วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยพรรคปชป. ไม่ได้เสนอชื่อตน ทั้งที่ในการประชุมส.ส.ของพรรค เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา พรรคมีมติให้เสนอชื่อตนเป็นกมธ.ชุดนี้ด้วย เพราะเห็นว่าเป็นผู้ที่ติดตามตรวจสอบมาตั้งแต่ต้น
"ในงานเลี้ยงส.ส.ของพรรคคืนวันเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าโจรตัวไหนสาดโคลน หรือสาดน้ำมนต์ ให้เปลี่ยนตัว ซึ่งในการพูดคุยกันวันนั้นมีคนทักท้วง พรรคมีมติแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงมีการเป็นระบุว่าให้นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่เป็นผู้เสนอชื่อผม ถอนชื่อผมออก แต่สุดท้ายนายสุทัศน์ ยอมถอนโดยไม่ได้มีการนำเรื่องนี้กลับเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงมติ จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดข้อบังคับพรรค เพราะก่อนหน้านี้ มีกรณีการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ซึ่งหัวหน้าพรรค เลขาฯ และ ประธานวิปของพรรค ออกมาแถลงว่า ห้ามฝ่าฝืนข้อบังคับและมติพรรค ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีความผิด แต่ตอนนี้กลับมีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามมติพรรค จึงอยากถามว่า จะทำอย่างไรและอยากรู้ว่า 3 คนนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงมติพรรคโดยพลการหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้อง ต้องบอกคำเดียวว่าชั่วจริงๆ" นายวิลาศกล่าว
ทั้งนี้ เงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาล พรรคได้ประกาศชัดเจน 3 ข้อ คือ 1. ต้องรับนโยบายประกันรายได้ของพรรค 2. ต้องตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ไขรธน. 3. หากมีการทุจริต พรรคจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที ซึ่งวันนี้เรายังไม่รู้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่มีการตั้งกมธ.มาตรวจสอบ ตนจึงอยากรู้ว่า เพราะอะไรต้องเปลี่ยนตนออกจากกมธ.ชุดนี้ แสดงว่าสิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่าไม่ไว้ใจเริ่มเป็นจริงแล้ว ใช่หรือไม่ เพราะตนยืนยันมาตลอดว่า จะตรวจสอบแบบไม่มีมวยล้มต้มคนดู นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ตนแถลงข่าวการคัดค้านการขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐแห่งใหม่ ครั้งที่ 4 เพราะส่อทุจริต จากนั้นหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งออกมาระบุว่า หัวหน้า และเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ส่งไลน์มาแจ้งว่า ด่าลูกพรรคแล้ว และบอกว่าประธานสภาฯ โทรศัพท์มาบอกด้วยว่า เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับพรรค เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ แต่ภายหลังประธานสภาฯ ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ ขณะที่คนพูด กลับไม่รับผิดชอบใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าต้องมีคนโกหก เป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรี แต่โกหกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะบริหารประเทศได้อย่างไร
นายวิลาศ กล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ตนจะตรวจสอบแบบจริงจังที่เคยบอกในที่ประชุมพรรคว่าถ้าพบปัญหาการทุจริตหรือใครที่มีความไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี จะเอาออกมาพูด มีข่าวทุจริตที่ไหนก็จะตรวจสอบและฝากไปถึงหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค และประธานวิปพรรค ให้ออกมาแถลงด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงมติพรรคที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับทั้ง 3 คนนี้ หรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น และเชื่อว่าไม่มีใครกล้ามากดดันตนไม่ให้เคลื่อนไหว และในขณะนี้ ตนยังทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทุกพรรคมีคนดีคนชั่ว จะโทษพรรคไม่ได้ เราต้องค่อยๆ ไล่คนชั่วออกไป จึงขอสู้ต่อในนามคนของพรรค จนกว่าจะเห็นว่าไล่แล้วคนชั่วก็ยังอยู่ ถึงเวลานั้นก็ค่อยว่ากันอีกที วันนี้ยังต่อสู้กับพวกเลวร้ายทั้งหลาย ถ้ายังทำหน้าทน ตนจะคุ้ยประวัติ ว่าเคยทำอะไรที่ไม่ถูกต้องไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้มันแย่ ถึงยุคที่ไปไม่รอดแล้ว ยังไม่ฟังเสียงประชาชนอีกว่า เขาด่าอย่างไร ประชาชนเดือดร้อนไปทุกแห่ง
"ในงานเลี้ยงส.ส.ของพรรคคืนวันเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าโจรตัวไหนสาดโคลน หรือสาดน้ำมนต์ ให้เปลี่ยนตัว ซึ่งในการพูดคุยกันวันนั้นมีคนทักท้วง พรรคมีมติแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงมีการเป็นระบุว่าให้นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่เป็นผู้เสนอชื่อผม ถอนชื่อผมออก แต่สุดท้ายนายสุทัศน์ ยอมถอนโดยไม่ได้มีการนำเรื่องนี้กลับเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงมติ จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดข้อบังคับพรรค เพราะก่อนหน้านี้ มีกรณีการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ซึ่งหัวหน้าพรรค เลขาฯ และ ประธานวิปของพรรค ออกมาแถลงว่า ห้ามฝ่าฝืนข้อบังคับและมติพรรค ถ้าใครฝ่าฝืนจะมีความผิด แต่ตอนนี้กลับมีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามมติพรรค จึงอยากถามว่า จะทำอย่างไรและอยากรู้ว่า 3 คนนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงมติพรรคโดยพลการหรือไม่ ถ้าเกี่ยวข้อง ต้องบอกคำเดียวว่าชั่วจริงๆ" นายวิลาศกล่าว
ทั้งนี้ เงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาล พรรคได้ประกาศชัดเจน 3 ข้อ คือ 1. ต้องรับนโยบายประกันรายได้ของพรรค 2. ต้องตั้ง กมธ.ศึกษาแก้ไขรธน. 3. หากมีการทุจริต พรรคจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที ซึ่งวันนี้เรายังไม่รู้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่มีการตั้งกมธ.มาตรวจสอบ ตนจึงอยากรู้ว่า เพราะอะไรต้องเปลี่ยนตนออกจากกมธ.ชุดนี้ แสดงว่าสิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่าไม่ไว้ใจเริ่มเป็นจริงแล้ว ใช่หรือไม่ เพราะตนยืนยันมาตลอดว่า จะตรวจสอบแบบไม่มีมวยล้มต้มคนดู นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ตนแถลงข่าวการคัดค้านการขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐแห่งใหม่ ครั้งที่ 4 เพราะส่อทุจริต จากนั้นหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งออกมาระบุว่า หัวหน้า และเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ส่งไลน์มาแจ้งว่า ด่าลูกพรรคแล้ว และบอกว่าประธานสภาฯ โทรศัพท์มาบอกด้วยว่า เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับพรรค เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ แต่ภายหลังประธานสภาฯ ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ ขณะที่คนพูด กลับไม่รับผิดชอบใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าต้องมีคนโกหก เป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรี แต่โกหกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะบริหารประเทศได้อย่างไร
นายวิลาศ กล่าวว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ตนจะตรวจสอบแบบจริงจังที่เคยบอกในที่ประชุมพรรคว่าถ้าพบปัญหาการทุจริตหรือใครที่มีความไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี จะเอาออกมาพูด มีข่าวทุจริตที่ไหนก็จะตรวจสอบและฝากไปถึงหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค และประธานวิปพรรค ให้ออกมาแถลงด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงมติพรรคที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับทั้ง 3 คนนี้ หรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น และเชื่อว่าไม่มีใครกล้ามากดดันตนไม่ให้เคลื่อนไหว และในขณะนี้ ตนยังทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทุกพรรคมีคนดีคนชั่ว จะโทษพรรคไม่ได้ เราต้องค่อยๆ ไล่คนชั่วออกไป จึงขอสู้ต่อในนามคนของพรรค จนกว่าจะเห็นว่าไล่แล้วคนชั่วก็ยังอยู่ ถึงเวลานั้นก็ค่อยว่ากันอีกที วันนี้ยังต่อสู้กับพวกเลวร้ายทั้งหลาย ถ้ายังทำหน้าทน ตนจะคุ้ยประวัติ ว่าเคยทำอะไรที่ไม่ถูกต้องไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้มันแย่ ถึงยุคที่ไปไม่รอดแล้ว ยังไม่ฟังเสียงประชาชนอีกว่า เขาด่าอย่างไร ประชาชนเดือดร้อนไปทุกแห่ง