นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่พรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุ เกรงฝ่ายค้านจะไม่มีข้อมูลอภิปราย ว่า ขณะนี้คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ได้จัดเตรียมขุนพลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไว้แล้วจำนวน 25 คน จัดหมวดหมู่ แบ่งลักษณะพฤติกรรม และการกระทำที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 รัฐมนตรี ถึงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะได้รู้ว่า การตรวจสอบโดยกลไกและเครื่องมือที่เข้มข้นของระบบรัฐสภา จะเป็นอย่างไร
"จะมาชี้นิ้ว ด่ากราดส.ส.ในสภาฯ เหมือนที่แล้วมาไม่ได้ ส.ส.ไม่ใช่ลูกน้อง หรือกำลังพลในค่ายทหารของใคร ส่วนส.ว.สรรหา จะยอมรับว่าเป็นสภาทหารเกณฑ์ ก็สารภาพไป แต่งานนี้ พี่เลี้ยงลง ไม่มีตัวช่วย ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ประชาชนได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ส่วนรัฐมนตรีที่น้อยเนื้อต่ำใจ ได้กระทรวงเกรด ซี เกรด ดี งบน้อย อยากขยับขยายไปคุมกระทรวงเกรดสูงขึ้น งบมากขึ้น รอลุ้นได้เลย เพราะข้อมูลซักฟอกที่อยู่ในมือพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ชัดเจนมาก ทั้งในส่วนพรรคแกนหลัก และพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในส่วนของ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ นำไปสู่การล้มรัฐบาลและเปลี่ยนตัวนายกฯได้แน่นอน" นายอนุสรณ์ กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง มาตรการในการจัดการกับ งูเห่า ของพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว และเบื้องต้นพรรคได้ให้ ส.ส. 3 คน ที่ขัดมติพรรคเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว จากนั้น คณะกรรมการตรวจสอบจะทำรายงานสรุปส่งมายังกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแจ้งต่อสาธารณะชนให้ทราบต่อไป แต่ยืนยันว่าหากผิดจริงจะมีมาตรการที่ชัดเจน และเด็ดขาดในการจัดการกับงูเห่า
"เหตุผลที่ยังไม่สามารถขับงูเห่าออกจากพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากงูเห่าของพรรคเพื่อไทย ต่างจากพรรคอนาคตใหม่ ตรงที่พรรคอนาคตใหม่ โหวตสนับสนุนรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้เห็นจุดยืนที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสอบสวนให้ชัดเจนและฟังคำอธิบายก่อน" นายภูมิธรรมกล่าว
ส่วนการทำงานของ7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังพบว่าบางพรรคการเมือง อย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่ มีพฤติกรรมโหวตสนับสนุนรัฐบาลนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นความเห็นต่างมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าแต่ละพรรคการเมืองก็มีจุดยืนของตัวเอง แต่ทั้ง 7 พรรค มีการกำหนดทางเดินร่วมกัน 2 เรื่องใหญ่ คือ การแก้กติกาที่ไม่เป็นธรรม และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งหากเรื่องใดกระทบกับพี่น้องประชาชน การพูดคุยก็ยิ่งต้องชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการทำงานร่วมทั้ง 7 พรรค แม้ว่าการทำงานจะต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมยืนยันว่าการทำงานภายในไม่มีปัญหา และจากการพูดคุย ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้
"จะมาชี้นิ้ว ด่ากราดส.ส.ในสภาฯ เหมือนที่แล้วมาไม่ได้ ส.ส.ไม่ใช่ลูกน้อง หรือกำลังพลในค่ายทหารของใคร ส่วนส.ว.สรรหา จะยอมรับว่าเป็นสภาทหารเกณฑ์ ก็สารภาพไป แต่งานนี้ พี่เลี้ยงลง ไม่มีตัวช่วย ใครไม่เกี่ยวก็ถอยไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ประชาชนได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ส่วนรัฐมนตรีที่น้อยเนื้อต่ำใจ ได้กระทรวงเกรด ซี เกรด ดี งบน้อย อยากขยับขยายไปคุมกระทรวงเกรดสูงขึ้น งบมากขึ้น รอลุ้นได้เลย เพราะข้อมูลซักฟอกที่อยู่ในมือพรรคเพื่อไทยขณะนี้ ชัดเจนมาก ทั้งในส่วนพรรคแกนหลัก และพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในส่วนของ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ นำไปสู่การล้มรัฐบาลและเปลี่ยนตัวนายกฯได้แน่นอน" นายอนุสรณ์ กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง มาตรการในการจัดการกับ งูเห่า ของพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว และเบื้องต้นพรรคได้ให้ ส.ส. 3 คน ที่ขัดมติพรรคเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว จากนั้น คณะกรรมการตรวจสอบจะทำรายงานสรุปส่งมายังกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแจ้งต่อสาธารณะชนให้ทราบต่อไป แต่ยืนยันว่าหากผิดจริงจะมีมาตรการที่ชัดเจน และเด็ดขาดในการจัดการกับงูเห่า
"เหตุผลที่ยังไม่สามารถขับงูเห่าออกจากพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากงูเห่าของพรรคเพื่อไทย ต่างจากพรรคอนาคตใหม่ ตรงที่พรรคอนาคตใหม่ โหวตสนับสนุนรัฐบาลบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้เห็นจุดยืนที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องสอบสวนให้ชัดเจนและฟังคำอธิบายก่อน" นายภูมิธรรมกล่าว
ส่วนการทำงานของ7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังพบว่าบางพรรคการเมือง อย่างพรรคเศรษฐกิจใหม่ มีพฤติกรรมโหวตสนับสนุนรัฐบาลนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นความเห็นต่างมากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าแต่ละพรรคการเมืองก็มีจุดยืนของตัวเอง แต่ทั้ง 7 พรรค มีการกำหนดทางเดินร่วมกัน 2 เรื่องใหญ่ คือ การแก้กติกาที่ไม่เป็นธรรม และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งหากเรื่องใดกระทบกับพี่น้องประชาชน การพูดคุยก็ยิ่งต้องชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการทำงานร่วมทั้ง 7 พรรค แม้ว่าการทำงานจะต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมยืนยันว่าการทำงานภายในไม่มีปัญหา และจากการพูดคุย ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้