ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"ถกประธานาธิบดีเกาหลี ยกระดับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐาน ช่วยเหลือ MSMEs เทคโนโลยีและนวัตกรรม สบช่องดึงนักลงทุนเกาหลีเข้า EEC เน้นอุตสาหกรรม 4.0 และอุตสาหกรรมที่รับมือ 4IR เผยยังได้ลงนาม MOU 3 ฉบับ ร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ การลงทุนใน EEC และแรงงาน ขณะที่วงหารืออาเซียน-เกาหลี พร้อมร่วมมืออย่างไร้รอยต่อทุกด้าน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนายมุน แช-อิน ประธานาธิบดีเกาหลี ว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีอย่างรอบด้าน เช่น ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) การพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาความเชื่อมโยงภาคประชาชน โดยเกาหลีใต้ยินดีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมในด้านที่มีความเชี่ยวชาญกับไทย โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ นายกฯ ได้เชิญชวนนักลงทุนจากเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในกลุ่มอุตสาหกรรม 4.0 และกลุ่มอุตสาหกรรมที่รองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 (4IR) ซึ่งเกาหลีใต้มีศักยภาพและมีความสนใจเช่น ยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล และหุ่นยนต์ รวมทั้งความร่วมมือการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรให้นำมาเกิดประโยชน์ใหม่
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรี และนายมุน แช-อิน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์ ผ่านการวิจัยและพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเกาหลีใต้
2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจพื้นที่ EEC และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ กำหนดให้มีการประชุมระหว่างผู้ปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าร่วมพิธีเปิด และกล่าวถ้อยแถลงแสดงความยินดีในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจอาเซียน-เกาหลี โดยระบุว่าอาเซียนให้ความสำคัญกับการความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ทั้งในด้านการค้า การค้าดิจิทัล การลดอุปสรรคทางการค้า และการเร่งความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-เกาหลี และการเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่เกาหลีมีความโดดเด่น เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือทวิภาคีระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนายมุน แช-อิน ประธานาธิบดีเกาหลี ว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกระชับความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีอย่างรอบด้าน เช่น ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) การพัฒนาการศึกษา และการพัฒนาความเชื่อมโยงภาคประชาชน โดยเกาหลีใต้ยินดีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมในด้านที่มีความเชี่ยวชาญกับไทย โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาและต่อยอดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ นายกฯ ได้เชิญชวนนักลงทุนจากเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในกลุ่มอุตสาหกรรม 4.0 และกลุ่มอุตสาหกรรมที่รองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 (4IR) ซึ่งเกาหลีใต้มีศักยภาพและมีความสนใจเช่น ยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล และหุ่นยนต์ รวมทั้งความร่วมมือการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตรให้นำมาเกิดประโยชน์ใหม่
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรี และนายมุน แช-อิน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์ ผ่านการวิจัยและพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเกาหลีใต้
2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจพื้นที่ EEC และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ กำหนดให้มีการประชุมระหว่างผู้ปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าร่วมพิธีเปิด และกล่าวถ้อยแถลงแสดงความยินดีในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจอาเซียน-เกาหลี โดยระบุว่าอาเซียนให้ความสำคัญกับการความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ทั้งในด้านการค้า การค้าดิจิทัล การลดอุปสรรคทางการค้า และการเร่งความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-เกาหลี และการเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่เกาหลีมีความโดดเด่น เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรม