล่านี้รุมล้อมและทำให้คนรู้สึกว่าต้องการรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ เพราะฉะนั้นคนที่จะเร่งปฏิกิริยากระแสของประชาชน คือรัฐบาลเอง