ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "ธนาธร"ประกาศนำ "อนาคตใหม่"เดินหน้าต่อไป เพื่อจุดหมาย "เปลี่ยนแปลงประเทศไทย"...แต่ระหว่างทางต้องฝ่าด่าน ม.151 และ ม.66 ที่มีโทษอาญา และยุบพรรค ซึ่งกกต.เงื้อดาบรอฟันอยู่ระหว่างทางแล้ว
ในที่สุด "วันพิพากษา" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็มาถึง... เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7ต่อ 2 ให้เขาพ้นสภาพจากส.ส.บัญชีรายชื่อ จากเหตุถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วี- ลัค มีเดีย จำกัด ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ( 6) ประกอบมาตรา 98(3)
สำนวนคำร้องที่ กกต.ส่งให้ศาลฯวินิจฉัยครั้งนี้ มีเพียงเรื่อง"สถานภาพส.ส."ประเด็นเดียว...ดังนั้น ความเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ของเขายังคงอยู่ และยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจากศาลฯ ไม่ได้ตัดสิทธิทางการเมือง
หลังฟังคำตัดสิน "ธนาธร" ก็ออกมาแถลงสู้นอกศาลฯ ... ทั้งในเรื่องสถานภาพของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ...เรื่อง เจตนารมณ์รธน. มาตรา 98 ว่า ไม่ให้นักการเมืองให้คุณกับตัวเอง ให้โทษกับผู้อื่น แต่ศาลฯ ไม่ได้บอกว่าตัวเขา หรือบริษัท วี-ลัคฯ ทำผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญอย่างไร... การจดแจ้ง บอจ.5 กับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการนำเช็คค่าหุ้นไปขึ้นเงิน จะช้า หรือเร็ว ไม่ใช่ประเด็น ...ก่อนสรุปว่า ในศาลฯไม่มีตุลาการคนใด เป็นนักธุรกิจเลย จึงไม่เข้าใจเรื่อง "รสนิยม" ในการลงทุน ... เหตุผลที่ศาลฯ ยกขึ้นมาวินิจฉัยให้เขาพ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ล้วนเป็นข้อสันนิษฐาน ไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ มาหักล้างเอกสารหลักฐานที่้เขานำเสนอเลย...จึงขอให้ประชาชนตัดสินเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นธรรมหรือไม่...
"ธนาธร"ประกาศว่า ขณะนี้ไปแม้เขาจะไม่ได้เป็นส.ส. แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังเป็น"แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" ยังมีโอกาสกลับมาเป็นส.ส. เพราะ "อนาคตใหม่" คือการเดินทาง ที่มีจุดหมายคือเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
แต่ "ธนาธร" จะเดินไปถึงจุดหมาย หรือไม่นั้นยังเป็นคำถาม...
เพราะ "จุดเริ่มต้น" ที่ศาลฯตัดสินให้สิ้นสภาพส.ส.ครั้งนี้ กำลังจะถูกขยายแผลออกไป โดยกกต.เตรียมตั้งแท่นให้คณะกรรมการสืบสวน ไต่สวนดำเนินการต่อ ตามที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนเอาไว้แล้วว่า "ธนาธร" ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) และ มาตรา 98(3) ที่สรุปหลักใหญ่ใจความว่า ...
...ผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง...คราวนี้ เป็น"โทษอาญา" แล้ว... เพราะถ้ามีความผิดตาม มาตรา 151 ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ยังมีเรื่อง ที่กกต.เพิ่งมีมติไปเมื่อวันก่อน ให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งเอกสาร หลักฐาน เกี่ยวกับการกู้เงิน จาก "ธนาธร" จำนวน 191 ล้านบาทตามที่มีผู้ร้องเรียนไว้หลายเดือนแล้ว ว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 66 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง...หากผิดก็มีโทษถึง"ยุบพรรค"
แม้เรื่องนี้ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะออกมาแย้งว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้ห้ามเรื่องการกู้เงิน ดังนั้นการที่พรรคกู้เงินจึงไม่ใช่เรื่องผิด... จึงยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่
แต่ในมุมมองของ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี "มือกฎหมาย" มองว่ามันมีหลักพิจารณาอยู่ 2 อย่างคือ 1.ไม่ได้ห้าม เพราะฉะนั้นทำได้ และ 2.ไม่ได้อนุญาต เพราะฉะนั้นจึงทำไม่ได้ ซึ่ง 2 หลักนี้ไม่ได้มั่ว... มันมีวิธีใช้ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไรจะใช้...
ดังนั้นคำตอบที่ว่า "ธนาธร" จะเดินไปถึงจุดหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยหรือไม่...จะต้องผ่านด่าน มาตรา151 และ มาตรา 66 นี้ให้ได้เสียก่อน เพราะถ้าไม่ผ่าน ก็หมายถึงโทษอาญา และโทษยุบพรรค !!
** "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล "อยู่เป็น" ลงเรือลำเดียวกัน เชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า
แม้พื้นที่ข่าว และหน้าฟีดของชาวโลกออนไลน์ เมื่อวานนี้ (20พ.ย.)จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของ“พ่อน้องฟ้า”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่“อยู่ไม่เป็น”กับ“วันพิพากษา”ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสภาพ ส.ส.ไปเรียบร้อย
ในพื้นที่สื่อส่วนตัวของหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่จัดว่า“ท็อปฟอร์ม”ในเรื่องผลงานเข้าตาโพลอย่าง “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นั้นถือว่าสอดแทรกเข้ามาได้จังหวะเบียดพื้นที่ด้วยภาพที่มาพร้อมแคปชั่น แฝงนัยสไตล์เขาละ ไม่พูดมาก“เจ็บลิ้นไก่”
เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล”โพสต์ภาพ ขณะนั่งเรือร่วมกับ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคำว่า "ลงเรือลำเดียวกันเชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า"
เขาว่า ภาพๆเดียวแทนคำพูดได้นับหมื่นฉันใด คอการเมืองทั้งหลายมองภาพนี้ปุ๊บ ก็คาดเดาความคิดของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าต้องการสื่ออะไร ?
แน่นอนว่า กระแสข่าวก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน โดนถลุงหนักจากสื่อใหญ่บางสำนัก โดยเฉพาะ“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม จนนำไปสู่การลากโยงไปถึงการเมือง ความกินแหนงคลางแคลงใจ ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ขยายความกัน“เกินเลยไปมาก”
อย่ากระนั้นเลย ในความอ่อนไหวของการเมืองช่วงก่อนที่จะมีอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกไม่นาน หากขยายความกันไป-มา “เสี้ยม”หนักๆเข้า น้ำหยดลงหินทุกวันมันจะพัฒนา พานกลายเป็นเรื่องที่พรรคร่วมมาระแวงกันเอง ยังมิทันออกรบกับฝ่ายค้าน ก็ซัดกันเองซะแล้ว... เวลานี้จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะบอกอะไรสักอย่างของ อนุทิน
คำว่า “ลงเรือลำเดียวกันเชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า”จึงเป็นนัยที่ “กัปตันเรือลุงตู่”คงยิ้มแก้มตุ่ย
กดไลค์ให้รัวๆๆ
----------
รูป- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ— อนุทิน ชาญวีรกูล
** "ธนาธร"ประกาศนำ "อนาคตใหม่"เดินหน้าต่อไป เพื่อจุดหมาย "เปลี่ยนแปลงประเทศไทย"...แต่ระหว่างทางต้องฝ่าด่าน ม.151 และ ม.66 ที่มีโทษอาญา และยุบพรรค ซึ่งกกต.เงื้อดาบรอฟันอยู่ระหว่างทางแล้ว
ในที่สุด "วันพิพากษา" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็มาถึง... เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7ต่อ 2 ให้เขาพ้นสภาพจากส.ส.บัญชีรายชื่อ จากเหตุถือครองหุ้นสื่อ บริษัท วี- ลัค มีเดีย จำกัด ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ( 6) ประกอบมาตรา 98(3)
สำนวนคำร้องที่ กกต.ส่งให้ศาลฯวินิจฉัยครั้งนี้ มีเพียงเรื่อง"สถานภาพส.ส."ประเด็นเดียว...ดังนั้น ความเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ของเขายังคงอยู่ และยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจากศาลฯ ไม่ได้ตัดสิทธิทางการเมือง
หลังฟังคำตัดสิน "ธนาธร" ก็ออกมาแถลงสู้นอกศาลฯ ... ทั้งในเรื่องสถานภาพของ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ...เรื่อง เจตนารมณ์รธน. มาตรา 98 ว่า ไม่ให้นักการเมืองให้คุณกับตัวเอง ให้โทษกับผู้อื่น แต่ศาลฯ ไม่ได้บอกว่าตัวเขา หรือบริษัท วี-ลัคฯ ทำผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญอย่างไร... การจดแจ้ง บอจ.5 กับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการนำเช็คค่าหุ้นไปขึ้นเงิน จะช้า หรือเร็ว ไม่ใช่ประเด็น ...ก่อนสรุปว่า ในศาลฯไม่มีตุลาการคนใด เป็นนักธุรกิจเลย จึงไม่เข้าใจเรื่อง "รสนิยม" ในการลงทุน ... เหตุผลที่ศาลฯ ยกขึ้นมาวินิจฉัยให้เขาพ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ล้วนเป็นข้อสันนิษฐาน ไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ มาหักล้างเอกสารหลักฐานที่้เขานำเสนอเลย...จึงขอให้ประชาชนตัดสินเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นธรรมหรือไม่...
"ธนาธร"ประกาศว่า ขณะนี้ไปแม้เขาจะไม่ได้เป็นส.ส. แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังเป็น"แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" ยังมีโอกาสกลับมาเป็นส.ส. เพราะ "อนาคตใหม่" คือการเดินทาง ที่มีจุดหมายคือเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
แต่ "ธนาธร" จะเดินไปถึงจุดหมาย หรือไม่นั้นยังเป็นคำถาม...
เพราะ "จุดเริ่มต้น" ที่ศาลฯตัดสินให้สิ้นสภาพส.ส.ครั้งนี้ กำลังจะถูกขยายแผลออกไป โดยกกต.เตรียมตั้งแท่นให้คณะกรรมการสืบสวน ไต่สวนดำเนินการต่อ ตามที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนเอาไว้แล้วว่า "ธนาธร" ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) และ มาตรา 98(3) ที่สรุปหลักใหญ่ใจความว่า ...
...ผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง...คราวนี้ เป็น"โทษอาญา" แล้ว... เพราะถ้ามีความผิดตาม มาตรา 151 ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ยังมีเรื่อง ที่กกต.เพิ่งมีมติไปเมื่อวันก่อน ให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งเอกสาร หลักฐาน เกี่ยวกับการกู้เงิน จาก "ธนาธร" จำนวน 191 ล้านบาทตามที่มีผู้ร้องเรียนไว้หลายเดือนแล้ว ว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 66 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง...หากผิดก็มีโทษถึง"ยุบพรรค"
แม้เรื่องนี้ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะออกมาแย้งว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้ห้ามเรื่องการกู้เงิน ดังนั้นการที่พรรคกู้เงินจึงไม่ใช่เรื่องผิด... จึงยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่
แต่ในมุมมองของ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี "มือกฎหมาย" มองว่ามันมีหลักพิจารณาอยู่ 2 อย่างคือ 1.ไม่ได้ห้าม เพราะฉะนั้นทำได้ และ 2.ไม่ได้อนุญาต เพราะฉะนั้นจึงทำไม่ได้ ซึ่ง 2 หลักนี้ไม่ได้มั่ว... มันมีวิธีใช้ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไรจะใช้...
ดังนั้นคำตอบที่ว่า "ธนาธร" จะเดินไปถึงจุดหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยหรือไม่...จะต้องผ่านด่าน มาตรา151 และ มาตรา 66 นี้ให้ได้เสียก่อน เพราะถ้าไม่ผ่าน ก็หมายถึงโทษอาญา และโทษยุบพรรค !!
** "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล "อยู่เป็น" ลงเรือลำเดียวกัน เชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า
แม้พื้นที่ข่าว และหน้าฟีดของชาวโลกออนไลน์ เมื่อวานนี้ (20พ.ย.)จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของ“พ่อน้องฟ้า”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่“อยู่ไม่เป็น”กับ“วันพิพากษา”ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสภาพ ส.ส.ไปเรียบร้อย
ในพื้นที่สื่อส่วนตัวของหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่จัดว่า“ท็อปฟอร์ม”ในเรื่องผลงานเข้าตาโพลอย่าง “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นั้นถือว่าสอดแทรกเข้ามาได้จังหวะเบียดพื้นที่ด้วยภาพที่มาพร้อมแคปชั่น แฝงนัยสไตล์เขาละ ไม่พูดมาก“เจ็บลิ้นไก่”
เฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล”โพสต์ภาพ ขณะนั่งเรือร่วมกับ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคำว่า "ลงเรือลำเดียวกันเชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า"
เขาว่า ภาพๆเดียวแทนคำพูดได้นับหมื่นฉันใด คอการเมืองทั้งหลายมองภาพนี้ปุ๊บ ก็คาดเดาความคิดของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าต้องการสื่ออะไร ?
แน่นอนว่า กระแสข่าวก่อนหน้านี้ พรรคภูมิใจไทยของ อนุทิน โดนถลุงหนักจากสื่อใหญ่บางสำนัก โดยเฉพาะ“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม จนนำไปสู่การลากโยงไปถึงการเมือง ความกินแหนงคลางแคลงใจ ระหว่างพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ขยายความกัน“เกินเลยไปมาก”
อย่ากระนั้นเลย ในความอ่อนไหวของการเมืองช่วงก่อนที่จะมีอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกไม่นาน หากขยายความกันไป-มา “เสี้ยม”หนักๆเข้า น้ำหยดลงหินทุกวันมันจะพัฒนา พานกลายเป็นเรื่องที่พรรคร่วมมาระแวงกันเอง ยังมิทันออกรบกับฝ่ายค้าน ก็ซัดกันเองซะแล้ว... เวลานี้จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะบอกอะไรสักอย่างของ อนุทิน
คำว่า “ลงเรือลำเดียวกันเชื่อฟังกัปตันท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า”จึงเป็นนัยที่ “กัปตันเรือลุงตู่”คงยิ้มแก้มตุ่ย
กดไลค์ให้รัวๆๆ
----------
รูป- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ— อนุทิน ชาญวีรกูล