xs
xsm
sm
md
lg

พท.ป่วน"ชัชชาติ"ลงอิสระ "สุดารัตน์"ไปไม่เป็น !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

** ชัดเจนอย่างเป็นทางการไปแล้วว่า "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ที่เวลานี้ได้ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามอิสระอย่างแน่นอน หากมีการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งเมื่อใดก็ตาม โดยการแถลงเปิดตัวเมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา และยังมีการเปิดเผยอีกว่า เวลานี้ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงประกาศท่าทีในทำนองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว
ท่าทีดังกล่าวของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อีกนัยหนึ่งมันก็เหมือนกับการประกาศเป็นยุทธศาสตร์สำหรับใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ของเขาในอนาคต
"ผมจะลงสมัครในนามอิสระ โดยไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพของความขัดแย้ง อีกทั้งต้องการหาแนวร่วมพัฒนาพื้นที่ กทม. อีกทั้งการทำงานในกทม. จำเป็นต้องอาศัยแนวร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเพื่อพัฒนาเมือง ผมได้อธิบายเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยฟังแล้ว เชื่อว่าหากลงอิสระ จะได้แนวร่วม เพราะมีคนจำนวนมากที่เบื่อกับการเมือง ยิ่งสถานการณ์ และสภาพปัจจุบัน คนยิ่งเบื่อหนัก แต่ทุกคนต้องการเห็นกทม. และประเทศไทยดีขึ้น ดังนั้นจึงพิจารณาว่ามีทางเลือกไหนหรือไม่ ที่สามารถไปด้วยกันได้ ไม่ทะเลาะ การลงอิสระจะได้แนวร่วมมากขึ้น และการทำงานคล่องตัว ซึ่งผมมองในเชิงบริหารมากกว่าการเมือง เพราะงานการเมือง ผมไม่มีฐานเสียง"
นั่นเป็นคำพูดของ"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ที่แถลงในวันประกาศเปิดตัว และแสดงท่าทีทางการเมืองออกมาให้เห็น โดยให้เหตุผลแสดงความจำเป็นว่า ทำไมต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามอิสระ โดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ก็เพื่อต้องการ“หาแนวร่วม” จากทุกฝ่าย โดยไม่ต้องการให้เห็นภาพของความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่า
แม้ว่าในความจริงที่บุคลิกของ"ชัชชาติ" แม้ว่าที่ผ่านมาจะอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังถือว่ายังมีภาพในแบบ“ซอฟต์”มากกว่าคนอื่น ไม่ค่อยมีภาพการเมืองติดตัวเมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกพรรค หรือนักการเมืองในพรรค เป็นภาพที่มี “บุคลิกพิเศษ” เฉพาะตัวเหมือนกัน และที่ผ่านมาเขาก็แสดงท่าทีให้เห็นมานานแล้วว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งใน “สนามเล็ก”คือ ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มานานแล้ว ซึ่งในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ชัชชาติ ก็ไม่ลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แต่อย่างใด มีเพียงเป็นหนึ่งในสามแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ของพรรคเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ในภาพอีกด้านหนึ่งในการเมืองแล้วหากให้โฟกัสภายในพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาภาพที่เห็นก็คือ เขาไม่มีความโดดเด่นในระดับแกนนำแถวหน้าให้เห็นเลย อย่างมากก็เป็นแค่ตัวประกอบ หรือเป็นแค่สมาชิกที่ “สร้างภาพลักษณ์” ให้กับพรรคเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงในทางการเมือง ภายนอกเขาก็ถูกมองภาพในทางบวกแบบนั้นจริงๆ และเชื่อว่าหลายคนก็อยากสนับสนุนเขา เพียงแต่อาจติดที่มีภาพเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
**ดังนั้นการที่ประกาศลงสมัครในนามอิสระดังกล่าว ก็คงมั่นใจว่าจะ"ได้แนวร่วม" ที่หลากหลาย เหมือนกับที่แสดงความเชื่อดังกล่าวออกมาแล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับพรรคเพื่อไทยเวลานี้ที่ต้องยอมรับความจริงว่าเมื่อ"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ลาออกไปแบบนี้ มันก็ยิ่งมีข้อจำกัดในเรื่อง“ตัวเลือก”คนใหม่ที่จะมาแทนได้อย่างมีศักยภาพที่โดดเด่นพอ ขณะเดียวกัน สำหรับสนามการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ถือว่าเป็น “หน้าตา”สำคัญของพรรค ที่ต้องพยายามรักษา หรือช่วงชิงพื้นที่ให้ได้อย่างสูสีเมื่อมีการเลือกตั้งทุกประเภทเกิดขึ้น
และเป็นที่รับรู้กันว่า ในพื้นที่เมืองหลวงแห่งนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย เป็นเขตอิทธิพลทางการเมืองของ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งของพรรคอยู่ด้วย มันก็อยู่ในภาวะที่ “กระอักกระอ่วน”ไปไม่เป็น เพราะแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีภาพของการ“ขบเหลี่ยม”ปีนเกลียวกันอยู่ในที ให้สังเกตเห็นมาตลอด แต่เมื่อ ชัชชาติ “ชิ่ง”ออกไปดื้อๆแบบนี้ มันก็ทำให้แรงกดดันลงมาที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทันที
**เพราะหากจะทิ้งพื้นที่โดยไม่ยอมส่งผู้สมัครในนามพรรคที่ไปลงแข่งกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในสภาพที่เวลานี้ทั้งพรรค บุคลากร กวาดตาไปทั่วทั้งพรรคหาใครที่พอโดดเด่นพอมีน้ำยานั้น หาได้ยากเต็มที เพราะแม้แต่ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ ลงสนามมาเอง ก็พอหลับตาเห็นภาพได้ทันทีว่า ผลจะออกมาแบบไหน
ดังนั้น นาทีนี้สำหรับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย คงมึนไปหลายตลบ จะเดินหน้าถอยหลังก็ไม่ได้ ไหนจะต้องรักษาอิทธิพลในพื้นที่กรุงเทพฯ หากปล่อยว่างก็จะเสียหาย แต่หากเดินหน้าส่งลงสมัคร นาทีนี้คงยากที่ใครจะยอมลงมาให้เปลืองตัวหรือลงมา เพื่อที่จะแพ้
แต่สำหรับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นาทีนี้สำหรับเขาแล้วก็เหมือนสลัดพ้นจากพันธนาการไปสู่ความเป็นอิสระ ที่มีแต่ชนะกับเสมอตัว อีกทั้งสามารถนำเครือข่ายเดิมของพรรคเพื่อไทย มาใช้ประโยชน์ในทางการเมืองในสนามเลือกตั้งในกรุงเทพฯได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยไม่ต้องลงแรงสร้างใหม่แม้ว่าหนทางข้างหน้ายังไม่รู้ว่าผลจะออกมาแบบไหน เพราะยังมีตัวแปรใหม่ๆ จะเกิดขึ้นอีกมากมายก็ตาม แต่เมื่อออกตัวแบบนี้มันก็โปร่ง โล่งสบายตัว ไม่ใช่หรือ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น