วานนี้ (10ธ.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยกรณีช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว น.ส.อริสา ปราบภัย อายุ 27 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกกระสุนปืนปริศนายิงเสียชีวิต ขณะนั่งรถตู้โดยสาร ในจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันนั้น ได้มีกลุ่มวัยรุ่น ขับรถจักรยานยนต์ไล่ยิงกัน ที่บริเวณถนนสายบ้านสร้าง-พนมสารคาม เป็นเหตุให้น.ส.อริสา ถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณชายโครง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการเยียวยาให้กับผู้เสียหาย จากการกระทำความผิดทางอาญา โดยที่ตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิด จึงได้เร่งรัดให้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นทายาทของน.ส.อริสา ผู้เสียหาย เป็นเงินรวม 110,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าเยียวยากรณีถึงแก่ความตาย จำนวน 50,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท และค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนตามกฎหมายต่อไป
วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ ได้แถลงผลตรวจพิสูจน์สารเสพติดในเส้นผมของ นายโสภณ วงษ์สวัสดิ์ คนขับรถบรรทุก ที่มาร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม ตั้งข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 1 เม็ด โดยผู้ร้องเชื่อว่าตนถูกกลั่นแกล้ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 62
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียน ก็มอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการตรวจพิสูจน์สารเสพติดจากเส้นผมของผู้ร้องเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ผู้ร้องไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้ร้องตกลงยินยอมให้ทำการตรวจพิสูจน์ โดยใช้เทคโนโลยีในการตรวจพิสูจน์สารเสพติดจากเส้นผม ซึ่งสามารถระบุได้ว่าบุคคลนั้นๆ เคยใช้สารเสพติดมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากเมื่อสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายจะไปสะสมในแกนกลางของเส้นผม และจะคงทนอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน ยากต่อการที่จะขจัดสารเหล่านี้ออกไปจากเส้นผมได้
ทั้งนี้ ผลการตรวจพิสูจน์ พบสารไมทราไจนิน (Mitragynine)ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อม มีฤทธิ์ในการกดประสาท และระบุได้ว่ามีการเสพพืชกระท่อมในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่พบการเสพสารเสพติดชนิดอื่นๆในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ กระทรวงยุติธรรม จึงได้แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวให้ผู้ร้องทราบ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม การตั้งด่านตรวจที่ผ่านมา ยังมีช่องโหว่ไม่สามารถแก้ไขได้หมด แต่กระทรวงยุติธรรมมีการใช้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหาให้กับบุคคลที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้านนายโสภณ ยอมรับว่าตนได้กินใบกระท่อม เพื่อเป็นยารักษาอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหาร แต่ไม่ได้เสพสารเสพติดอื่นๆ ทั้งนี้ตนรู้สึกกลัวที่มีปัญหากับตำรวจ แต่ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะหลายคนได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้กับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน และขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ให้ความช่วยเหลือ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการเยียวยาให้กับผู้เสียหาย จากการกระทำความผิดทางอาญา โดยที่ตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิด จึงได้เร่งรัดให้มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นทายาทของน.ส.อริสา ผู้เสียหาย เป็นเงินรวม 110,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าเยียวยากรณีถึงแก่ความตาย จำนวน 50,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท และค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนตามกฎหมายต่อไป
วันเดียวกันนี้ นายสมศักดิ์ ได้แถลงผลตรวจพิสูจน์สารเสพติดในเส้นผมของ นายโสภณ วงษ์สวัสดิ์ คนขับรถบรรทุก ที่มาร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม ตั้งข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองจำนวน 1 เม็ด โดยผู้ร้องเชื่อว่าตนถูกกลั่นแกล้ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 62
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียน ก็มอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการตรวจพิสูจน์สารเสพติดจากเส้นผมของผู้ร้องเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ผู้ร้องไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยผู้ร้องตกลงยินยอมให้ทำการตรวจพิสูจน์ โดยใช้เทคโนโลยีในการตรวจพิสูจน์สารเสพติดจากเส้นผม ซึ่งสามารถระบุได้ว่าบุคคลนั้นๆ เคยใช้สารเสพติดมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากเมื่อสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายจะไปสะสมในแกนกลางของเส้นผม และจะคงทนอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน ยากต่อการที่จะขจัดสารเหล่านี้ออกไปจากเส้นผมได้
ทั้งนี้ ผลการตรวจพิสูจน์ พบสารไมทราไจนิน (Mitragynine)ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ในพืชกระท่อม มีฤทธิ์ในการกดประสาท และระบุได้ว่ามีการเสพพืชกระท่อมในช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่พบการเสพสารเสพติดชนิดอื่นๆในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ กระทรวงยุติธรรม จึงได้แจ้งผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวให้ผู้ร้องทราบ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม การตั้งด่านตรวจที่ผ่านมา ยังมีช่องโหว่ไม่สามารถแก้ไขได้หมด แต่กระทรวงยุติธรรมมีการใช้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหาให้กับบุคคลที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้านนายโสภณ ยอมรับว่าตนได้กินใบกระท่อม เพื่อเป็นยารักษาอาการปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหาร แต่ไม่ได้เสพสารเสพติดอื่นๆ ทั้งนี้ตนรู้สึกกลัวที่มีปัญหากับตำรวจ แต่ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะหลายคนได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกร้องให้กับคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน และขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่ให้ความช่วยเหลือ
