นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (26 พ.ย.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอประกอบด้วย มาตรการที่ 1. โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจในปี 2562 เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชน เกษตรกรรายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs อสังหาริมทรัพย์ ฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มี 3 โครงการย่อย ได้แก่
1.1 โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระดับหมู่บ้าน จัดสรรเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองที่ได้รับการประเมินในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติภายใต้วงเงินรวม 14,348.4 ล้านบาท
1.2 โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.01% ต่อปี นาน 3 ปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยตามปกติของ ธ.ก.ส. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ถึง 30 พฤศจิกายน 2565
1.3 โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ เพื่อให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ผ่อนคลายภาระการชำระหนี้ และนำเงินส่วนดังกล่าวมาประกอบอาชีพสร้างรายได้
2. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 โดยเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับเงินช่วยเหลือ ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท
รัฐบาลยังได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม โดยสนับสนุนต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ขยายเวลาการจ่ายเงินให้เกษตรกรจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2563
3. มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย โครงการ "บ้านดีมีดาวน์" รัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาท ต่อราย ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำนวน 100,000 ราย และผ่านเกณฑ์ ตามแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 62 - 31 มีนาคม 2563
มาตรการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4ปี62 โตต่อเนื่อง สร้างแรงส่งให้เศรษฐกิจปี 2563 ขยายตัวอย่างมีศักยภาพ และคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 8 หมื่นล้าน ช่วยให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ 2.6%