ผู้จัดการรายวัน 360 – สลดเกิดเหตุยิงกันในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดจันทบุรี ทำให้เสียชีวิต 3 ราย รวมถึงทนายความชื่อดัง “บัญชา ปรมีศณาภรณ์” มูลเหตุเกิดจากคดีข้อพิพาทมรกดทีดิน เลขาฯ ด้านศาลยุติธรรม สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในศาลด่วน พร้อมพัฒนาพนักงานตำรวจ จาก 35 เป็น 300 คน “พลเอกประยุทธ์” ชี้เหตุยิงกันในศาลจันทบุรีเป็นเรื่องของกม. กระบวนการยุติธรรม ศาลตัดสินเอง ใครผิดก็ติดคุก "สมศักดิ์" เร่งทบทวนความปลอดภัยพื้นที่ศาล
วานนี้ (12 พ.ย.) ได้เกิดเหตุยิงกันภายในห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลจังหวัดจันทบุรี ระหว่างรอกระบวนพิจารณาคดีพิพาทมรดกที่ดิน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และผู้ถูกยิงบาดเจ็บ 3 คนรวมผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณ ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงสกัดได้รับบาดเจ็บหลังก่อเหตุดังกล่าว
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีผู้ถูกยิงจำนวน 5 ราย ประกอบไปด้วย 1.นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ (เป็นโจทก์ที่ 2 และ ในฐานะทนายโจทก์ ที่ 2 และ 3) 2.นายวิจัย สุขรมย์ (ทนายฝ่ายโจทก์) 3.นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ (ภริยานายบัญชา) 4.นายวิชัย อุดมธนภัทร (ทนายฝ่ายโจทก์) และ 5.พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ จำเลยที่ 3 เป็นผู้ก่อเหตุยิง 4 รายแรก ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ยิงจนได้รับบาด เจ็บ และนำตัวส่งที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี
ต่อมาได้รับรายงานว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ , นายวิจัย สุขรมย์ และ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ (ผู้ก่อเหตุ)
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้น สืบเนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่ายพิพาทกันหลายคดีต่อเนื่องมานานหลายปี เริ่มต้นจากคดีแพ่งพิพาทเกี่ยวด้วยที่ดิน และทั้งสองฝ่ายมีการฟ้องคดีอาญากันอีกหลายคดีรวมถึงคดีที่มีนัดพิจารณาวันนี้ด้วย โดยคดีนี้เป็นการฟ้องคดีอาญา ข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ อยู่ระหว่างการสืบพยานฝ่ายจำเลย โดยได้รับรายงานว่าในการพิจารณาคดีที่ผ่านมามีการโต้เถียงกันของทั้งสองฝ่ายอยู่บ่อยครั้ง ขณะเกิดเหตุวันนี้องค์คณะผู้พิพากษายังไม่ได้ขึ้นนั่งพิจารณาคดี เนื่องจากคู่ความในคดียังเดินทางมาไม่ครบ ในช่วงที่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์เดินออกจากห้องพิจารณาคดี จำเลยที่ 3 ( พล.ต.ต.ธารินทร์) ได้ก่อเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ศาลได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ลงนามใน หนังสือถึงหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดศาลยุติธรรม ให้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในบริเวณศาล
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยานหลักฐานด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดของผู้ก่อเหตุเป็นสำคัญ
รวมทั้งผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ ลงไปกำชับ กวดขัน การปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณที่ทำการของศาลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่ได้รับการประสานขอกำลังไปปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติมจากศาล โดยต้องบูรณาการกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยของศาลและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบอาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย ใช้หลักยุทธวิธี ระดับการใช้กำลัง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ยิงกันภายในศาลจันทบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย ว่า มีการจับกุมคนร้ายแล้ว ก็ว่าไปตามเรื่อง ไม่ต้องกำชับอะไร เป็นเรื่องของกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ใครผิดก็ติดคุกไป ศาลตัดสินเอง ศาลดูแล
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเหตุการณ์ ยิงกันในศาลจังหวัดจันทบุรีว่า อาวุธที่ใช้ ก็เป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนในศาล อันนี้ก็เป็นเรื่องของมาตรการป้องกัน ดังนั้น เรื่องของการทบทวนมาตรการดูแลความปลอดภัยต่างๆ ต้องสังคายนาว่ากันระหว่างส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางศาล และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้กล่าวย้ำถึง มาตรการรักษาความปลอดภัยรัดกุมบริเวณศาลว่า การดูแลความเรียบร้อยในศาลมีด้วยกัน 3 ส่วน ส่วนผู้ต้องขังจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จากกรมราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร่วมดูแล และในส่วนของศาลเองมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่จัดสรรการจ้างมาจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ซึ่งไม่มีอาวุธประจำกาย
ในส่วนของศาลนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมก็กำลังพัฒนาระบบเจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือ คอร์ทมาแชล (COURT MARSHAL) ซึ่งปัจจุบันนี้มีข้าราชการที่รับโอนมาผ่านการฝึกอบรมพร้อมปฏิบัติหน้าที่แล้วทั้งสิ้น 35 ราย โดยในปี 2563 เราจะคัดเลือกบุคคลให้ได้ อย่างน้อย 300 คนเพื่อที่จะนำอัตรากำลังในส่วนนี้ที่ศาลจัดดำเนินการเอง กระจายไปประจำการยังศาลภาคต่างๆ ทั่วประเทศที่มีอยู่ 275 แห่ง
นายสุรินทร์ ชลพัฒนา เลขาธิการประธานศาลฎีกา ได้เข้าพบนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ที่ศาลจังหวัดจันทบุรี พร้อมกล่าวว่า ประธานศาลฎีกา ได้สั่งการให้สำนักงานศาลยุติธรรม ทบทวน ตรวจทานระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวบุคลากร หรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
นายสุรินทร์กล่าวว่า ตนยังได้รับรายงานจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดจันทบุรีว่า เหตุครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนศาลจะเริ่มสืบพยานจำเลยนัดแรก หลังจากสืบโจทก์มาแล้ว 20 นัด ขณะเดียวกันอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 กำลังตรวจเยี่ยมศาลจังหวัด โดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลกำลังกล่าวรายงานได้ยินเสียงปืนหลายนัด ทราบในเวลาต่อมาว่าจำเลยที่ 3 ใช้อาวุธปืนพกสั้นที่ซุกซ่อนมิดชิด จ่อยิงโจทก์ ทนายโจทก์ ตาย และกระสุนถูกภรรยาทนายโจทก์บาดเจ็บสาหัส โดยมีตำรวจจาก สภ.เมืองจันทบุรี วิ่งเข้ามาในห้องที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากไม่สบาย ทางเสมียนทนายโจทก์เห็น จึงขอปืนจากตำรวจยิงใส่จำเลยที่ 3 ผ่านกระจกประตูห้องพิจารณาถูกร่างจำเลยที่ 3 ถึง 6 นัด ทราบภายหลังว่า จำเลยที่ 3 เสียชีวิต