xs
xsm
sm
md
lg

"เสรีพิศุทธ์"ปะทะคารมเดือด "ปารีณา"จ่อยื่นสอบจริยธรรม-ส่งป.ป.ช.ฟัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วานนี้ (20 พ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาชี้แจงกมธ. กรณีการถวายสัตย์ ไม่ครบถ้วนและ การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ถูกต้องตามรธน. แต่ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ติดภารกิจขอเลื่อนการชี้แจงต่อกมธ. ด้วยตนเอง โดยส่งหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแทน ทั้งนี้ในส่วนของ พล.อ.ประวิตร ยังคงส่งนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประสำนักนายกฯมาชี้แจงแทน
**"เสรีพิศุทธ์"ดวลฝีปาก"สิระ-ปารีณา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกมธ. ยังได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีเทศบาลกะรน จ.ภูเก็ต ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจการรุกที่ป่า ของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง โดยมี จนท.รัฐให้ความช่วยเหลือในการออกเอกสารสิทธิ ซึ่งนายอิทธิพร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ จึงต้องมายื่นร้องเรียนเรื่องดังกล่าวต่อ กมธ.เอง
ระหว่างนั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กมธ.ซีกฝ่ายรัฐบาล กล่าวขอให้ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลกะรน อยู่ในห้องประชุมก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้ว ในเรื่องการถมหินรุกล้ำอย่าง รีสอร์ต ภูไพรธารน้ำ ที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เคยกระทำความผิดมาแล้ว ทำให้ นายสิระ ที่นั่งอยู่ข้างน.ส.ปารีณา ตบมือเชียร์เสียงดังลั่นห้องประชุม ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวสวนทันทีด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า "เดี๋ยวคุณจะโดน จะกล่าวหาอะไรผม ขอให้ทำหนังสือมาเลย ผมยินดีให้ตรวจสอบ" ซึ่งน.ส.ปารีณา กล่าวตอบโต้ว่า "ไม่ได้กล่าวหา เพราะถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว" ก่อนที่ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จะตัดบทขอให้ขอให้พิจารณาเรื่องที่อยู่ในระเบียบวาระ อย่าเอาเรื่องความรู้สึกที่ไม่เกี่ยวข้องมาพูดคุย จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมอื่นๆ ต่อไป
ต่อมา นายประสาน ที่จะมาชี้แจงต่อ กมธ.ในฐานะตัวแทนของพล.อ.ประวิตร แต่ปรากฏว่านายสิระ ได้บอกให้นายประสาน กลับไป ไม่ต้องชี้แจง เพราะหนังสือที่ กมธ.เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มาชี้แจง ใช้อำนาจตาม มาตรา 6 พ.ร.บ.คำสั่งเรียก ซึ่งขัดกับมติของที่ประชุมกมธ. ที่ให้เชิญทั้งสองคนมาชี้แจง ดังนั้นนายประสาน ไม่จำเป็นต้องอยู่ชี้แจง เพราะกมธ.ใช้อำนาจไม่ถูกต้อง จึงเกิดการโต้เถียงกันไปมากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างข้อกฎหมายมาใส่กัน ในที่สุดที่ประชุมยินยอมให้นายประสาน ชี้แจง
หลังจากนั้นที่ประชุมยังคงมีข้อโต้เถียงกันอีก เมื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะไม่รับหนังสือชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะในหนังสือที่แจ้งต่อกมธ. มาก่อนหน้านี้ไม่ได้ระบุให้นายประสาน เป็นตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ นำมา จึงเกิดการโต้เถียงกันอีกรอบ จนในที่สุดต้องขอมติจากที่ประชุม โดยที่ประชุมเห็นชอบให้รับหนังสือของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมี นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกมธ. ในซีกฝ่ายค้านยกมือสนับสนุนให้ด้วย โดยนายจารึก บอกว่า เพื่อให้เรื่องจบไป
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ เนื่องจาก นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เห็นว่า คำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ที่ชี้แจงเป็นลายลักษณ์ในประเด็นที่ กมธ.ซักถามมานั้น มีจำนวนมาก ทำให้กมธ.อ่านไม่ทัน จึงขอกลับไปศึกษาก่อน แล้วค่อยกลับมาพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ได้ทวงเอกสารเพิ่มเติมจาก นายประสาน 2 ฉบับ ที่กมธ.ยังไม่ได้รับคือ 1. กระดาษที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะอ่านคำถวายสัตย์ปฏิญาณ 2. เอกสารที่มติครม. เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่นายกฯ เสนอต่อประธานสภาฯ เพื่อบรรจุเข้าสู่การประชุมสภาฯ ในวาระ1 หากได้เอกสาร 2 ฉบับมาแล้ว ค่อยมาพิจารณาว่า จะต้องเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงต่อกมธ. อีกหรือไม่ แต่หากยังไม่ได้เอกสารดังกล่าว กมธ.ก็ต้องเรียกทั้งสองคนมาชี้แจงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการโต้เถียงระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับนายสิระ ที่มีการชี้หน้ากันไปมาตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มการประชุม โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ต่อว่านายสิระ ว่า “อย่ามาชี้หน้าผม”แต่นายสิระ ก็สวนกลับทันทีว่า “คุณก็อย่ามาชี้หน้าผมเหมือนกัน”และในบางช่วง น.ส.ปารีณา ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เพื่อเก็บข้อมูลไว้เป็นหลักฐาน เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เห็นเข้า จึงสั่งให้หยุดถ่าย ไม่เช่นนั้นจะขอยึดโทรศัพท์ น.ส.ปารีณา ทำให้ น.ส.ปารีณา ตอบโต้ไปว่า ใช้สิทธิอะไรมายึด
ภายหลังการประชุม นายประสาน กล่าวว่า คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงอีกแล้ว เนื่องจากในส่วนของพล.อ.ประวิตร เรียบร้อยแล้ว มีเพียงเอกสาร 2 ฉบับ ที่กมธ.ต้องการ ก็จะไปแจ้งให้นายกฯ เพื่อส่งเอกสารให้กมธ.ต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ กมธ.ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงอีกหรือไม่ เพราะต้องรอเอกสารอีก 2 ฉบับ จากนายกฯ เมื่อได้เอกสารมาแล้ว ค่อยไปพิจารณาในที่ประชุมกมธ.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ว่าจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป

** ปารีณาเตรียมยื่นป.ป.ช.ฟันเสรีพิศุทธ์

น.ส.ปารีณา กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำผิดระเบียบและข้อกฎหมาย หลายกระทง อาทิ 1. ในระหว่างการประชุมกมธ. ช่วงหนึ่ง ได้สอบถาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถึงกรณี นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่18 พ.ย. ตามที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ลงนามคำสั่ง แต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกมธ. ให้มีผลวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งก่อนหน้านั้น ตนได้ไปแจ้งความเอาผิด นายวัฒนา ตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เอาไว้ เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ฟังข้อสอบถาม จึงได้ขอนำเฟซบุ๊ก นายวัฒนาไปดู และยอมรับว่า ใช่ ได้ลงนามแต่งตั้งที่ปรึกษาจริง ซึ่งจากประเด็นตรงนี้ ทำให้นายวัฒนา พ้นจากข้อกล่าวหาว่า เอาความเท็จลงในโลกออนไลน์ แต่ในทางกลับกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลายเป็นคนทำผิดกฎหมายเสียเอง จะโดนข้อหา ลงนามในหนังสือราชการอันเป็นเท็จ เนื่องจากในหนังสือ มีการระบุชัดเจน อาศัยมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เห็นชอบให้มีการแต่งตั้ง ที่ปรึกษาประธานกมธ. ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วการประชุม วันที่ 20พ.ย.ไม่เคยมีมติจากกมธ.เห็นชอบ ตามที่ประธานกล่าวอ้าง
2. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำผิดระเบียบ กรณีการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร มาชี้แจงต่อกมธ. ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า จะเชิญนายกฯ และรองนายกฯ มาชี้แจงต่อข้อสงสัย แต่ในหนังสือที่ส่งไป กลับทำเป็นหนังสือเรียก แสดงว่า เจตนาบิดเบือน เพราะคำว่า เชิญ กับ เรียก มีความหมายต่างกัน ซึ่งมีผลต่อผู้ที่ถูกเรียก หรือเชิญ ใช้ดุลพินิจตัดสินใจ
3. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะประธานกมธ. ตามข้อบังคับการประชุม ไม่มีสิทธิออกเสียง เว้นแต่เสียงโหวตในที่ประชุมเท่ากัน แต่การประชุมวันที่ 20 พ.ย. ตอนที่สมาชิกขอหารือ ควรจะเชิญสื่อมาร่วมรับฟังการประชุมครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ หรือไม่ ฝ่ายที่เห็นด้วยควรเปิดโอกาสให้สื่อเข้ามาร่วมรับฟัง ทำข่าว โหวตคะแนน 6 เสียง แต่มีสมาชิกท่านหนึ่งออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง แล้วมีการโหวตทันที แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ลงคะแนนเสียง 7 เสียง แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับมายกมือสนับสนุนด้วย ถือเป็นการทำผิดข้อบังคับการประชุมอย่างชัดเจน
นส.ปารีณา กล่าวว่า จากข้อหาความผิดในหลายๆ เหตุผล ในเร็ววันนี้ตนจะไปยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ เพื่อให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และจะไปยื่นต่อ ปปช. เอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
**"เสรีพิศุทธ์"เมินถูกยื่นปลดจากปธ.กมธ.
ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงความพยายามของฝ่ายรัฐบาล ในการจะปลดตนเองออกจากการเป็นประธานคณะกมธ.ว่า อยากจะขออธิบายว่า คณะกมธ. 35 คณะ ตั้งโดยสภาผู้แทนราษฎร และตำแหน่งประธานคณะกมธ. เป็นเรื่องที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านได้หารือกันมาแล้ว โดยจัดสรรให้ตามสัดส่วนของ ส.ส.แต่ละพรรค ซึ่งประธานคณะกมธ.ชุดนี้ เป็นสัดส่วนของพรรคเสรีรวมไทย เป็นเหมือนสมบัติของพรรคเรา ใครก็เอาไปไม่ได้ ต่อให้14 คนใน กมธ.เสนอปลด ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมันเป็นโควต้าของพรรค การเสนอจะให้ปลดแบบนี้เหมือนเป็นการปล้นกัน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงการลงนามในเอกสารแต่งตั้งที่ปรึกษาของประธานกมธ. ล่วงหน้า โดยอ้างมติของคณะกมธ.ว่าคนส่วนใหญ่ทำงานมาน้อยก็จะไม่เข้าใจขั้นตอนการทำงานของตน ที่ต้องการความรวดเร็ว และที่ทำไปก็เพื่อที่ปรึกษาได้เข้ามานั่งทำงานได้ทันทีในวันนี้ ไม่ต้องเสียเวลาไปอีกสัปดาห์หนึ่ง คำสั่งแต่งตั้งข้าราชการ ก็ทำล่วงหน้าแบบนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นอำนาจแต่งตั้งของตน ไม่จำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุม แต่ตนให้เกียรติคณะกมธ. รวมทั้งให้กมธ.ของแต่ละพรรคการเมือง ส่งตัวแทนมา จึงได้เห็นชื่อของนายวัฒนา เมืองสุข เพราะพรรคเพื่อไทยเสนอมา
ด้านนายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษากมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า การตั้งที่ปรึกษาประธาน กมธ. เป็นอำนาจโดยตรงของประธานกมธ. ไม่จำเป็นต้องให้ที่ประชุมกมธ. พิจารณา
ส่วนที่มีการระบุว่า ตนเองยังมีคดีอาญาในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ในรธน. มาตรา 129 วรรค 4 กมธ. มีอำนาจเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำชี้แจง ยกเว้นผู้พิพากษา และองค์กรอิสระ ดังนั้นตนจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาประธาน กมธ. ก็ไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ผู้พิพากษาแต่อย่างใด เนื่องจากรธน. มาตราดังกล่าว ได้คุ้มครองไว้แล้ว อีกทั้งรธน. ยังกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ปรึกษาประธาน กมธ. ดังกล่าวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น