xs
xsm
sm
md
lg

โลกที่หมุนช้าของเพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง และมติชน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บทความพิเศษ โดย ดร. เสรี พงศ์พิศ

บทความ “อุปนิสัยที่ชี้ชะตากรรม” ของ คุณเพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง ในคอลัมน์ โลกหมุนเร็ว โดยมติชนสุดสัปดาห์ 13-19 ธันวาคม 2562 กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระเทือนสังคมยุคใหม่ที่สื่อสารกันทางโซเชียลมีเดียด้วยความเร็วเท่าแสง ในโลกวันนี้ที่หมุนเร็วกว่าโลกของคุณเพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง และมติชนสุดสัปดาห์

ผมจะไม่วิพากษ์เนื้อหาของบทความดังกล่าว เพราะมีคนวิเคราะห์วิจารณ์ไว้มากมาย มีทั้งเขียนเป็นบทความทางวิชาการอย่างสุภาพพร้อมแนวคิดทฤษฎีไปจนถึงการวิจารณ์ดุเด็ดเผ็ดมันและรุนแรง มีทั้งนักวิชาการ นักคิดนักเขียน ทั้งที่เป็นคนอีสานและไม่ใช่

อยากเขียนเพิ่มเติมเพียงว่านักเขียน คนทำสื่อ และสื่อจำนวนมากตกยุคตกสมัย ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เปลี่ยนแบบก้าวกระโดด (exponential) แบบกลืนกินของเก่า หักดิบ ถอนรากถอนโคน (disruptive) ไม่เข้าใจเครื่องหมายของกาลเวลา พฤติกรรมของประชาชนที่เคยถูกเรียกว่า “ผู้บริโภคสื่อ” ที่วันนี้เปลี่ยนไปเป็น “ผู้ผลิตสื่อ-เจ้าของสื่อ” เองไปหมดแล้ว

การวิพากษ์อย่างดุเดือดต่อบทความคุณเพ็ญศรีมาจากการที่คุณและสื่อยุคเก่าได้สูญเสีย “อำนาจ” ที่เคยมีไปแล้ว

นักเขียน นักข่าว คอลัมนิสท์ หนังสือพิมพ์ ทีวีวิทยุ สื่อทั้งหลายที่ยังอยู่ในโลกเก่า สังคมเก่า วิธีคิดเก่าของ “สื่อมวลชน” อยู่รอดยากมากขึ้น เพราะวันนี้มี “สื่อบุคคล” ที่ได้ “ยึดอำนาจสื่อมวลชน” ที่คุณเพ็ญศรีเคยมี

ทุกคนมีหนังสือพิมพ์เองได้ เป็นบรรณาธิการเอง เป็นคอลัมนิสท์เอง เรียกว่าเพจ เรียกว่าเว็บไซต์ เฟซ ทวิตเตอร์ ไลน์ และอื่นๆ เป็นเจ้าของทีวีเอง เป็นผู้อำนวยการทีวีช่องของตนเองที่ถ่ายทอดสดได้ ทางเฟซบุ๊ก ทางยูทูบ และแพลตฟอร์มอื่นๆ บางเรื่องบางช่องคนดูมากกว่ารายการทีวี อ่านมากกว่าหนังสือพิมพ์อีก ส่งต่อไปทั่วโลก

สื่อบุคคลมีพลังอำนาจไม่น้อยกว่าสื่อมวลชน และค่อยๆ กลืนสื่อมวลชนที่กำลังล้มหายตายจากไป ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ ทีวี แม้หนังสือพิมพ์จะปรับไปเป็นออนไลน์ ก็ไม่ได้มี “อำนาจ” เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะสื่อบุคคล “คานอำนาจ” ของสื่อมวลชนได้ ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับมติชนสุดสัปดาห์วันนี้ ที่ออกมาขอโทษและปิดคอลัมน์โลกหมุนเร็วไปแล้ว (เพราะโลกหมุนกลับแบบนี้เอาไว้ได้อย่างไร)

ผมรำลึกถึงบุญคุณของมติชนทั้งรายวันและสุดสัปดาห์ที่เป็น “โรงเรียน” สำคัญแห่งหนึ่งในการคิดการเขียนบทความของผมเป็นเวลาเกือบ 30 ปี แม้ผมจะหยุดส่งบทความไปประมาณเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม ผมเห็นใจบรรณาธิการและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องเผชิญกับ “โลกใหม่” ที่เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือนี้ ที่อำนาจเดิมก็เปลี่ยนมือไปแล้ว

วันนี้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ มีมากมาย หาได้ไม่ยาก งานวิจัยเกี่ยวกับสังคมอีสาน วัฒนธรรมอีสาน หญิงอีสาน รวมไปถึงการแต่งงานกับฝรั่ง มีมากมาย เป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาโทปริญญาเอก การเขียนบทความโดยไม่ได้ “ไต่สวน” “สืบค้นข้อมูลเชิงลึก” (investigative) แบบที่เราเรียกร้องให้คนทำสื่อทำข่าวทำ ก็จะไปถึงการด่วนสรุป การเหมารวม ด้วยความผิวเผิน ไปจนถึงการทำตัวเป็นศาล เป็นผู้พิพากษาโดยง่าย

แต่วันนี้ทำได้ยากแล้ว เพราะทุกคนมีสื่อในมือ พร้อมที่จะโต้ตอบคุณถ้าพลาด หรือไม่รู้จริง บทเรียนให้คนทำสื่อเก่า คอลัมนิสท์เดิมทุกคน ไม่เพียงแต่คุณเพ็ญศรีเท่านั้น คุณเขียนแบบเอามันคนเดียว คิดว่าคนอื่นจะฟังคุณเชื่อคุณแบบในโลกเก่าไม่ได้แล้ว นอกจากเขาจะเถียง เขาจะ “อัดกลับ” คุณแบบไม่ไว้หน้าอีกด้วย

การเขียนแบบใช้ข้อมูลนั้นทำได้ไม่ยาก แต่เชื่อมข้อมูลให้เป็นความรู้นั้นยากกว่า เพราะต้องมีกรอบคิดที่ถูกต้องเหมาะสม คุณเพ็ญศรีมีกรอบคิดที่ไม่เหมาะและผิด จึงอธิบายปรากฎการณ์หญิงอีสานผิดจนเพี้ยน ขนาดไหนดูได้จากปฏิกิริยาตอบโต้ที่กลับมา

เขียนด้วยความรู้นั้นยากแล้ว แต่ยากที่สุด คือเขียนอย่างไรให้เกิดปัญญา เขียนด้วยปัญญา ที่มาจากการตกผลึก ที่มาจากความรู้แจ้ง จากการไตร่ตรองใคร่ครวญ ความคิดคำนึงจนถึงที่สุดแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น