กระทรวงการคลัง แจง โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยสนับสนุนเงินดาวน์ 50,000 บาท สามารถลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com เริ่ม 11 ธ.ค. 62 ถึง 31 มี.ค.63 ธอส.ใจดีดึงลูกค้าเดิมมาอนุมัติใหม่ 2.2 พันราย วงเงินกว่า 4 พันล.เข้าโครงการ
วานนี้ (28 พ.ย.) นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังร่วมประชุมกับกลุ่มผู้ประกอบการ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทยรวมถึงประชุมร่วมกับสถาบันการเงิน 19 แห่ง เพื่อชี้แจงรายละเอียดหลักเกณฑ์ แนวทางในการปฏิบัติ และแนวทางการตรวจสอบ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.62 เวลา 08.00 น. จนถึงวันที่ 31 มี.ค.63 โดยจะต้องงได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.62 จนถึงวันที่ 31 มี.ค.63 เท่านั้น
“ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน ตอบรับเป็นอย่างดี และพร้อมสนับสนุนโครงการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ตลอดทั้งโครงการ 1 แสนยูนิต จากสต็อกที่มีอยู่ 2.7 แสนยูนิต โดยบ้านในสต็อกดังกล่าวมีราคาเฉลี่ยประมาณ 4 ล้านบาท ดังนั้นหากสามารถระบายสต็อกได้ 1 หมื่นยูนิต ทำให้มีเงินถึง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีเงินไปลงทุนใหม่ โดยเงินดังกล่าวเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงยืนยันว่าไม่ได้เป็นการออกมาตรการเพื่อเอื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นการออกมาตรการคำนึงถึงภาพรวมเศรษฐกิจ” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่จะมีสิทธิ์ในโครงการบ้านดีมีดาวน์ ต้องมีคุณสมบัติ มีสัญชาติไทย, มีรายได้พึงประเมินในระบบภาษีสรรพากรปี 2561 ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท หรือเดือนละ 1 แสนบาท, หากกู้ร่วมจะดูรายได้ของผู้หลักเท่านั้น, ต้องเป็นการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมใหม่จากผู้ประกอบการที่เป็นผู้จัดสรรเท่านั้น, จะบ้านหลังที่เท่าไรก็ได้ ราคาเท่าใดก็ได้, เมื่อลงทะเบียนแล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติ และได้รับเอสเอ็มเอสภายใน 3 วันทำการ, หากเป็นกลุ่มที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อและทำนิติกรรมก่อนวันที่ 11 ธ.ค.62 ที่ให้ลงทะเบียนระบบจะตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันการเงินได้ทันที โดยใช้เวลา 3 วันทำการและจำแจ้งผลการตรวจสอบไปให้ทราบ, ส่วนกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการอนุมติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 11 ธ.ค.62 ถ้าได้รับอนุมัติและทำนิติกรรมเรียบร้อยแล้ว ธนาคารจะแจ้งเข้ามายังระบบกระทรวงการคลัง หลังจากนั้นกระทรวงจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วันทำการ, เมื่อได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะดำเนินการโอนเงิน 5 หมื่นบาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประชาชน 13 หลักภายใน 2 วันทำการ
ด้าน นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า ธอส.จะช่วยเหลือลูกค้า โดยนำสินเชื่อที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้ 3 วันมาอนุมัติใหม่ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 วงเงินรวม 4.3 พันล้านบาท จำนวน 2.2 พันราย เพื่อให้ลูกค้าดังกล่าวได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการบ้านดีมีดาวน์ของรัฐบาล สำหรับมาตรการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 2.5% นาน 3 ปีวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดมีคำขอสินเชื่อเข้ามาแล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และอนุมัติไปแล้ว 7 พันล้านบาท
วานนี้ (28 พ.ย.) นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังร่วมประชุมกับกลุ่มผู้ประกอบการ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทยรวมถึงประชุมร่วมกับสถาบันการเงิน 19 แห่ง เพื่อชี้แจงรายละเอียดหลักเกณฑ์ แนวทางในการปฏิบัติ และแนวทางการตรวจสอบ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.บ้านดีมีดาวน์.com ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.62 เวลา 08.00 น. จนถึงวันที่ 31 มี.ค.63 โดยจะต้องงได้รับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินและจดจำนองตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.62 จนถึงวันที่ 31 มี.ค.63 เท่านั้น
“ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงิน ตอบรับเป็นอย่างดี และพร้อมสนับสนุนโครงการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ตลอดทั้งโครงการ 1 แสนยูนิต จากสต็อกที่มีอยู่ 2.7 แสนยูนิต โดยบ้านในสต็อกดังกล่าวมีราคาเฉลี่ยประมาณ 4 ล้านบาท ดังนั้นหากสามารถระบายสต็อกได้ 1 หมื่นยูนิต ทำให้มีเงินถึง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีเงินไปลงทุนใหม่ โดยเงินดังกล่าวเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงยืนยันว่าไม่ได้เป็นการออกมาตรการเพื่อเอื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นการออกมาตรการคำนึงถึงภาพรวมเศรษฐกิจ” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่จะมีสิทธิ์ในโครงการบ้านดีมีดาวน์ ต้องมีคุณสมบัติ มีสัญชาติไทย, มีรายได้พึงประเมินในระบบภาษีสรรพากรปี 2561 ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท หรือเดือนละ 1 แสนบาท, หากกู้ร่วมจะดูรายได้ของผู้หลักเท่านั้น, ต้องเป็นการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมใหม่จากผู้ประกอบการที่เป็นผู้จัดสรรเท่านั้น, จะบ้านหลังที่เท่าไรก็ได้ ราคาเท่าใดก็ได้, เมื่อลงทะเบียนแล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติ และได้รับเอสเอ็มเอสภายใน 3 วันทำการ, หากเป็นกลุ่มที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อและทำนิติกรรมก่อนวันที่ 11 ธ.ค.62 ที่ให้ลงทะเบียนระบบจะตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันการเงินได้ทันที โดยใช้เวลา 3 วันทำการและจำแจ้งผลการตรวจสอบไปให้ทราบ, ส่วนกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการอนุมติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 11 ธ.ค.62 ถ้าได้รับอนุมัติและทำนิติกรรมเรียบร้อยแล้ว ธนาคารจะแจ้งเข้ามายังระบบกระทรวงการคลัง หลังจากนั้นกระทรวงจะใช้เวลาตรวจสอบ 3 วันทำการ, เมื่อได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะดำเนินการโอนเงิน 5 หมื่นบาท เข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประชาชน 13 หลักภายใน 2 วันทำการ
ด้าน นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า ธอส.จะช่วยเหลือลูกค้า โดยนำสินเชื่อที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้ 3 วันมาอนุมัติใหม่ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 วงเงินรวม 4.3 พันล้านบาท จำนวน 2.2 พันราย เพื่อให้ลูกค้าดังกล่าวได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการบ้านดีมีดาวน์ของรัฐบาล สำหรับมาตรการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 2.5% นาน 3 ปีวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดมีคำขอสินเชื่อเข้ามาแล้ว 1.2 หมื่นล้านบาท และอนุมัติไปแล้ว 7 พันล้านบาท